ไม้ที่ใช้ทำกลองแตกต่างกันอย่างไร
สวัสดีครับวันนี้ Music Arms จะมาพูดถึงไม้ที่นำมาทำตัวถังกลองกันครับ ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจก่อนว่าเสียงของกลองนั้นเกิดจากการทำให้หนังเกิดการสั่นสะเทือนส่งการสั่นสะเทือนนั้นเข้าผ่านตัวถังของกลอง (Shell Drum) ความสั่นสะเทือนที่เราส่งผ่านเข้าไปนั้นจะเกิดจากทั้ง ตัวถังกลอง หนังที่ใส่ ไม้ที่ใช้ตี น้ำหนักในการตี การตั้งเสียงกลอง ฯลฯ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ Music Arms จะพาคุณไปพิจารณากันว่าตัวถังกลองทำจากไม้เหมือนกันแต่ให้ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันอย่างไรเราไปดูไม้ทั้ง 10 ชนิดกันครับ
Maple Wood (ไม้เมเปิ้ล) เป็นไม้ที่ใช้ในผลิตเป็นตัวถังกลองมาตั้งแต่ช่วงปลายของศตวรรษที่ 18 ข้อดีของไม้เมเปิ้ลคือมีการโค้งงอได้ดีทนต่อแรงบีบอัด เหมาะสำหรับที่จะนำไปทำด้วยเทคนิคต่าง ๆ ผู้ผลิตกลองส่วนใหญ่จึงนิยมที่จะใช้ไม้เมเปิ้ลในการผลิตกลองเนื่องจากคุณสมบัติพิเศษตรงนี้ ไม้เมเปิ้ลเมื่อนำมาผลิตเป็นตัวถังกลองแล้วไม้เมเปิ้ลจะให้เสียงที่ Balance นุ่ม อุ่น ให้ความกลมกล่อมของเสียงมีหางเสียงของกลองที่เป็นเอกลักษณ์ Music Arms จะขอยกตัวอย่างกลองที่ใช้ไม้เมเปิ้ลในการนำมาทำกลองกันครับ เช่น Yamaha Tour Custom, Pearl Decade Maple, Tama Superstar Classic, Ludwig Centennial เป็นต้นครับ
Birch Wood (ไม้เบิร์ช) เป็นไม้ที่นิยมใช้กันมาหลายปีนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 70 เปลือกไม้ชนิดนี้ให้ความแตกต่างจากไม้เมเปิ้ลเป็นอย่างมากเนื้องจากเป็นไม้เบิร์ชเป็นไม้เนื้อแข็ง ไม้ชนิดนี้ให้เนื้อเสียงที่มีความหนักแน่น ดุดัน เวลาตีจะให้ความรู้สึกชัดเจนของเนื้อเสียง ด้วยคาแร็คเตอร์ของไม้ชนิดนี้ จึงเหมาะกับการไปเล่นในเพลงที่ดนตรีหนัก ๆ อย่างดนตรีร็อค ทั้งนี้ Music Arms ขอนำเสนอตัวอย่างกลองที่ผลิตจากไม้ชนิดนี้ครับ เช่น Yamaha Stage Custom Hip, Ludwig Element Brich เป็นต้น
Mahogany (ไม้มะฮอกกานี) เป็นไม้ที่ได้มาตรฐานอุสาหกรรมการผลิตตัวถังกลองมานานกว่า 50 ปี ตัวกลองที่ผลิตจากไม้มะฮอกกานีนั้นจะมีความพิเศษทางด้านเสียงที่อุ่นโทนเสียงแบบวินเทจ (Vintage tone)เสียงต่ำลึก เสียงอ้วนใหญ่ ที่ดียอดเยี่ยมและอบอุ่น ตั้งเสียงกลองในระดับกลางจะให้ความนุ่มนวลของเสียง และเมื่อตั้งเสียงกลองระดับสูงจะไม่ดุดันแต่ให้ความกลมกล่อมมากกว่า แต่เนื่องจากไม้มะฮอกกานีมีข้อเสียคือการรั่วซึมที่ง่ายทำให้การผลิตเป็นไปได้ยาก มีต้นทุนการผลิตที่สูง Music Arms ขอแนะนำตัวอย่างกลองที่ผลิตจากไม้ชนิดนี้กันครับ เช่น Tama Star Mahogany, Ludwig Legacy Mahogany เป็นต้นครับ
Beech wood (ไม้บีช) เป็นหนึ่งในไม้ตัวเลือกที่เหมาะสมทำตัวถังกลอง สำหรับมือกลองที่ต้องการหาโทนเสียงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยโทนเสียงสูงและโทนเสียงกลางที่มีความคมชัด พร้อมด้วยโทนเสียงต่ำที่มีความไวและเข้มข้นละเอียดอ่อนมีโฟกัสของเสียง นอกจากเสียงที่เป็นเอกลักษณ์แล้วลายของไม้บีชยังสวยงามเป็นเอกลักษณ์อีกด้วยครับ Music Arms ขอยกตัวอย่างกลองที่ทำจากไม้ชนิดนี้ครับ Sonor Beech Infinite Special
Cherry wood (ไม้เชอรี่) ไม้เชอรีเป็นไม้ที่ให้โทนสีของเสียงที่อบอุ่นเป็นพิเศษ โดดเด่นด้วยในโทนเสียงสูง และบาลานซ์โทนเสียงกลางและเสียงต่ำที่หนักแน่น และเสียงของไม้เชอรรี่จะให้ความสว่างและไว ด้วยโทนเสียงที่ทรงพลัง ทุ้มลึก จึงทำให้ไม้เชอร์รี่ที่นำมาทำตัวถังกลองเหมาะสำหรับทุกเวที สามารถใช้กับสไตล์การตีกลองได้หลากหลายแบบ Music Arms ขอแนะนำตัวอย่างกลองที่ผลิตจากไม้ชนิดนี้กันครับ Mapex Cherry Bomb 4-piece เป็นต้น
Bubinga wood (ไม้บูบิงก้า) หากคุณเป็นมือกลองที่ชอบการตีแบบสไลต์ Rock, Metal ไม้บูบิงก้านี้ถือว่าเหมาะและตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ ไม้บูบิงก้าให้จะโทนเสียงที่มีความรุนแรงแต่แฝงไปด้วยความอ่อนไหว ด้วยระดับความถี่ของเสียงกลางและสูงที่เท่ากัน ให้โทนเสียงต่ำที่มีความเข้มข้นเป็นอย่างมากด้วยเสียงที่ Dark อบอุ่นดุดันของไม้บูบิงก้านี้จึงทำให้เหมาะกับแนวดนตรีที่มีความดุดันแบบไม่เกรงใจใคร อย่าง Rock, Metal Music Arms ขอแนะนำตัวอย่างกลองที่ผลิตจากไม้ชนิดนี้กันครับ Tama Star Drum Bubinga White Ebony เป็นต้น
Poplar wood (ไม้ป๊อบล่า) เป็นไม้ที่ให้โทนเสียงกลางและโทนเสียงสูงออกไปทางนุ่มนวล ใส กังวาน พร้อมด้วย ความอบอุ่นของโทนเสียงต่ำ เสียงของไม้ป๊อปล่าที่นุ่มนวลนี้ทำให้เหมาะกับการตีกลองในสไตล์ต่าง ๆ ที่ไม่ว่าจะหนักแรงแค่ไหน เสียงก็จะออกมาชัดเจนอย่างควบคุมได้ ให้เสียงแหลมที่สดใสแต่ยังคงความอบอุ่นไว้อยู่เสมอ พร้อมทั้งสร้างความสมดุลของ sustain และยังเหมาะสมที่จะนำไปใช้งานสำหรับในสตูดิโอ การแสดงสด Music Arms ขอยกตัวอย่างยี่ห้อกลองที่ใช้ไม้ชนิดนี้ในการทำถังกลองครับ Gusta Performance Yamaha Rydeen เป็นต้นครับ
Oak wood (ไม้โอ๊ก) ไม้โอ๊กเป็นไม้ที่มีความอเนกประสงค์ที่นำไปผลิตในอุสาหกรรมที่หากหลาย เช่น อุตสาหกรรมไวน์ และในอุสาหกรรมของดนตรีอย่างเช่น กลอง หรือไม้กลอง ไม้ชนิดนี้ให้โทนเสียงที่มีความอบอุ่นเป็นพิเศษ ด้วยความสมบูรณ์ของเนื้อไม้ทำให้คุณสามารถตั้งเสียงกลองได้สูง แหลมนุ่มนวล เสียงกลางให้ความชัดเจน เสียงต่ำมีความอบอุ่น แม้ว่าไม้โอ๊กจะเป็นไม้ที่พบได้น้อยกว่าไม้ชนิดอื่น ๆ ในการที่จะนำมาทำเป็นตัวถังกลอง แต่ไม้โอ้กนั้นมีพื้นผิวที่แข็งแรงและทนทาน และมีคุณสมบัติทางเคมีที่อยู่ในตัวของไม้โอ๊กไม่ทำให้ไม้เกิดเชื้อรา Music Arms ขอแนะนำตัวอย่างกลองที่ผลิตจากไม้ชนิดนี้กันครับ Ludwig Classic Oak เป็นต้น
Walnut Wood (ไม้วอลนัท) เป็นที่โดดเด่นในด้านความสวยงามและความทนทาน เปลือกไม้ของมันสามารถนำมาทำกลองได้ดี โดยลักษณะเด่นของไม้ชนิดนี้คือการให้ EQ ที่เป็นธรรมชาติสมบูรณ์แบบ ซึ่งไม้วอลนัทนั้นได้สร้างโทนเสียงสูง เสียงกลาง และเสียงต่ำที่มีบาลานซ์ที่เท่า ๆ กัน เพื่อสร้างความหนักแน่นและความอบอุ่นของเสียง โดยลักษณะโดดเด่นทางด้าน EQ ของไม้นั้นทำให้กลองนั้นสามารถใช้งานได้ดีทั้งในงานด้านสตูดิโอและการแสดงบนเวที ด้วยความสวยงามและทนทานของไม้วอลนัท อุสหกรรมทางด้านเฟอร์นิเจอร์ยังนิยมนำไปใช้ทำเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย Music Arms ขอแนะนำตัวอย่างกลองที่ผลิตจากไม้ชนิดนี้กันครับ Tama Star Walnut Drum Kits เป็นต้น
Ash Wood (ไม้แอช) ด้วยความยึดหยุ่นแต่แฝงไปด้วยความแข็งแรงของไม้แอชนั้น ทำให้ไม้ชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการนำมาผลิตเป็นตัวถังกลอง ให้เสียงที่มีความรวดเร็วและโทนเสียงที่มีความละเอียด ของเสียงสูง กลาง ในขณะเดียวกันเมื่อตั้งเสียงกลองที่ต่ำจะได้โทนเสียงที่มีความเข้มข้นมาก ไม้แอชยังให้ประโยชน์ในด้านความสวยงามของตัวกลองเนื่องจากลายไม้ตามธรรมชาติที่มีความบอบบางจึงทำให้กลองได้ลายไม้ที่เป็นธรรมชาติดูสวยงาม Music Arms ขอแนะนำตัวอย่างกลองที่ผลิตจากไม้ชนิดนี้กันครับ Crush Chameleon Ash เป็นต้นครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับไม้ 10 ชนิดที่นำมาทำกลองจริง ๆ แล้วกลองสามารถนำวัสดุอื่น ๆ มาทำได้เหมือนกันนะครับเช่น เหล็ก ทองแดง อะคริลิค ฯลฯ เพื่อให้โทนเสียงที่แตกต่างกันออกไปรวมไปถึงได้คาแรคเตอร์ใหม่ ๆ อีกด้วยครับ ครั้งหน้า Music Arms จะเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันอีกโปรดติดตามบทความดี ๆ ได้จากทาง Music Arms ครับขอบคุณครับ