สำหรับมือคีย์บอร์ดอาชีพหรือผู้ที่เริ่มเล่นคีย์บอร์ดน่าจะถูกอกถูกใจกับปี 2018 ไม่น้อย เพราะในปีนี้แบรนด์ดังต่างๆพาเหรดกันออกรุ่นใหม่เพียบ โดยเฉพาะแบรนด์ตัวพ่ออย่าง Yamaha และ Casio ซึ่งในวันนี้ทาง Musicarms จะขอเอา 2 รุ่นใหม่สุดคูลอย่าง Casio CT-X3000 และ Yamaha PSR-E463 มาแนะนำเพื่อนๆ รวมถึงเปรียบเทียบกันจะๆไปเลยว่ารุ่นไหนน่าใช้กว่ากัน เพราะเชื่อว่าคงมีหลายคนกำลังตัดสินใจเลือกระหว่าง 2 รุ่นนี้อยู่ ดังนั้นก่อนอื่นเราไปดูสเปคทั้งสองรุ่นนี้ด้านล่างกันเลย
ข้อมูล :  Casio CT-X3000 คีย์บอร์ด 61 คีย์ พลิกโฉมไปอีกระดับขั้นด้วยระบบเสียง AiX Sound Source ให้เสียงที่มีมิติและสมจริงมากกว่าเดิม เสียง Backing Track ทั้งกลองและเบสจะแน่นกว่าเดิม ด้วยลำโพงที่ออกแบบมาใหม่จึงให้ซาวด์ที่ชัดเจน สามารถใช้โทนเสียงมากมายตั้งค่า Preset ได้ถึง 800 เสียง มีฟังก์ชั่น Split และ Layer รวมถึงตั้งค่าจังหวะได้ 235 จังหวะ พร้อมเอฟเฟคต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็น Reverb, Chorus และ Delay ช่วยในการเล่นและบันทึกเพลงอย่างมีคุณภาพ
สำหรับเรื่องฟังก์ชั่นเทคโนโลยีต่างๆนับเป็นจุดเด่นของทาง Casio อยู่แล้ว จึงจัดเต็มมากับรุ่นนี้อย่างคุ้มค่า การทำเพลงเป็นเรื่องง่ายเพราะเชื่อมต่อได้ทั้ง MIDI และ USB สามารถตกแต่งเพลงได้โดยคีย์บอร์ดจะแบ่งภาคเสียงร้องและเสียงดนตรีออกจากกัน รวมถึงมีระบบตัดเสียงร้องเพื่อการแกะเพลงที่ง่ายขึ้นอีกด้วย บันทึกเพลงได้ถึง 10 เพลง 17 แทร็ค ปรับค่าอ็อคเต็ปต่างๆและเมโทรโนมได้ สามารถแบ่งเพลงเป็นกลุ่มและตัดต่อเพลงแบบรวมกันได้ ให้เสียงที่ทรงพลังด้วยลำโพงขนาด 10 ซม. แต่กำลังขับรวมถึง 12W ครบเครื่องทั้งเรื่องเทคโนโลยีและเรื่องเสียงที่ทาง Casio ภูมิใจนำเสนอแก่นักดนตรีทั่วโลก
จุดเด่น Casio CT-X3000
- ระบบเสียง AiX Sound ให้คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมทั้งเสียงคีย์บอร์ดและดนตรีประกอบ
- ลำโพงแบบใหม่ปรับ PA system 12W เสียงเบสแน่น ชัด กระหึ่ม
- ฟังก์ชั่นใช้งานหลากหลาย ปรับแต่งง่ายที่หน้าจอคีย์บอร์ด
- ซาวด์ในตัว 800 แบบ มากเกินใคร ใส่เพิ่มได้อีก 100
- ทำเพลงง่าย อัดได้ 17 แทร็ค มิกซ์ได้ 48 แชนแนล
- เอฟเฟคในตัวหลากหลายกว่า 100 แบบ
- สร้างจังหวะของตัวคุณเองพร้อมทั้งเอฟเฟคเฉพาะตัวได้ถึง 100 แบบ
- ดีไซด์แบบใหม่ โฉบเฉี่ยวกว่าเดิม
สเปค :  รายละเอียดคีย์บอร์ด Casio CT-X3000
- คีย์แบบสแตนดาร์ด 61 คีย์ สัมผัสแบบ 3 ระดับ
- โพลีโฟนีสูงสุด 48 โน๊ต
- โทนเสียง 900 โทน แบบ Preset 800 เสียง แบบ User 100 เสียง
- ฟังก์ชั่น เลเยอร์, สปลิต, การตั้งค่าคอร์ด
- เอฟเฟค Reverb 24 ระดับ
- เอฟเฟค Chorus 12 ระดับ
- เอฟเฟค Delay 15 ระดับ
- เอฟเฟค DSP 100 แบบ
- ตั้งค่า EQ ได้ 10 แบบ
- มีระบบตัดเสียงร้อง
- เมโทรโนม 16 จังหวะ ปรับระดับ Tempo ได้ตั้งแต่ 20-255
- เพลงในเครื่อง 30 เพลง เป็นแบบ User 10 เพลง บันทึกเพลงผ่าน MIDI ด้วยระบบ SMF
- 235 จังหวะในเครื่อง แบบ Uset 50 จังหวะ
- พรีเซตแบบวันทัช 235 แบบ พรีเซ็ตดนตรี 310 แบบ
- ตั้งค่าเฟรสได้ 100 แบบ (4 เฟรส x 25 แป้น) สามารถคัดลอก, ลบ, การแก้ไขเฟรสได้
- ระบบตั้งค่าสำเร็จรูปสูงสุด 128 การตั้งค่า (8 การตั้งค่า x 16 ช่อง)
- สามารถบันทึกเสียงแบบเรียลทาร์มได้
- บันทึกเพลงได้สูงสุด 10 เพลง 17 แทร็ค ความจุ 40000 ตัวโน๊ต ต่อ 1 เพลง
- ปรับอ็อคเต็ปได้ตั้งแต่ -12 ถึง +12 ครึ่งเสียง
- การปรับตั้ง: A4 = 415.5 ถึง 465.9 Hz (ค่าที่ตั้งไว้ตอนเริ่มต้น: 440.0 Hz)
- พรีเซตสเกล 17 แบบ
- Arpeggiator 150 ประเภท
- มีระบบ MIDI
- ระบบเสียง AiX Sound Engine
- เพลงสาธิต 3 เพลง
- ลำโพงขนาด 10 ซม. 2 ดอก
- กำลังไฟลำโพง 6W+6W
- มีช่องเสียบหูฟัง/เอาต์พุต หัวเสียบสเตอริโอมาตรฐาน
- ใช้อแดปเตอร์ขนาด 12V DC รุ่น AD-A12150LW หรือแบตเตอรี่ขนาด D 6 ก้อน ใช้งานต่อเนื่องได้ 10 ชม.
- ขนาด 94.8 x 38.4 x สูง 11.6 ซม..
- น้ำหนัก 6.9 กก.
ข้อมูล :  Yamaha PSR-E463 คีย์บอร์ดรุ่นใหม่ที่ออกมาในปี 2018 โดยพัฒนาจากรุ่น E453 เดิม จำนวนแป้นคีย์ยังคง 61 แป้นเช่นเดิม ตอบสนองทัชชิ่งได้ 3 ระดับ และตั้งค่า Fixed (ไม่ใช้งาน) ได้ ลูกเล่นต่างๆครบครันไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Pitch Bend การทำเสียงโพลีโฟนี หรือแม้แต่ระบบตัดเสียงแบบ Crossfade (ค่อยๆลดระดับเสียงเหมือนตอนจบเพลง) ที่ยังคงยกฟังก์ชั่นเดิมมาทั้งหมด แต่รุ่นนี้จะเพิ่มรูปแบบการตั้งค่า Preset จากเดิม 220 แบบ เป็น 235 แบบ ให้ใช้งานกันได้จุใจ พิเศษด้วยระบบ Sampling ที่หลายคนถามหาโดยทำได้ 3 แบบ คือ Normal, Oneshot, Loop ในระบบเสียงสเตอริโอ 16 บิท
นอกจากนี้แล้ว ตัวเอฟเฟค Reverb ยังปรับมาเป็น 12 แบบจากของเดิม 9 แบบ และเพิ่มการใช้งานจาก4 User เป็น 5 User เรียกว่าปรับลูกเล่นกันเพื่อผู้ใช้งานกันเต็มที่ ตัวคีย์บอร์ดสามารถใส่แฟลตไดร์ฟได้ อีกทั้งจำนวนเพลงที่อัดแต่ละเพลงสามารถใส่ได้ถึง 19000 ตัวโน๊ต แบบนี้มืออาชีพเล่นเพลงยาวๆได้จนจบเพลงสบายๆ หรือผู้เริ่มต้นก็สามารถใช้งานได้ง่ายด้วยแบบบทเรียนพร้อมกับฟังค์ชั่นเล่นตาม พลังเสียงกระหึ่มด้วยดอกลำโพง 12 ซม. 2 ตัวคู่ แบรนด์ Yamaha ชื่อเสียงกว้างขวางเชื่อถือได้ บอกเลยรุ่นใหม่ปี 2018 ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
ข้อดี Yamaha PRS-E463 ราคาเดิม เพิ่มเติมฟังก์ชั่น สุดล้ำกับการเป็น DJ
- เป็น DJ กันง่ายๆด้วยฟังก์ชั่น Groove Creator
- สร้างเสียงด้วยตัวเองกับระบบ Quick Sampling
- เชื่อมต่อ audio AUX และ USB เข้าสู่ตัวเครื่องได้โดยตรง
- ระบบเสียง WM Stereo พร้อมปุ่มซาวด์แกรนด์เปียโน
- Real-time backing ทำเพลง อัดเพลงได้ครบวง นานถึง 80 นาที
สเปค :  รายละเอียดคีย์บอร์ด Yamaha PSR-E463
- จำนวนแป้นคีย์ 61 แป้น
- การตอบสนองทัชชิ่งมีทั้งแบบ Soft, Medium, Hard และ Fixed
- มีระบบ Pitch Bend (โยกเสียงขึ้นไป ครึ่งหรือ 1 ออคเตป) แบบปุ่มคอนโทรล
- หน้าจอดิสเพลย์แบบ LED ภาษาอังกฤษ
- แผงหน้าจอเป็นภาษาอังกฤษ
- รูปแบบเสียง AWM Stereo
- จำนวนโพลีโฟนี 48 เสียง
- 758 เสียงเครื่องดนตรี (จำนวนเสียง 237 เสียง+ซาวด์กลองแบบ SFX 24 ซาวด์+40 Arpeggio+457 เสียงแบบ XGlite )
- เพิ่มจังหวะตามความต้องการได้ 10 จังหวะ
- ฟังค์ชั่นเสียงร้องทำเสียงแบบ Sweet ได้ 8 เสียง เสียง Cool ได้ 3 เสียง และเสียงไดนามิคได้ 3 เสียง
- การผสมเสียงเป็นแบบ GM,XGlite
- มีเอฟเฟค Reverb 12 แบบ, Chorus 5 แบบ DSP 10 แบบ (มีปุ่มปรับได้), EQ 6 ย่านเสียงและ มี Harmony 26 แบบ
- มีฟังค์ชั่นให้ใช้งานทั้งเล่นเป็นคู่, แบบแบ่งส่วนเล่น, แบบเล่นเดี่ยว, Arpeggio 150 แบบ, และเก็บเสียงเมโลดี้
- ระบบตัดเสียงแบบ Crossfade (ค่อยๆลดระดับเสียงเหมือนตอนจบเพลง) แบบ Internal/AUX IN
- รูปแบบการตั้งค่า Preset 235 แบบ
- รูปแบบการควบคุมมีทั้ง เปิด-ปิด ACMP, การเปิด/หยุด การซิงค์ข้อมูล การเปิด-ปิด อินโทรและท่อนจบ และเปิด-ปิดแทร็คเพลงที่เล่น
- หน่วยข้อมูลเก็บไฟล์แบบ SFF (ฮาร์ดดิสขนาดเล็กในตัว)
- มีระบบตั้งค่าด้วยปุ่มเดียว (One Touch Setting)
- รูปแบบ Expansion 10 รูปแบบ
- ตั้งค่า Preset Groove ได้ 35 แบบ
- สามารถเลือก Selection ได้ 4 แบบ และ Music Climax 1 แบบ
- มีเพลงในเครื่อง 30 เพลง สามารถอัดเพลงเพิ่มได้ 10 เพลง
- บันทึกเพลงได้ 6 แทร็ค (แทร็คเพลง 5 เพลง และ 1 จังหวะ) ความจุต่อเพลง 19000 ตัวโน๊ต
- รูปแบบข้อมูลการเล่นแบบ SMF อัดเพลงตามมาตรฐาน (มีระบบเพิ่มไฟล์ด้วยการพูด)
- บันทึกเพลงได้นานถึง 80 นาที หรือความจุ 0.9 Gb ต่อเพลง
- ระบบเสียงการบันทึกและเล่นเพลงเป็นแบบ .wav ความถี่ 44.1 kHz ระบบสเตอริโอ 16 บิท
- มีระบบ Quick Sampling โดยทำได้ 3 แบบ คือ Normal, Oneshot, Loop
- ระยะเวลา Sampling ที่ 9.6 วินาที
- สามารถ Sampling ได้จากการเชื่อมต่อ Aux in โดยจะเป็นระบบเสียงสเตอริโอ 16 บิท ความถี่ 44.1 Kz
- เชื่อมต่อ USB ในระบบเสียงสเตอริโอ 16 บิท ความถี่ 44.1 Kz
- ลงทะเบียนได้ถึง 5 ยูสเซอร์
- ฟังค์ชั่นช่วยเหลือมีทั้ง บทเรียนจาก Yamaha Education Suite (Y.E.S.) /ฝึกไทม์มิ่ง/ WAITING/ แบบเล่นตาม และ ตารางคอร์ด
- แผงควบคุมมีปุ่มเมโทรโนม เทมโปตั้งได้ตั้งแต่ 11-280 เปลี่ยนตำแหน่งตั้งแต่ -12 ถึง +12 มีปุ่มจูนนิ่งสามารถจูนความถี่เสียงได้ตั้งแต่ 427.0 – 440.0 – 453.0 Hz
- มีปุ่มการตั้งค่าสเกล
- ฟังค์ชั่นเสริมปุ่มปรับซาวด์แบบเปียโน
- ที่เก็บข้อมูลเป็นเมมโมรี่ของ Approx. ในตัวขนาด 1.73 Mb สามารถเสียบแฟลตไดร์ฟเพิ่มได้
- มีช่องเสียบอแดปเตอร์ 12 โวลต์, สวิทช์ sustain, aux in และช่องเสียบหูฟัง
- ขนาดแอมป์ 6 วัตต์ 2 ตัว (ต้องเสียบอแดปเตอร์)
- ดอกลำโพงขนาด 12 ซม. 2 ตัว
- การจ่ายไฟใช้อแดปเตอร์รุ่น PA-150 หรือรุ่นใกล้เคียงของยามาฮ่า หรือใช้ถ่านอัลคาไลน์ขนาด AA 6 ก้อน หรือแบตเตอรี่ชาร์จได้รุ่น Ni-MH
- ใช้กำลังไฟ 8 วัตต์ (ร่วมกับ PA-150)
- มีระบบตั้งเวลาปิดอัตโนมัติ
- ของแถมเป็นแผ่นวางโน๊ตติดกับคีย์บอร์ด
- ขนาด 946 x 139 x 404 มม.
- น้ำหนัก 6.6 กก.
สำหรับคีย์บอร์ดทั้งสองรุ่นนี้ต่างออกมาเมื่อต้นปี 2018 ทั้งคู่ โดยจะเป็นแบบ 61 แป้นคีย์ รองรับแรงสัมผัส 3 ระดับเช่นเดียวกัน คือ เบา, กลาง, หนัก หน้าตาจะคล้ายๆกันมีปุ่ม Pitch Band สามารถโยกปรับออคเต็ปได้ 1 ระดับเสียง พร้อมหน้าจอ LCD ตรงกลางเครื่อง คอยคุมคุมการใช้งาน ตรงนี้ทั้งสองค่ายทำออกมาได้คล้ายคลึงกัน อยู่ที่คนชอบแบบการดีไซด์
เรื่องโทนเสียงนั้น Casio ใส่มาให้ถึง 900 ซาวด์ มากกว่าทาง Yamaha ที่ใส่มาให้ 758 ซาวด์ รวมถึงจังหวะกลองที่ Casio มากกว่าที่ 50 กับ Yamaha 24 แบบ แต่ทาง Yamaha ใส่เสียงแบบ G-Lite ที่มีการปรับปรุงใหม่ให้มีความก้องกังวานขึ้น รวมถึงระบบซาวด์กลองแบบ SFX ให้เสียงสมจริงมากกว่าเดิม ตรงนี้ก็อยู่ที่คนชอบความหลากหลายหรือความสมจริงมากกว่า
เรื่องเอฟคเฟคที่ให้มานั้นต้องบอกว่า Casio จัดเต็มมากกว่า เพราะมากกว่าถึงเท่าตัว ไม่กว่าจะเป็น Reverb 24 แบบ กับทาง Yamaha 12 แบบ Chorus ที่มากกว่าโดยมี 12 แบบ กับทาง Yamaha 5 แบบ และเอฟเฟค DSP ถึง 100 แบบ กับทาง Yamaha 10 แบบ เรียกว่าเรื่องเอฟเฟคนี่เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของ Casio CTX 3000 กันเลยทีเดียว
แต่ทาง Yamaha ก็มีทีเด็ดมาในรุ่นนี้เช่นกันนั่นก็คือระบบ Sampling สำหรับคนชอบทางนี้โดนเฉพาะ โดยทำได้ 3 แบบ คือ Normal, Oneshot, Loop มีระยะเวลา Sampling ที่ 9.6 วินาทีและสามารถ Sampling ได้จากการเชื่อมต่อ Aux in โดยจะเป็นระบบเสียงสเตอริโอ 16 บิท ความถี่ 44.1 Kz รวมถึงตั้งค่า Preset Groove ได้อีก 35 แบบ พร้อมฟังก์ชั่นการเป็น DJ
สำหรับการบันทึกเพลง Casio สามารถบันทึกเสียงแบบเรียลทาร์มได้ และบันทึกเพลงได้สูงสุด 10 เพลง 17 แทร็ค ความจุ 40000 ตัวโน๊ต ต่อ 1 เพลง ส่วนทาง Yamaha บันทึกเพลงได้ 6 แทร็ค (แทร็คเพลง 5 เพลง และ 1 จังหวะ) ความจุต่อเพลง 19000 ตัวโน๊ต ตรงนี้ Casio ดูจะเหนือกว่านิดๆ สำหรับเรื่องเสียงเรียกว่าสูสีเพราะลำโพงขนาด 6 วัตต์ทั้งคู่ และซาวด์ค่อนข้างดีตามมาตรฐาน
ข้อดี Casio CTX3000
- ลูกเล่นเรื่องเสียงเหนือกว่าชัดเจน
- เอฟเฟคที่ให้มาหลากหลายรูปแบบมากกว่า
- สามารถบันทึกเพลงได้มากกว่า
ข้อดี Yamaha PRS-E463
- เล่น Sampling ได้
- มีฟังก์ชั่น Preset Groove
- ฟังก์ชั่นการใช้งานค่อนข้างหลากหลายกว่า
บทสรุปสำหรับ Casio CT-X3000 VS Yamaha PSR-E463 ต้องบอกว่ามีดีคนละแบบ โดยทาง Casio ยังเน้นจุดขายของตัวเองอย่างเดิมคือลูกเล่นเรื่องเสียง ซึ่งหากใครชอบความหลากหลายเกี่ยวกับเสียงแล้วน่าจะเลือก Casio ส่วนทาง Yamaha เน้นไปที่ฟังก์ชั่นภาคการใช้งานซะมากกว่า โดยลูกเล่นอาจจะไม่เท่า แต่เรื่องเสียงมีการปรับปรุงใหม่มาได้ดี ถือว่าสูสีสมศักดิ์ศรี 2 แบรนด์ดังทางคีย์บอร์ด ใครชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามใจ และหากเพื่อนๆต้องการเลือกซื้อคีย์บอร์ด 2 รุ่นนี้ ก็ไม่ต้องไปไกล ร้าน Musicarms มีจำหน่ายทุกสาขาจ้า อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมกันนะครับ