LINE


Shure BLX288A/SM58-M19 ไวเลสไมค์ 3 ฟังชั่นการทำงานพร้อมคุณภาพเสียงระดับตำนาน

ไปซื้อ Shure BLX288A/SM58-M19 ไวเลสไมค์ 3 ฟังชั่นการทำงานพร้อมคุณภาพเสียงระดับตำนานที่สาขา

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่านหากท่านผู้อ่านได้คลิ๊กเข้ามาในบทความนี้ผมเองก็มีความเชื่อว่าผู้อ่านคงมีความสงสัยและมีความสนใจเกี่ยวกับ Shure BLX Series อยู่ไม่น้อยถูกต้องมั้ยละครับ แน่นอนว่า BLX Series นี้ก็ไม่ใช่ซีรี่ย์ใหม่จากทาง Shure แต่แปลกที่ Shure BLX Series นั้นยังคงเป็นไวเลสไมค์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเนื่องจากทั้งฟังชั่นในการใช้งานที่ทาง Shure ได้ให้มาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ตามความชอบของผู้อ่านเองอีกทั้งยังเป็นไมค์ที่มีความสามารถหลากหลายที่เรียกได้ว่าเป็นมากกว่าไมค์หนึ่งชนิดก็ว่าได้เอาละเราไปดูกันครับ

อันดับที่หนึ่งเลยนะครับผมจะพาคุณผู้ชมมารู้จักกับอุปกรณ์และตัวอักษรที่เป็นรหัสของสินค้าคราว ๆ ของ BLX ซีรีย์กันก่อนครับ จากรหัสยาว ๆ ที่ผู้อ่านได้อ่านจากชื่อของบทความนี้นะครับตอนแรกผมเองก็งงมาก ๆ ว่ารหัสสินค้าทำไมมันยาวขนาดนั้น แต่ทุกตัวอักษรมีความหมายหมดเลยครับอักษรที่ปรากฏมีความหมายแบบนี้ครับ BLX แน่นอนว่าคือชื่อซีรีย์ของไมค์ไวเลสนี้ครับเลข 2 ที่ตามหลังหมายถึงไมค์แบบมือถือครับเลข 88 ที่ตามหลังหมายถึงเครื่องรับสัญญาณ Receiver ครับและ / ด้วย SM58 ก็คือชนิดของหัวไมโครโฟนของ Shure และสุดท้าย M19 หมายถึงสามารถใช้งานพร้อมได้ได้ 7 ความถี่ สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ครับ Shure BLX288A/SM58-M19 เป็นไวเลสไมค์แบบมือถือคู่ที่เป็นหัวไมค์ SM58 และสามารถใช้งานคลื่นความถี่ได้พร้อมกันถึง 7 ความถี่นั่นเองครับ

Shure BLX ซีรี่ย์นี้มาพร้อมกับ Receiver ที่เป็นตัวภาครับสัญญาณให้ผู้ใช้งานได้เลือกตามความเหมาะสมครับตามการใช้งานของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นแบบไมค์เดี่ยวอย่าง BLX4, BLX4R หรือไมค์คู่ BLX88 ทั้งนี้จะเห็นว่ามีรหัส R เข้ามาด้านหลังของ BLX4 นั่นก็คือเป็น Receiver ที่สามารถนำไปติดตั้งกับแร็คนั่นเองครับซึ่งในกล่องก็จะมีอุปกรณ์มาให้ครบครันเราแบบครบคันเลยครับ และอีกความแตกต่างหนึ่งที่สังเกตุได้เลยคือบอดี้ของ BLX4, BLX88 นั้นจะทำจากพลาสติก ABS (จุดเด่นคือความแข็งแรง, ความยืดหยุ่น, ทนทานต่อสภาพอากาศ) แต่บอดี้ของ BLX4R จะทำจากโลหะนั่นเอง ความแตกต่างหลัก ๆ ที่สังเกตได้ง่ายเลยก็คือ BLX4R แตกต่างจาก BLX4 ก็คือจะมีหน้าจอแสดงผลที่เป็น LCD บอกสถานะต่าง ๆ ของการใช้งานมีการแสดง RF และ Audio เป็น Bargraph Meter มีไฟแสดงสถานะของ Battery เป็น LED ที่อยู่ที่หน้าเครื่องของ Receiver เพื่อความสะดวกในการใช้งานของผู้ใช้งานทำให้รู้สถานะของแบตเตอรี่จาก receiver ค่อนข้างที่จะมีความยืดหยุ่นในการใช้งานที่มากกว่า อีกข้อดีของ BLX4R ก็คือ สามารถปรับความแรงของสัญญาณ Output ได้ด้วย Shure BLX ซีรีย์นั้นมาพร้อมการทำงานย่านความถี่ UHF สามารถใช้งาน Receiver ได้พร้อมกันได้มากสูงสุดถึง 9 ตัว ส่งสัญญาณได้ไกลถึง 90 M. (ในสถานที่เปิดกว้าง)

Shure BLX มีทั้งไมค์ที่เป็นแบบมือถือและแบบ BodyPack ที่สามารถใช้งานกับไมค์ชนิดอื่น ๆ ได้มีอะไรบ้างเรามาดูกันครับ BLX1 Bodypack เป็นตัว Transmitter ที่ใช้งานกับไมค์ได้หลากหลายประเภททั้ง Guitar, Headset, Lavalier, Instrument วงจรด้านการใช้งานจะเหมือนกับไมค์มือถือ BLX2 เลยและได้พัฒนาวัสดุใหม่พร้อมทั้งเปลี่ยนปุ่มเปิด – ปิดการใช้งานจากเป็นปุ่มกดก็เปลี่ยนมาเป็น Toggle Switch สวิตช์ที่เปิด- ปิดไปทางซ้ายหรือขวาแทน และใช้เวลาเพียงเสี่ยววิเท่านั้นในการเชื่อมต่อปรับ Gain สัญญาณ Input ที่เข้ามาจากการหมุน Variable Gain Input -10dB to +16dB โดยการเปิดฝาที่หน้าเครื่องการใช้งานเป็นถ่านขนาด AA 2 ก้อนใช้งานได้นานสูงสุดถึง 14 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)

Shure BLX2 เป็นไวเลสไมค์สำหรับ ร้อง-พูด เป็นไมค์ประเภท ไดนามิก Dinamic รูปแบบการรับเสียงแบบ คาร์ดิออยครับ Shure BLX2 ไมค์มือถือมีให้เลือกด้วยกัน 3 หัวนั่นก็คือ PG58 SM58 BETA58A ไม่สามารถที่จะถอดหัวเปลี่ยนได้ผู้ใช้งานจะต้องเลือกแบบเจาะจงไปเลยว่าอยากได้คาแร็คเตอร์เสียงแบบใด ( คลิ๊กที่นี่ เพื่อฟังคาแร็คเตอร์ของหัวไมค์ ) มีการพัฒนาวงจรด้านในใหม่ของ Shure BLX2 ให้การเปิด-ปิดการใช้งานนั้นสามารถใช้เวลาได้เพียงเสี่ยววินาทีอีกทั้งยังไม่มีเสียง “พรึบ” ในการเปิดปิดการใช้งานด้วยตัววัสดุพัฒนาใหม่ให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นในการใช้งานของตัว BLX2 (ปัญหาที่พบเจอบ่อยจากผู้ใช้งานคือการบิดปลอกถ่านจนเกลียวแตกและ Shure ก็รับรู้ได้ถึงปัญหานี้จึงพัฒนาวัสดุใหม่ให้มีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมครับ ผมว่าทาง Shure ใส่ใจการใช้งานของผู้ใช้งานอยู่นะครับดีเยี่ยม) ใช่ถ่านขนาด AA 2 ก้อนใช้งานได้สูงสุด 14 ชั่วโมง(เรียกได้ว่าตอบโจทย์อย่างมากหากท่านเป็นนักร้องหรือพิธีกรที่ต้องวิ่งไปหลาย ๆ งานในวันเดียวมีไมค์ BLX2 ไว้ก็อุ่นใจไม่ทำให้คุณต้องมานั่งที่จะเปลี่ยนไมค์ถ่านใช้งานบ่อย ๆ แต่ระยะการใช้ของแบตเตอรี่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณด้วยครับ)

เรามาพูดถึงฟังชั่นที่ทาง Shure BLX ซีรีย์ให้เรามาดีกว่าครับ Shure BLX ซีรีย์นะครับมีฟังชั่นการใช้งานหลัก ๆ ด้วยกัน 3 ฟังชั่นด้วยกันนั่นก็คือ

  • One-Touch QuickScan เป็นฟังชั่นที่สแกนหาคลื่นความถี่และกรูฟ ได้ไปพร้อม ๆ กันให้เราและเลือกความถี่ที่มีchannel ให้เราเลือกใช้งานมากที่สุดโดยไม่ต้องมานั่งหาสแกนที่ละตัวระหว่างคลื่นความถี่กับchannel ลดการset up ให้น้อยลงเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้มากขึ้น
  • Adjisting Gain -10dB ใช้สำหรับเสียงร้องหรือพูดที่ใช้เสียงดังอย่างแนวดนตรี Rock และต้องการ ปรับลด Gain ความดังที่จะเกิดขึ้นได้ระหว่างการใช้งาน สำหรับการลด Gain ของไมค์มือถือเพียงแค่หมุนฝาครอบถ่านออกมาก็แล้วกดค้างไปที่ปุ่ม Channel จนขึ้น . (จุด) เล็ก ๆ ขึ้นมาก็ใช้ฟังชั่นนี้ได้แล้วถ้าเป็น BodyPack เพียงหมุนปุ่ม Variable Gain Input -10dB – +16dB (เปิดฝาหน้าเครื่อง BodyPack ก็เจอปุ่มนี้ครับ)
  •  Lock Out System ป้องกันการปรับเปลี่ยนค่าต่าง ๆ ที่เราตั้งไว้ทั้งตัว Transamitter และ Receiver จากบุคคลอื่นที่มาซนกดปุ่มต่าง ๆ ของเรา สำหรับ Receiver ให้กดไปที Group และ Channel พร้อมกันแล้วค้างไว้ 5 วินาทีก็จะเป็นการเปิดฟังชั่น Lock out แล้ว และถ้าอยากทำการแก้ไขก็เพียงแค่ทำเหมือนเดิมครับ สำหรับ Transmitter ก็ทำเช่นเดียวกันครับ

สุดท้ายนี้หากให้ผมเองเป็นผู้สรุปเลยว่า Shure BLX นั้นเหมาะกับผู้ใช้งานใดและใช้งานได้ประเภทไหนบ้างส่วนตัวคงบอกได้ว่าเหมาะสมกับงานทุกประเภทเลยครับสามารถเป็นไมค์ที่จะซื้อใช้เป็นของส่วนตัวเพื่องานร้องเพลงก็ได้หรือจะซื้อไว้เพื่อเป็นงานพิธีกร จะเอาไว้ติดตั้งห้องประชุมขนาดเล็กหรือใหญ่ใช้จำนวนเยอะ ๆ ก็ไหวแน่นอนครับ และนี่ก็คือทั้งหมดของ Shure BLX288A/SM58-M19 ไวเลสไมค์ 3 ฟังชั่นการทำงานพร้อมคุณภาพเสียงระดับตำนาน ครับสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะดูสินค้าอื่น ๆ เกี่ยวกับไมโครโฟนก็สามารถ คลิ๊กที่นี่ ได้เลยเพื่อดูสินค้าอื่น ๆ หรือติดต่อสอบถามพนักงานได้ตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ของ Music Arms ได้เลยครับ เลือกซื้อไมโครโฟนคุณภาพดีอย่าลืมเลือกซื้อที่ Music Arms นะครับ วันนี้ผมขอตัวลาไปก่อนสวัสดีครับ -/\-

Music Arms