กลอง Drums
กลองเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องกระทบ(Percussion) ที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ยุคก่อน ประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน สามารถพบได้ในทุกวัฒนธรรมทั่วโลกและถูกนำมาใช้ในดนตรีทุกแนว ไม่ว่าจะเป็นดนตรีพื้นเมือง ดนตรีคลาสสิก หรือดนตรีสมัยใหม่
ประวัติและพัฒนาการของกลอง
กลองเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ มีการค้นพบหลักฐานว่ากลองถูกใช้มาตั้งแต่ยุคหินโดยมีการขึงหนังสัตว์ลงบนภาชนะไม้หรือดินเผาแล้วตีเพื่อสร้างจังหวะ
– กลองยุคโบราณ : พบหลักฐานของกลองในอียิปต์โบราณ เมโสโปเตเมีย จีน และแอฟริกา ซึ่งมักใช้ในพิธีกรรมและการสื่อสาร
– กลองในยุคกลางและยุคเรเนซองส์ : ในยุโรปกลองถูกใช้ในวงดนตรีทหารเพื่อควบคุมการเดินทัพ
– กลองในยุคโมเดิร์น : ในศตวรรษที่ 19-20 กลองเริ่มพัฒนาเป็นกลองชุดที่ใช้ในวงดนตรีสมัยใหม่ เช่น แจ๊ส ร็อก และป๊อบ
1. โครงสร้างทางกายภาพของกลอง
กลองทุกชนิดมีโครงสร้างพื้นฐานคล้ายกัน ซึ่งมีองค์ประกอบที่ส่งผลต่อคุณภาพเสียงและลักษณะการเล่น ดังนี้
1.1 ตัวกลอง (Shell)
ทำจากวัสดุที่หลากหลาย เช่น ไม้ (Wood), โลหะ (Metal), ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass), อะคริลิก (Acrylic)
ชนิดของไม้ที่ใช้ทำตัวกลองมีผลต่อเสียง เช่น
– ไม้เมเปิล (Maple) – เสียงอุ่น นุ่ม และมีบาลานซ์ที่ดี
– ไม้มะฮอกกานี (Mahogany) – เสียงต่ำแน่นและอบอุ่น
– ไม้เบิร์ช (Birch) – เสียงใสและชัดเจน
– ไม้โอ๊ค (Oak) – เสียงดังและก้องกังวาน
1.2 หน้ากลอง (Drumhead หรือ Drum Skin)
ทำจาก หนังสัตว์ (ธรรมชาติ) หรือ พลาสติกสังเคราะห์
มีทั้งหน้ากลองแบบ เคลือบ (Coated Head) และ ไม่เคลือบ (Clear Head)
การเลือกหน้ากลองมีผลต่อเสียง เช่น
Single Ply – เสียงใส กังวาน
Double Ply – เสียงหนา แน่น และลดการสั่นสะเทือน

1.3 ขอบกลอง (Hoop/Rim)
ทำจากไม้หรือโลหะ ใช้กดหน้ากลองให้อยู่กับตัวกลอง
กลองที่มีขอบไม้ให้เสียงที่อุ่นและมีความหนาแน่น ในขณะที่ขอบโลหะให้เสียงที่คมชัดและดัง
1.4 สกรูปรับเสียง (Tension Rods & Lugs)
ใช้ในการปรับความตึงของหน้ากลอง ส่งผลต่อโทนเสียงของกลอง
หากขึงแน่น เสียงจะสูงและกังวาน หากขึงหลวม เสียงจะต่ำและทุ้ม

1.5 สายสแนร์ (Snare Wire)
เป็นลวดโลหะที่ติดใต้หน้ากลองของกลองสแนร์
2. ประเภทของกลองและลักษณะเฉพาะ
2.1 กลองในดนตรีสากล
กลองชุด (Drum Kit) ประกอบด้วยกลองหลายใบ เช่น
– กลองสแนร์
– กลองเบส
– กลองทอม (Tom-Toms)
– ฉาบ (Cymbals)
ใช้ในดนตรีร็อก แจ๊ส ป๊อป และแนวอื่นๆ
กลองสแนร์ (Snare Drum)
มีสายสแนร์ช่วยให้เสียงแตกพร่า
ใช้ในวงโยธวาทิต วงออเคสตรา และวงดนตรีทั่วไป
กลองเบส (Bass Drum)
กลองขนาดใหญ่ที่ให้เสียงต่ำและลึก
ใช้ในดนตรีร็อก แจ๊ส และดนตรีคลาสสิก
กลองทิมปานี (Timpani)
ใช้ในวงออเคสตรา ปรับเสียงโดยใช้กลไกเหยียบ

2.2 กลองพื้นเมืองและกลองพื้นบ้าน
กลองไทย
กลองตะโพน – กลองสองหน้าที่ใช้ในดนตรีไทย
กลองยาว – ใช้ในขบวนแห่และการแสดงพื้นเมือง
กลองแอฟริกัน
ดีเจมเบ้ (Djembe) – มีรูปทรงเป็นกรวย ให้เสียงที่ดังและก้อง
กลองทอล์คกิ้งดรัม (Talking Drum) – ปรับระดับเสียงได้โดยบีบเชือกด้านข้าง

กลองลาตินอเมริกา
กลองคองกา (Conga) – กลองยาวที่เล่นด้วยมือ
กลองบองโก (Bongo) – กลองคู่เล็ก ให้เสียงแหลม
3. บทบาทของกลองในดนตรี
กลองเป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญมากในวงดนตรี โดยมีบทบาทหลักดังนี้
– กำหนดจังหวะ (Rhythm Keeper) – กลองเป็นหัวใจของจังหวะ ทำให้เครื่องดนตรีอื่นๆ เล่นได้สอดคล้องกัน
– เพิ่มไดนามิก (Dynamic Control) – สามารถสร้างอารมณ์ให้เพลง เช่น ทำให้เพลงมีพลัง หรือให้ความรู้สึกสงบ
– ช่วยเปลี่ยนโครงสร้างเพลง (Song Transitioning) – ใช้เปลี่ยนท่อนเพลง เช่น Fill และ Break
4. เทคนิคการเล่นกลอง
4.1 การจับไม้กลอง (Stick Grip)
Matched Grip – จับไม้กลองทั้งสองข้างเหมือนกัน
Traditional Grip – วิธีจับไม้กลองแบบดั้งเดิมสำหรับกลองแจ๊สและวงโยธวาทิต
4.2 การตีไม้กลอง (Stick Techniques)
Full Stroke – ตีไม้กลองแล้วปล่อยให้ไม้เด้งขึ้น
Down Stroke – ตีไม้กลองแล้วกดให้ไม้ค้าง
Ghost Note – การตีเบาๆ เพื่อเพิ่มมิติของเสียง
4.3 การเล่นจังหวะ (Groove & Rhythm)
Rock Beat – จังหวะพื้นฐานของดนตรีร็อก
Jazz Swing – จังหวะสวิงในดนตรีแจ๊ส
Funk Groove – จังหวะที่ซับซ้อนและหนักแน่น
5. วิวัฒนาการของกลอง
ยุคโบราณ – กลองใช้ในพิธีกรรมและการสื่อสาร
ยุคกลาง – กลองถูกใช้ในสงครามและดนตรีราชสำนัก
ยุคปัจจุบัน – กลองพัฒนาเป็นเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัล
กลองเป็นเครื่องดนตรีที่มีความหลากหลายทั้งในแง่ของโครงสร้าง ประเภท เทคนิคการเล่น และบทบาทในดนตรี เป็นหัวใจของจังหวะที่ช่วยให้ดนตรีมีชีวิตชีวาและพลังมากขึ้น

“กลองไม่ได้เป็นเพียงเครื่องดนตรี แต่เป็นพลังแห่งจังหวะที่ขับเคลื่อนโลกของเสียงดนตรี”