Author Archives: ZunWu
กีต้าร์ไฟฟ้า Ibanez GRX40
ขายเพียง 7,920฿ จาก 8,800฿10 อัลบั้มเพลงวงร็อคยอดขายสูงสุดของโลก
ในการทำอัลบั้มเพลงในแต่อัลบั้ม จะต้องพิถีพิถันทำดนตรีและเนื้อร้องให้ออกมาได้มีคุณภาพมากที่สุดถึงจะเจาะกลุ่มคนฟังได้ ในวงร็อคบางวงอาจจะแหวกแนวทำซาวด์ใหม่ๆหรือเน้นขายความคิดสร้างสรรค์แทน ในยุคปัจจุบันนั้นเป็นที่น่าเสียดายว่าวงการดนตรีได้รับผลกระทบจากอินเตอร์เนตไปมาก ผู้คนยุคนี้จะเน้นคลิกฟังจากทางยูทูปเสียมากกว่าทำให้ยอดขายอัลบั้มของศิลปินไม่เปรี้ยงปร้างเช่นเดิม จนบางวงต้องมาออกเป็นซิงเกิ้ลแบบเพลงเดี่ยวแทนที่จะทำรวมให้ครบ 10 เพลงแบบยุคก่อน วันนี้เราจะมาดูกันว่าวงร็อควงไหนที่สามารถทำยอดขายเท่าไหร่กันบ้างในช่วงที่ยังไม่มีอินเตอร์เนต ซึ่งยอดขายตรงนี้ทาง RIAA (Recording Industry Association of America) สมาคมสถิติจากอเมริการ่วมมือกับ Music Canada บันทึกจากยอดขายอย่างเป็นทางการที่เชื่อถือได้จากการเปิดเผยของค่ายยักษ์ใหญ่ เช่น EMI, Sony Music และ Warner Music
อันดับ 10 Dire Straits อัลบั้ม Brothers in Arms (17.7 ล้านชุด)
วงร็อคอังกฤษที่มีมือกีต้าร์สุดแนวอย่าง มาร์ค น็อปเฟลอร์ (Mark Knopfler) ที่รู้จักกันดีจากการโซโล่ด้วยการใช้นิ้ว ซึ่งฝากฝังเพลง “Sultans of Swing” ให้มือกีต้าร์นั่งแกะกันตั้งแต่อัลบั้มแรก โดยชุด Brothers in Arms ที่ออกมาเมื่อปี 1985 กับค่าย Warner Brother Records จัดเป็นชุดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของวงนี้ ทำยอดขายอย่างเป็นทางการไปได้ 17.7 ล้านชุด ติดอันดับ 8 อัลบั้มที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของอังกฤษ ทำยอดขายที่อังกฤษไปถึง 4.1 ล้านชุดจนถึงปี 2016 มีเพลงฮิตอย่าง “Walk of Life” และ “Money for Nothing” ส่งผลให้อัลบั้มคว้าสองรางวัลแกรมมี่อวอร์ด คือการอัดเสียงยอดเยี่ยม และ Best Rock Performance จากเพลง “Money for Nothing” และรางวัลอัลบั้มเพลงอังกฤษยอดเยี่ยมแห่งปี รวมไปถึงขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ตและชาร์ตเพลงต่างๆในหลายประเทศทั่วโลก
อันดับ 9 Santana อัลบั้ม Supernatural (20.5 ล้านชุด)
วงร็อคสไตล์ลาตินที่มี คาร์ลอส ซันตาน่า มือกีต้าร์ชื่อก้องโลกเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1969 โดยชุด Supernatural นี้เป็นอัลบั้มที่ 17 ของพวกเขาที่ออกมาเมื่อปี 1999 ส่งผลให้ดนตรีลาตินเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น เพลงฮิตติดหูในอัลบั้มนี้คงไม่พ้น “Smooth” ที่ได้ ร็อบ โธมัส (Rob Thomas) นักร้องชาวอเมริกันมาร่วมแจมจนโด่งดังไปทั่วโลก รวมไปถึงเพลง Maria Mariaที่ได้ The Product G&B ดูโอ R&B ชาวอเมริกันมาเป็นผู้ขับร้อง ชุดนี้เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของพวกเขาด้วยยอดขาย 20.5 ล้านชุดอย่างเป็นทางการ กวาด 8 รางวัลแกรมมี่อวอร์ดโดยหนึ่งในนั้นคือสาขา อัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี แค่ 3 สัปดาห์แรกก็ทำสถิติยอดขายเกิน 5 แสนชุดทั่วโลกไปแล้ว เพลง Smooth และ Maria Maria ต่างผลัดกันทะยานขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ต และอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงอีกหลายๆประเทศ
อันดับ 8 Metallica อัลบั้ม Metallica (20.5 ล้านชุด)
ไม่บ่อยครั้งที่เราจะเห็นแนวเพลงหนักๆอย่างเฮฟวี่เมทัลสามารถทำยอดขายได้สูง เพราะด้านความนิยมถือว่าอยู่ในวงแคบกว่าเพลงป็อปและร็อคทั่วไป แต่เป็นข้อยกเว้นสำหรับวง Metallica โดยเฉพาะอัลบั้มที่ 5 ชื่อเดียวกับวง Metallica ของพวกเขาที่ออกมาเมื่อปี 1991 สามารถทำยอดขายอย่างเป็นทางการไปได้ที่ 20.5 ล้านชุด อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตที่มือกีต้าร์ต้องแกะกันแทบทุกรายอย่าง “Enter Sandman” รวมไปถึงเพลงดังอื่น “The Unforgiven,” และ “Don’t Tread on Me” แถมยังสร้างปรากฏการณ์เป็นวงเมทัลที่ขึ้นอันดับ 1 ใน US บิลบอร์ดชาร์ต อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิจารณ์เล็กน้อยว่าอัลบั้มนี้พวกเขาลดความเป็นเมทัลลงจากชุดก่อนๆไปพอสมควร ทว่ายอดขายเกิน 5 แสนแผ่นในสัปดาห์แรกและรวม 16 ล้านชุดในอเมริกาจนถึงปี 2016 ก็แสดงให้เห็นว่าเพลงร็อคเมทัลก็เป็นที่นิยมในอเมริกันชนได้เหมือนกัน
อันดับ 7 The Eagles อัลบั้ม Hotel California (21.5 ล้านชุด)
คงไม่มีใครไม่รู้จักสุดยอดเพลงดังอย่าง Hotel California ซึ่งเพลงตำนานนี้อยู่ในอัลบั้มชุดที่ 5 ของวง โดยปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมปี 1976 สามารถทำยอดขายอย่างเป็นทางการได้ที่ 21.5 ล้านชุด นอกจากเพลง Hotel California ก็ยังมีเพลง “New Kid in Town” และ “Life in the Fast Lane” ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่วง The Eagles ประสบความสำเร็จสูงสุดเข้าชิงแกรมมี่อวอร์ดถึง 5 สาขา ก่อนจะได้มา 2 รางวัล อัลบั้มนี้มีการเปลี่ยนมือกีต้าร์มาเป็น โจ วอลช์ (Joe Walsh) ที่เข้ามาแทน เบอร์นี่ ลีดอน (Bernie Leadon) ซึ่งท่อนโซโล่ประสานระหว่าง ดอน เฟลเดอร์ (Don Felder) และโจ วอลช์ ในเพลง Hotel California ก็ยังคงเป็นตำนานมาถึงปัจจุบัน และนิตยสารโรลลิ่งสโตนจัดให้อัลบั้มนี้อยู่ในอันดับ 37 ของอัลบั้มยอดเยี่ยมตลอดกาล
อันดับ 6 Guns N’ Roses อัลบั้ม Appetite for Destruction (21.6 ล้านชุด)
อัลบั้มเปิดตัววงร็อคในตำนานอย่าง Guns N’ Roses ที่ได้ W. Axl Rose มาโชว์พลังเสียงสุดร็อคและมือกีต้าร์ที่กลายเป็นไอดอลของใครหลายคนอย่าง Slash ออกมาเมื่อปี 1987 สร้างปรากฏการณ์เป็นยอดขายสูงสุดของวงร็อคหน้าใหม่ แค่เพลงเปิดตัว “Welcome to the Jungle” ก็เขย่าวงการเพลงร็อคได้ทันที และมีเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง “Sweet Child o’ Mine” ที่กระโดดขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ตในอเมริกาอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วย อัลบั้มนี้ทำให้คนรู้จักและยกย่อง Guns N’ Roses ให้เป็นหนึ่งในวงร็อคแถวหน้าของโลกในทันที โดยยอดขายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการคือ 21.6 ล้านชุด อยู่ในอันดับ 11 ของ ยอดขายอัลบั้มตลอดกาลในอเมริกา และติด 100 อัลบั้มยอดเยี่ยมของโลกอีกด้วย
อันดับ 5 The Beatles อัลบั้ม 1 (22.6 ล้านชุด)
อัลบั้มนี้ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 2000 หรือครบรอบ 30 ปีที่วง Beatles ต้องแยกย้ายกันไป โดยเป็นการรวบรวมเอาเพลงฮิตทั้งหลายของวงมาสู่ผู้ฟังอีกครั้งไม่ว่าจะเป็น “Let It Be”, “Can’t Buy Me Love” หรือ “Yesterday” โดยอัลบั้มนี้แบ่งเป็น 4 ส่วนในแต่ละ Timeline ของวงมีเพลงทั้งหมด 27 เพลง จำหน่ายเป็นชุดซึ่งก็จะมีโหนังสือเล่มเล็กๆจำนวน 32 หน้าแบบสีที่จะบรรยายถึงประวัติสมาชิกวง ประวัติของแต่ละเพลงติดมาให้อีก จึงเป็นอัลบั้มสะสมที่แฟน 4 เต่าทองไม่ยอมพลาด โดยสถิติยอดขายที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการคือ 22.6 ล้านชุด เอาแค่เฉพาะที่อเมริกาประเทศเดียวก็ทำยอดถึง 12.4 ล้านชุด ติดอยู่ในอันดับ 4 ของอัลบั้มที่ขายดีหลังจากปี 2000 ในอเมริกา เป็นการยืนยันถึงความนิยมที่ไม่เสื่อมคลายของวงอย่างดี นอกจากนี้แล้วอัลบัมนี้ยังขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตอีกหลายๆประเทศเช่นเดียวกัน
อันดับ 4 Pink Floyd อัลบั้ม The Dark Side of the Moon (24.2 ล้านชุด)
อัลบั้มโด่งดังที่สุดของวง Pink Floyd ที่การออกแบบหน้าปกทำได้ครีเอทสุดๆกับภาพสายรุ้ง 7 สีหักเหแสงจากสามเหลี่ยมปริซึ่ม อัลบั้มนี้้เป็นอัลบั้มที่ 8 ของวงโดยออกมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ปี 1973 ความโดดเด่นในอัลบั้มนี้คือมีเพลงที่บรรแลงแต่ดนตรีไม่มีเนื้อร้องถึง 2 เพลงอย่าง “Speak to Me” และ “On the Run” รวมไปถึงเพลงตำนานอย่าง “Money” ที่ได้เสียงของมือกีต้าร์เดวิด กิลมอร์มาร้องนำเอง และเพลง “Time” ที่กลายเป็นเพลงด่านทดสอบให้มือกีต้าร์รุ่นหลังแกะกันอย่างยากลำบาก เนื้อร้องในอัลบั้มนี้จะพูดถึงด้านมืดมนุษย์ เช่น ความขัดแย้ง ความโลภ และความตาย แต่กลับถูกใจคนฟังอย่างมากจนขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ตในวันที่ 28 เมษายน 1973 หรือแค่ไม่ถึง 2 เดือนเท่านั้น โดยชุดนี้ทำยอดขายได้ถึง 24.2 ล้านชุด และนิตยสารโรลลิ่งสโตนก็จัดให้อยู่ในอันดับ 43 ของอัลบั้มยอดเยี่ยมตลอดกาลอีกเช่นกัน
อันดับ 3 AC/DC อัลบั้ม Back in Black (26.1 ล้านชุด)
อัลบั้มที่ 7 ของวงร็อคออสเตรเลี่ยน ขณะนั้นมีสมาชิกอยู่ 5 คนคือ แองกัส และ มัลคอล์ม ยัง (Angus and Malcolm Young) เล่นกีต้าร์, คลิฟฟ์ วิลเลี่ยมส์ (Cliff Williams )(เบส), ฟิล รุดด์ (Phil Rudd )(กลอง) และ ไบรอัน จอห์นสัน (ร้องนำ) ปล่อยออกมาเมื่อปี 1980 ต่อยอดจากอัลบั้ม Highway to Hell เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ ทำให้อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของพวกเขาด้วยยอดขายถึง 26.1 ล้านชุด มีเพลงฮิตเช่น “Back in Black”, “You Shook Me All Night Long” และ “Hells Bells” เป็นเพลงชูโรง อัลบั้มนี้วงต้องบินไปอัดเสียงกันที่บาฮามัส โดยหลายๆเพลงของอัลบั้มนั้นมาจากปลายปากกา บอน สก็อตต์ (Bon Scott) อดีตนักร้องที่เสียชีวิตก่อนจะออกอัลบั้มนี้จนต้องเปลี่ยนตัวนักร้องมาเป็น ไบรอัน จอห์นสัน (Brian Johnson) ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการจากไปของสก็อตต์มีผลกระทบต่อวงเป็นอย่างมาก แต่เพื่อนร่วมวงคนอื่นๆก็ร่วมกันแต่งเนื้อร้องและทำนองเพิ่มเพื่อสืบเจตนารมณ์ของสก็อตต์อย่างเต็มที่จนเพลง “Back in Black” ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงตำนานของวง
อันดับ 2 Led Zeppelin อัลบั้ม Led Zeppelin IV (29 ล้านชุด)
อัลบั้มชุดที่ 4 ของวงร็อคในตำนาน Led Zeppelin ที่มีเพลงอมตะ Stairway to Heaven เป็นเพลงสุดท้ายหน้า A ออกมาให้มือกีต้าร์ทั่วโลกได้นั่งแกะตามรอย จิมมี่ เพจ (Jimmy Page) กันหัวปั่น อัลบั้มนี้ปล่อยออกมาเมื่อปี 1971 โดยมีแค่ 8 เพลง ทว่าแต่ละเพลงค่อนข้างยาวอย่างเช่น Stairway to Heaven ก็ปาเข้าไปเกิน 8 นาทีแล้ว และยังมีเพลงฮิตอื่นๆเช่น Black Dog, Rock and Roll หรือ Going to California อยู่ในอัลบั้มชุดนี้ โดยสามารถบันทึกยอดขายไว้ที่ 29 ล้านชุด จนได้เข้าไปอยู่ Hall of Frame หรือหอคอยเกียรติยศในรางวัลแกรมมี่อวอร์ด เมื่อปี 1999 ในขณะที่เพลง Stairway to Heaven ที่เขียนโดยจิมมี่ เพจ (Jimmy Page) และ โรเบิร์ต แพลนท์ (Robert Plant) เข้าวินอันดับ 1 ใน Greatest Guitar Solos ที่จัดโดยนิตยสาร Guitar World
อันดับ 1 The Eagles อัลบั้ม Their Greatest Hits (1971–1975) (32.2 ล้านชุด)
วงร็อคตำนานจากอเมริกาที่มีเพลงฮิตติดหูคนฟังทั่วโลกอย่าง Hotel California ออกอัลบั้มมาตั้งแต่ปี 1971 จนถึงปัจจุบัน โดยมีอัลบั้มมาทั้งหมด 7 อัลบั้ม ซึ่งชุดที่ขายดีที่สุดนี้คือชุดที่รวบรวมเอาเพลงฮิตใน 4 อัลบั้มแรกของพวกเขาไว้ด้วยกันโดยสามารถทำยอดขายไปได้ 32.2 ล้านชุด แต่หากใครคาดหวังว่าจะซื้อมาฟังเพลง Hotel California ขอบอกเลยว่าไม่มีในอัลบั้มนี้ เพราะเพลง Hotel California นั้นอยู่ในอัลบั้มชุดที่ 5 ที่ออกมาเมื่อปี 1976 แต่อัลบั้มนี้ก็ยังมีเพลงดังๆอย่าง Tequila Sunrise ที่อยู่ในชุด Desperado ชุดที่ 2 ของพวกเขา รวมไปถึงเพลง Take It Easy เพลงแรกในอัลบั้มแรกที่เปิดตัววง Eagles ก็ถูกใส่เข้ามาเป็นเพลงในอัลบั้มนี้เช่นเดียวกัน ยอดขายของอัลบั้มนี้ได้ถูกบันทึกโดย RIAA (Recording Industry Association of America) ติดอันดับ 2 ตลอดกาลรองจากอัลบั้ม Thriller ของ ไมเคิ่ล แจ็คสัน และเป็นอันดับที่ 1 ในหมวดหมู่เพลงร็อค
Cort AF510E – โปร่งคุณภาพ
ขายเพียง 5,820฿ จาก 6,850฿Cort AF510 – โปร่งคุณภาพ
ขายเพียง 4,420฿ จาก 5,200฿10 วงร็อคชั้นนำของเมืองไทยในยุค 90
หลังจากเพลงร็อคค่อนข้างจะซบเซาในช่วงปี 1980-1990 แม้ว่าจะมีวงดนตรีร็อคมากมายที่คุ้นหูกันดีเช่น ไฮร็อค, ร็อคเคสตร้า แต่เทียบกระแสแล้วยังเป็นรองเพลงป็อปอยู่พอสมควร เพราะหากนึกถึงศิลปินยุคนั้นชื่อของ เบิร์ด ธงไชย, คริสติน่า, แอม เสาวลักษณ์ จะมาก่อนชื่อวงร็อคดังๆเช่น ดิ โอฬาร โปรเจคเสียอีก จนมาถึงกระแสอัลเทอร์เนทีฟที่เหมือนชุบชีวิตเพลงร็อคกลับสู่วงการเพลงไทยอีกครั้ง วันนี้เราจะขอพาไปรำลึกความหลังช่วง 10 ปี ในยุค 90 กับ10 วงร็อคดังๆ ที่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวกับกระแสอัลเทอร์เนทีฟ และต่อยอดมาได้เรื่อยๆ จนต้องเรียกว่าช่วงปีนั้นเป็น”ยุค”ของพวกเขาจริงๆ
1993 หินเหล็กไฟ
ถิอเป็นวงดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในช่วงก่อนกระแสอัลเทอร์เนทีฟจะมา โดยหินเหล็กไฟนั้นเกิดจากสองสมาชิกวงดิ โอฬาร โปรเจ็คเก่าคือ โป่ง ปฐมพงศ์ และ รงค์ ณรงค์ (มือเบส) ฟอร์มวงใหม่ขึ้นมาและได้ โต นำพล กับ ป็อป จักรรินทร์ มาเล่นกีต้าร์ มือกลองเป็นน้าหมาน สมาน ยวนเพ็งหนึ่งในตำนานกลองเมืองไทย ออกอัลบั้มชุดแรกชื่อชุดเดียวกับวงเมื่อปี 1993 จุดกระแสเพลงร็อคขึ้นมาอีกครั้งดังแทบทุกเพลงในอัลบั้มไม่ว่าจะเป็น ยอม, เพื่อเธอ, นางแมว, พลังรัก และสู้ ก่อนจะต่อยอดอัลบั้มที่ 2 ชุดคนยุคเหล็กในปี 1995 แต่เปลี่ยนมือกลองเป็นเลสเตอร์ ชาวฟิลิปปินส์แทนเพราะน้าหมานไปรับหน้าที่มือกลองให้กับวงคาราวาน ก็มีเพลง หลงกล, มั่วนิ่ม และคิดไปเองติดชาร์ตเพลงอีกเช่นกัน เรียกได้ว่า 2 ปีนี้คือปีทองของวงหินเหล็กไฟวงร็อครุ่นบุกเบิกของช่วงปี 90 อย่างแท้จริง
1994 โมเดิร์นด็อก
หลังจากอัลบั้มชุดที่ 1 ของวงหินเหล็กไฟก็ได้มีวงที่จุดประกายเพลงร็อคขึ้นมาอีกครั้งในแนวอัลเทอร์เนทีฟกับค่ายเบเกอรี่ มิวสิคด้วยเนื้อหาที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใครในเพลงบุษบาต่างจากเพลงทั่วไปที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องความรัก และฝีไม้ลายมือขั้นเทพแน่นปั๋งกับเครื่องดนตรีแต่ 3 ชิ้นคือ ป็อด ธนชัย (ร้อง), เมธี (กีต้าร์) บ็อบ สมอัตถ์ (เบส) และ โป้ง ปวิณ (กลอง) กลายเป็นตำนานของอัลเทอร์เนทีฟไทยไปตั้งแต่เพลงแรกและเป็นวงที่ทำให้ค่ายเบเกอรี่ มิวสิคมีชื่อคุ้นหูนักฟังเพลงอีกเช่นกัน ปี 1994 นั้นถือเป็นปีทองของโมเดิร์นด็อกอย่างมาก ทั้งเพลงบุษบา, ก่อน, มานี, กะลา และบางสิ่ง หรือแทบทั้งอัลบั้มวัยรุ่นยุคนั้นร้องกันได้หมด แค่อินโทรบุษบาขึ้นมาก็กระโดดตัวลอยแล้ว ดังนั้นช่วงเวลาปี 1994 คงไม่มีใครเกินวง โมเดิร์นด็อก วงดนตรีที่เป็นสัญลักษณ์ของยุคอัลเทอร์เนทีฟ
1995 แบล็คเฮด
วงร็อคหัวดำที่อดีตสมาชิกวงยูเรเนี่ยมในสมัยก่อนอย่าง ปู อานนท์ (กีต้าร์) และ ต๋อง สมทบ (เบส) ออกมาฟอร์มวงใหม่จึงได้ เอก อภิสิทธิ์ มือกีต้าร์จากวงบิ๊กกัน และ ยุ่น วิโรจน์มาตีกลอง ช่วงแรกนั้นยังเล่นดนตรีกลางคืนทั่วไปแต่ก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้วเพราะเป็นอดีตนักดนตรีจึงเล่นร็อคผับ ผับชื่อดังที่สุดของชาวร็อค ก่อนที่ชั่วโมงนั้นกระแสเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟกับค่ายเล็กกำลังมา พวกเขาจึงได้ร่วมงานกับค่ายดนตรีเอ็มสแควร์ออกมินิอัลบั้มที่มีแค่ 4 เพลงในปี 1995 แต่ก็สามารถแจ้งเกิดได้ทันทีกับเพลงยืนยัน ทำให้ชื่อวงแบล็คเฮดเข้าไปอยู่ในใจชาวร็อคหลายคนและต่อยอดด้วยอัลบั้มที่ 2 ซึ่งเอาเพลงของวงอินโนเซนต์อย่าง เพียงกระซิบ มาทำใหม่จนกลายเป็นหนึ่งในเพลงบังคับที่ผับต้องเล่น จากนั้นจึงย้ายมาค่ายมอร์ มิวสิคในปี 1999 ทำอัลบั้ม Pure ส่งเพลง ยิ่งโต ยิ่งสวย และ อยู่ไป ไม่มีเธอ ดังเปรี้ยงจนขึ้นแท่นวงร็อคแถวหน้าของประเทศ
1995 สไมล์บัฟฟาโล่
วง”ควายยิ้ม”ที่แจ้งเกิดกับกระแสอัลเทอร์เนทีฟในบ้านเราด้วยเพลงเปิดตัว ดีเกินไป ในปี 1995 ส่งผลให้ 4 สมาชิก ดิษฐ์, เต็น, หนึ่ง และเชษฐ์ ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงร็อคชั้นนำของบ้านเราทันที อัลบั้มชุดแรกยังมีเพลง ฟ้ายังฟ้าอยู่ หนึ่งในเพลงฮิตตลอดกาลของพวกเขาเช่นเดียวกัน วงสไมล์บัฟฟาโล่ออกเทปกับค่าย EMI มา 2 ชุดก่อนจะย้ายไปค่ายเมคเกอร์เฮดในเครือแกรมมี่และมีผลงานออกมาอีก 3 ชุด มีเพลงฮิตอย่าง จำใจ และ กุหลาบในมือ แม้ว่าช่วงอยู่แกรมมี่จะสามารถคว้ารางวัลวงร็อคยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ดมาได้ในปี 1999 แต่กระแสความนิยมถือว่าน้อยลงกว่าตอนอยู่ค่ายEMI จนสุดท้ายแยกวงกันไปเมื่อปี 2000 ช่วงแรกสมาชิกแต่ละคนแยกไปทำอัลบั้มส่วนตัว เช่นดิษฐ์และเต็นไปทำวงชื่อ สไนเปอร์ แต่ปัจจุบันต่างก็ไปทำงานเบื้องหลังกันแทบทั้งหมด เช่น ดิษฐ์ที่ยังคุ้นหน้ากับการเป็นแบ็คอัพให้ เสก โลโซ ในขณะที่เชษฐ์มือกลองหันหลังให้กับวงการไปทำเกษตรกรรม
1996 โลโซ
ตำนานนักดนตรี 3 ชิ้นของเมืองไทย โดยเริ่มจากเสก มือกีต้าร์ชาวโคราชที่ตระเวนเล่นผับกลางคืนก่อนจะพบสมาชิกร่วมวงคือ รัฐ และ ใหญ่ ร่วมกันทำเพลงไปนำเสนอกับค่ายมอร์ มิวสิกในเครือแกรมมี่ ตามคำแนะนำของ ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง จึงได้ออกอัลบั้มแรกในชื่อว่า Lo Society แค่เพลงแรก “ไม่ต้องห่วงฉัน” ก็ทำให้คนทั้งประเทศรู้จักกับวงร็อคมากฝีมือวงนี้กันทันที และทำอัลบั้มที่ 2 ในอีก 2 ปีต่อมาซึ่งก็ดังไม่แพ้ชุดแรก ส่งเพลง ซมซาน เป็นหนึ่งในตำนานเพลงร็อคไทย ในช่วงปี 1996 – 2003 นั้นโลโซออกอัลบั้มมาทั้งหมด 5 ชุด และมีอัลบั้มพิเศษประกอบภาพยนตร์จักรยานสีแดงอีก 1 ชุด ซึ่ง 7 ปีทองของโลโซนี้เรียกว่าออกชุดไหนมาก็ดังเปรี้ยงขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ตลอด ถือเป็นการคัมแบ็คกลับมาครองตำแหน่งจ้าวเพลงร็อคของค่ายใหญ่แกรมมี่ได้ในรอบหลายปีหลังจากปล่อยให้ค่ายอินดี้ยึดครองในยุคอัลเทอร์เนทีฟมานาน ก่อนที่จะมีข่าวช็อคแฟนๆเมื่อเสกประกาศยุบวงไปออกอัลบั้มเดี่ยวและมีผลงานจนถึงปัจจุบัน
1996 ฟลาย
เป็นวงที่ต่อยอดความสำเร็จทางด้านเพลงร็อคของค่ายแกรมมี่ได้เป็นอย่างดี ด้วยสมาชิก 6 คน มีอี๊ด สำราญ ช่วยจำแนกเป็นนักร้องนำในลุคสกินเฮดแว่นดำจนโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง วงฟลายฟอร์มวงเล่นกันตั้งแต่อยู่ที่เชียงใหม่โดยช่วงแรกตระเวนเล่นกันตามผับที่เชียงใหม่ ก่อนจะเข้ามาเล่นที่กรุงเทพและได้ทำเดโมเทปไปเสนอค่ายเพลง และได้ออกอัลบั้มกับค่ายแกรมมี่ซึ่งนอกจากลุคของนักร้องนำแล้ว ซาวด์ของวงนี้ค่อนข้างเป็นจุดเด่นเพราะมีทั้งคีย์บอร์ดและตัวแจ็ค มือกีต้าร์เองนั้นก็เป็นคนที่ชื่นชอบการใช้เอฟเฟคอีกเช่นกัน แค่อัลบั้มแรกก็ส่งเพลง บิน เข้าสู่ใจคนฟังได้อย่างทันที ตามด้วย ใบไม้ เพลงช้าๆที่ได้อารมณ์ ช่วง 5 ปีระหว่าง 1996-2001 วงฟลายถือเป็นวงร็อคระดับแถวหน้าของเมืองไทยวงหนึ่งโดยอัลบั้มที่ 3 Fly 2 K สามารถทำยอดขายได้เกิน 1 ล้านตลับและมีเพลงฮิต ชาวนากับงูเห่า ที่ขาร็อคยังร้องได้มาจนยุคนี้
1997 บิ๊กแอส
ในช่วงยุคปลายอัลเทอร์เนทีฟนั้น ค่ายเล็กๆหลายค่ายได้เริ่มล้มหายตายจากกันไปตามกำลังทรัพย์ แต่มีค่ายหนึ่งที่ชื่อว่า มิวสิค บั๊กส์ กลับยืนหยัดอยู่ได้เป็นเวลานาน เพราะผู้บริหารค่ายนี้คือ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับค่ายแกรมมี่ ค่ายนี้จัดว่ามาแรงกับการปั้นศิลปินร็อคในยุคนั้นโดยหนึ่งในวงที่แจ้งเกิดกับค่ายคือ บิ๊กแอส วงที่เริ่มมาจากอ็อฟและหมูสองมือกีต้าร์เพื่อนร่วมชั่นเรียนมัธยมตั้งวงดนตรีขึ้นมา และแยกย้ายไปศึกษาระดับอาชีวะจึงได้รู้จัก แด๊ก (ร้อง) และ ต้น (เบส) จึงฟอร์มวงด้วยกันทำเพลง และได้กบ น้องชายของหมูมาตีกลอง ออกอัลบั้มชุดแรกปี 1997 มีเพลงฮิตอย่างทางผ่าน แต่อัลบั้มที่ทำให้พวกเขาดังเปรี้ยงขึ้นมาจริงๆคือชุดที่ 2 XL เมื่อปี 1999 ที่มีเพลงฮิต ก่อนตาย ด้วยซาวด์ดนตรีที่หนักแน่นขึ้นจึงเข้าสู่กลุ่มคนฟังเพลงร็อคได้มากกว่าเดิม ก่อนจะเปลี่ยนมือเบสเป็นโอ๊ค และย้ายไปจีนี่ เร็คคอร์ดเมื่อปี 2004 วงยังได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันแม้ว่าจะเปลี่ยนนักร้องนำมาเป็น เจ๋ง ก็ตาม โดยมีเพลงฮิตช่วงหลังคือ ลมเปลี่ยนทิศ และ ไม่เดียงสา
1998 ลาบานูน
อีกหนึ่งวงดังจากค่ายมิวสิค บั๊กส์ที่ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ เห็นแววตั้งแต่การประกวดฮ็อตเวฟ มิวสิคอวอร์ดครั้งที่ 2 แม้ว่าจะไม่ได้รางวัลใดๆมาเชยชมแต่ก็ได้เซ็นสัญญาทำเพลง โดยสามหนุ่ม เมธี อนันต์ และสมพร เรียนด้วยกันที่โรงเรียนอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ออกอัลบั้มแรกเมื่อปี 1998 ชุดนมสดมีซิงเกิลเปิดตัวคือ “ยาม” ด้วยซาวด์กีต้าร์แบบอาหรับที่แปลกหูชาวไทยทำให้เพลงนี้ดังไปทั่วประเทศภายในเวลาไม่นาน เพลงชุดแรกของลาบานูนนั้นวงที่เล่นห้องซ้อมต้องแกะกันเกือบทั้งอัลบั้มเพราะดังแทบทุกเพลงจริงๆ ซึ่งในปีต่อมาก็ตามกระแสความแรงด้วยผลงานชุดที่ 2 191 ก็โด่งดังไม่แพ้ชุดแรกเช่นเดียวกัน มีเพลงดังทั้ง 191 และ ถูกทุกข้อ ปี 1998-1999 จึงเป็นช่วงลาบานูนฟีเวอร์ในหมู่นักดนตรีเป็นอย่างมาก ปัจจุบันวงนี้ก็กลับมาทำเพลงอีกครั้งคือเพลง เชือกวิเศษ, แพ้ทาง โดยที่ความนิยมจากแฟนเพลงยังไม่เสื่อมคลาย
1998 ซิลลี่ฟูลส์
สุดยอดวงร็อคเบอร์ 1 ของประเทศอย่างซิลลี่ฟูลส์ที่ได้ 4 หนุ่ม โต, ต้น, หรั่ง และ เต้ย รวมวงกันทำเพลง ในตอนนั้นได้นำไปเสนอค่ายเบเกอรี่ มิวสิคตั้งแต่ปี 1996 แล้วแต่ได้แค่ออกเป็นชุด E.P หรือมินิอัลบั้มเท่านั้น จนมาสร้างตำนานเมื่อมาเสนอเดโมกับค่ายมอร์ มิวสิคและได้ออกชุด I.Q.180 ขึ้นมา เมื่อปี 1998 มีเพลงดัง สู้ไม่ได้ และ เมื่อรักฉันเกิด ก่อนมีชุด 2 Candyman ในปีต่อมา โดยเปลี่ยนมือกลองมาเป็น ต่อ ส่งเพลงดังๆอย่าง อย่าบอกว่ารัก, เพียงรัก, ฝัน กระแทกใจชาวร็อคจนยอดขายถล่มทลายและชื่อของวงซิลลี่ฟูลส์ก็รู้จักกันไปทั่วประเทศทันที จนซิลลี่ฟูลส์กลายเป็นวงร็อคที่ดังที่สุดของเมืองไทย ในช่วงปี 1999-2002 ที่เป็นอัลบั้ม 2-4 ของซิลลี่ฟูลส์ไม่มีวงร็อควงไหนโค่นพวกเขาจากบัลลังก์ได้เลย แต่หลังจากอัลบั้มที่ 5 ก็มีข่าวช็อคเมื่อ โต นักร้องนำขอถอนตัวออกจากวงด้วยเหตุผลทางศาสนา ทิ้งบทเพลงดังๆอย่าง วัดใจ, ขี้หึง, จิจ๊ะ ไว้เป็นเพลงตำนาน โดยซิลลี่ฟูลส์ก็ยังมีผลงานจนถึงปัจจุบันแม้จะเปลี่ยนสมาชิกทั้งนักร้องและมือกลองก็ตาม
1999 กะลา
วงดนตรีที่มีเสียงร้องของหนุ่ม ยุทธพงศ์ นักร้องนำเป็นเอกลักษณ์ โดยกะลาเริ่มมาจากการประกวดเวทีฮ็อตเวฟมิวสิคอวอร์ดครั้งที่ 2 และ 3 แม้ว่าพวกเขาจะหยุดแค่รอบ 10 วงสุดท้ายแต่ก็ยังได้ทำเพลงกับค่ายจีนี่ เร็คคอร์ดส์ในเครือแกรมมี่ ทำให้ 4 สมาชิก หนุ่ม (ร้องนำ), โต (กีต้าร์) นุ (เบส) และ รุส (กลอง) มีอัลบั้มแรกเมื่อปี 1999 ในชื่อชุดเดียวกับชื่อวง อัลบั้มนี้แจ้งเกิดทันทีกับเพลง แม่ครับ และ ไม่มาก็คิดถึง ก่อนจะต่อยอดกับอัลบั้มที่ 2 มีเพลงฮิตอย่าง ขอเป็นตัวเลือก ซึ่งเพลงช้าของวงกะลาที่ได้เสียงแหบๆของหนุ่มถ่ายทอดมักจะติดหูคนฟังอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น 4 นาที, ใช่ฉันหรือเปล่า ช่วงพีคของวงกะลานั้นมีเพลงฮิตติดชาร์ตเพียบและยังได้ทำอัลบั้มรวม Little Rock Project กับวงร็อคชั้นนำวงอื่นๆ แต่หลังจากอัลบั้มชุดที่ 6 “Minute” วงกะลาชุดก่อตั้งก็ได้แยกย้ายกันไป โดยหนุ่ม นักร้องนำยังคงฟอร์มวงกับสมาชิกใหม่ในชื่อเดิมออกผลงานมาอีก 2 ชุด แต่ปัจจุบันก็ได้กลายเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัวไปแล้ว
Boss DS-1X Distortion เอฟเฟคกีตาร์
ขายเพียง 6,000฿ จาก 7,500฿Peavey KB4 แอมป์เอนกประสงค์
ขายเพียง 17,500฿ จาก 31,400฿Peavey KB2 แอมป์เอนกประสงค์
ขายเพียง 9,500฿ จาก 16,000฿Peavey KB1 แอมป์เอนกประสงค์
10 เพลงดิสนี่ย์ที่ตราตรึงในใจ
ปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ ผู้ผลิตการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้องตระกูลดิสนี่ย์คือ วอลต์และรอย ตั้งแต่ปี 1923 โดยสัญลักษณ์ที่ทุกคนต้องรู้จักคือตัวการ์ตูน มิกกี้ เม้าส์ ที่เรียกได้ว่าเป็นพระเอกทำทุนให้กับบริษัทดิสนี่ย์ในช่วงแรก ก่อนจะกำเนิดอนิเมชั่นชั้นเยี่ยมเรื่องอื่นๆมาสู่สายตาผู้ชม โดยอนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของดิสนี่ย์คือ สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามและถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของการ์ตูนบนจอยักษ์ จุดเด่นของค่ายดิสนี่ย์เองนอกจากภาพยนตร์อนิเมชั่นแล้วยังมีเพลงประกอบการ์ตูนแต่ละเรื่องที่ทำได้อย่างพิถีพิถันตราตรึงใจจนโด่งดังไปทั่วโลกและนำเอาศิลปินดังๆมาร้องอีกต่างหาก ทำให้หลายๆเพลงของดิสนี่ย์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง วันนี้ Musicarms ก็จะมารำลึกบทเพลงจากการ์ตูนดิสนี่ย์ที่หลายๆคนต้องชื่นชอบหรือเคยอยู่ในความทรงจำ
Under the Sea – The Little Mermaid
เพลงดังจากอนิเมชั่นเมื่อปี 1989 อย่าง Under the Sea ได้ถูกนำมารีมิกซ์ใหม่โดยนักร้องรุ่นหลังอยู่หลายครั้ง แต่เวอร์ชั่นที่คลาสสิคที่สุดต้องเป็นของ ซามูเอล อี.ไรท์ (Samuel E. Wright) นักร้องชาวอเมริกันที่ขับร้องไว้เมื่อปี 1989 และเป็นผู้ให้เสียงเจ้า เซบาสเตียน (Sebastian) ตัวละครที่เป็นปูในเรื่อง โดยฉากของเพลงนี้เป็นตอนที่เจ้าปูเซบาสเตียนกำลังอ้อนวอนให้เอเรียล นางเงือกล้มเลิกความปรารถนาที่จะเป็นมนุษย์ เพลงนี้แต่งทำนองโดย อลัน เมนเคน (Alan Menken) และเนื้อร้องโดย โฮเวิร์ด อาชแมน (Howard Ashman) ติดหูคนฟังที่เข้าไปชมภาพยนตร์อย่างรวดเร็วและทะยานขึ้นคว้ารางวัลออสการ์ในปีนั้นสาขา Best Original Song ซึ่งเพลงนี้กลายเป็นเพลงหลักของการ์ตูนเรื่อง The Little Mermaid ในอีกหลายเวอร์ชั่น โดยปี 2007 ที่นำมารีเมคทำใหม่ในเวอร์ชั่นบรอดเวย์ก็ยังคงใช้เพลงนี้ประกอบ แต่เปลี่ยนคนร้องเป็น ติตุส เบอร์เกส (Tituss Burgess)
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/Under_the_Sea
Colors of the Wind – Pocahontas
จูดี้ คูห์น (Judy Kuhn) นักร้องชาวอเมริกัน ได้ขับร้องเพลงนี้เป็นเวอร์ชั่นออริจินัลเมื่อปี 1995 โดยเป็นผลงานการประพันธ์ของ สตีเฟ่น สวอลซ์ (Stephen Schwartz) เและ อลัน เมนเคน (Alan Menken) เพื่อใช้ในการประกอบอนิเมชั่นเรื่องโพคาฮอนทัสเมื่อปี 1995 เพลงนี้โด่งดังถึงขั้นคว้ารางวัลออสการ์มาครองได้ในปี 1995 สาขา Best Original Song โดยเนื้อเพลงกล่าวถึงการเคารพในธรรมชาติและการใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนระหว่าง คน สัตว์ และธรรมชาติ เพราะเป็นฉากที่โพคาฮอนทัสกำลังโน้มน้าวกัปตัน จอห์น สมิธ ให้รับรู้ถึงความน่าพิศวงของธรรมชาติบนโลกใบนี้ เพลงนี้ยังมีเวอร์ชั่นป็อปที่ วาเนสซ่า วิลเลี่ยมส์ (Vanessa Williams) นักร้องสาวชาวอเมริกันเช่นเดียวกันนำมาร้อง นอกจากจะคว้ารางวัลออสการ์แล้ว เพลงนี้ยังคว้ารางวัลลูกโลกทองคำในสาขาเดียวกัน รวมไปถึงรางวัลแกรมมี่อวอร์ดสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/Colors_of_the_Wind
A Whole New World – Aladdin
เพลงจากอนิเมชั่นที่โด่งดังเรื่องอาละดิน ที่ได้ แบรด เคน (Brad Kane) และ ลีอา ซาลอนกา (Lea Salonga) สองนักร้องชายหญิงชาวอเมริกันและฟิลิปปินส์เป็นผู้ถ่ายทอด ซึ่งเพลงนี้ได้ ทิม ไรซ์ (Tim Rice) เป็นผู้แต่งเนื้อร้องและ อลัน เมนเคน (Alan Menken) เป็นผู้แต่งทำนอง ออกมาเมื่อปี 1992 ในสไตล์เพลงบัลลาดที่กล่าวถึงโลกใบใหม่ที่กำลังจะค้นพบขณะที่ขี่อยู่บนพรมวิเศษของอาละดิน โดยเพลงนี้ก็สามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขา Best Original Song ไปในปี 1993 และเพลงยอดเยี่ยมแห่งปีของแกรมมี่อวอร์ด เวอร์ชั่นป็อปของเพลงนี้ร้องโดย พีโบ ไบรสัน (Peabo Bryson) และ เรกิน่า เบลล์ (Regina Belle) ซึ่งเวอร์ชั่นนี้กระโดดขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ตโดยเขี่ยเพลง I Will Aways Love You ของ วิทนี่ย์ ฮิวส์ตัน (Whitney Houston) ตกลงมาอีกด้วย เพลงนี้ก็แปลงเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยในชื่อเพลง โลกใหม่ที่สวยงาม
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/A_Whole_New_World
Reflection – Mulan
เพลงประกอบอนิเมชั่นเรื่อง มู่หลาน ในปี 1998 ที่ได้ ลีอา ซาลอนกา (Lea Salonga) นักร้องสาวฟิลิปปินส์เป็นผู้ขับร้องในอนิเมชั่น โดยเป็นผลงานการประพันธ์ของ แม็ทธิว ไวเดอร์ (Matthew Wilder) และ เดวิด ซิปเพล (David Zippel) และเพลงนี้ยังมีเวอร์ชั่นป็อปที่นักร้องสาวชาวอเมริกันชื่อดังอย่าง คริสติน่า อากีเลร่า (Christina Aguilera) เป็นผู้ขับร้องจนกลายเป็นเพลงเปิดตัวของเธอ ก่อนที่อัลบั้มรวมของตัวหนังเรื่องนี้จะปล่อยออกมาทั้ง 2 เวอร์ชั่น เพลงนี้ใช้ในฉากที่มู่หลานกลับมาบ้านหลังจากล้มเหลวในการสร้างความประทับใจให้กับคู่รัก เพลงสื่อความหมายถึงตัวมู่หลานที่อยากจะให้โลกรับรู้ในตัวตนที่แท้จริงของเธอ โดยเป็นฉากที่เธอกำลังล้างเมคอัพอยู่ในสวนที่บ้านเผยให้เห็นหน้าจริง เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวละครจีนเพลงนี้จึงโด่งดังมากในแถบเอเชียและนำมาแปลงเนื้อร้องในหลายเวอร์ชั่น รวมไปถึงของไทยที่ได้ โฟร์ท นฤมล จิวังกูร เป็นผู้ร้องในชื่อเพลง”เงา”
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/Reflection_(song)
Let It Go – Frozen
เพลงดังประกอบอนิเมชั่นเรื่อง ฟรอสเซ่น ในปี 2013 ที่ได้เสียงของ อิดิน่า เมนเซล (Idina Menzel) หรือผู้ให้เสียงเอลซ่า ราชินีน้ำแข็งตัวเอกของเรื่องมาเป็นผู้ร้องเพลงประกอบ โดยผู้แต่งคือ คริสเทน แอนเดอร์สัน โลเปซ (Kristen Anderson-Lopez) และ โรเบิร์ต โลเปซ (Robert Lopez) เพลงนี้สื่อถึงราชินีเอลซ่าที่ต้องออกจากอาณาจักรเพราะสาธารณะชนรับรู้ถึงความสามารถด้านเวทย์มนต์ในการสร้างนำแข็งของเธอ ซึ่งเพลงนี้ก็มีป็อปเวอร์ชั่นที่ เดมี่ โลวาโต (Demi Lovato) เป็นผู้ขับร้อง นอกจากตัวหนังจะได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขาอนิเมชั่นยอดเยี่ยมแล้ว เพลงนี้ก็คว้ารางวัลออสการ์ในสาขา Best Original Song ในปี 2014 รวมไปถึงแกรมมี่วอร์ด สาขา Best Song Written for Visual Media ในปี 2015 อีกเช่นกัน โดยทำยอดขายไปได้ 10.9 ล้านแผ่นทั่วโลกเมื่อปี 2014 อีกด้วย มีการแปลงเป็นเนื้อร้องหลายภาษา และของไทยก็ได้ แก้ม วิชญานี มาร้องในชื่อเพลง “ปล่อยมันไป”
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/Let_It_Go_(Disney_song)
Can You Feel the Love Tonight – The Lion King
หนึ่งในสุดยอดเพลงรักจากดิสนี่ย์ที่ใช้ประกอบเรื่อง เดอะ ไลอ้อน คิง เมื่อปี 1994 เพลงนี้ได้ เอลตัน จอห์น (Elton John) สุดยอดนักร้องจากเกาะอังกฤษมาเป็นผู้ขับร้องในซิงเกิ้ล เวอร์ชั่นและเป็นผู้ประพันธ์เพลงร่วมกับ ทิม ไรซ์ (Tim Rice) อีกด้วย แต่เวอร์ชั่นออริจินอลที่ใช้ประกอบอนิเมชั่นนั้นร้องโดย คริสเทิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์, โจเซฟ วิลเลี่ยมส์, แซลลี่ ดีวอร์สกี้, นาธาน เลน และ เออร์นี่ ซาเบลล่า (Kristle Edwards, Joseph Williams, Sally Dworsky, Nathan Lane, Ernie Sabella) ซึ่งก็ตามคาดเมื่อคว้ารางวัลจาก 2 เวทีใหญ่ทั้งออสการ์และลูกโลกทองคำในสาขา Best Original Song ในปี 1994 โดยเอลตัน จอห์นผู้ร้องในซิงเกิ้ลเวอร์ชั่นก็ได้อานิสงฆ์ของเพลงนี้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ดสาขา Best Male Pop Vocal Performance อีกเช่นกัน เพลงนี้มีเวอร์ชั่นไทยในชื่อเพลง เธอรู้สึกถึงรักหรือเปล่า ขับร้องโดย สุเมธ องอาจ และ จันทร์จิรา นิ่มพิทักษ์พงศ์
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/Can_You_Feel_the_Love_Tonight
Go the Distance – Hercules
เพลงนี้แต่งโดย อลัน เมนเคน (Alan Menken) และ เดวิด ซิปเพล (David Zippel) เพื่อใช้ในการประกอบเรื่องเฮอร์คิวลิสเมื่อปี 1997 เวอร์ชั่นประกอบอนิเมชั่นนั้นขับร้องโดย โรเจอร์ บาร์ท (Roger Bart) ผู้ให้เสียงเฮอร์คิวลิส และยังมีเวอร์ชั่นป็อปที่ร้องโดย ไมเคิล โบลตัน (Michael Bolton) นักร้องชาวอเมริกัน โดยเพลงนี้ก็โด่งดังถึงขนาดมีชื่อเข้าชิงทั้งรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำในปี 1997 แต่โชคร้ายที่ปีนั้นหนังคู่แข่งดันเป็นไททานิค หนังฟอร์มยักษ์ที่กวาดรางวัลไปเพียบ รวมถึงเพลง My Heart Will Go On ที่ชนะทั้งรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำในสาขา Best Original Song ไป แต่เพลง Go To Distance ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลกไม่น้อย โดยเพลงนี้ใช้ในฉากที่เฮอร์คิวลิสกำลังภาวนาต่อพระเจ้าก่อนพบความจริงว่าเขาคือบุตรของซุส ราชาแห่งทวยเทพ ก่อนที่เขาจะกลับไปเป็นฮีโร่ที่เขาโอลิมปัส สำหรับเวอร์ชั่นภาษาไทยชื่อ “สุดฟ้าดิน” ขับร้องโดย ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/Go_the_Distance
We Belong Together – Toy Story 3
เพลงสนุกที่มีกลิ่นอายของดนตรีโซลและบลูส์ ได้แรนดี้ นิวแมน (Randy Newman) นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกันที่เคยทำเพลง Down in New Orleans ในเรื่อง The Princess and the Frog มาแล้ว ครั้งนี้นิวแมนลงมือทำเองทั้งหมดทั้งการแต่งเนื้อร้อง ทำนอง และเป็นผู้อัดเสียงเอง ซึ่งก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อเพลงนี้สามารถคว้ารางวัลออสการ์ครั้งที่ 83 ในปี 2011 โดยเอาชนะเพลง I See the Light จากเรื่อง Tangled (ราพันเซล) ของทางค่ายดิสนี่ย์เช่นเดียวกัน เพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวเพลงแรกในอนิเมชั่นเรื่อง Toy Story 3 แต่เล่นเอาแฟนการ์ตูนนักสะสมต้องรอเกือบ 2 ปี เพราะในช่วงแรกนั้นค่ายดิสนี่ย์เปิดแค่ให้ดาวโหลดเป็น MP3 เท่านั้น จนปี 2012 ถึงร่วมมือกับค่ายอินทราดา เร็คคอร์ด (Intrada Records) ทำซีดีซาวด์แทร็คย้อนหลังขึ้นมา
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/We_Belong_Together_(Randy_Newman_song)
Circle of Life – The Lion King
หนึ่งในเพลงประกอบอนิเมชั่นเรื่องเดอะ ไลอ้อน คิงเมื่อปี 1994 เพลงนี้ได้ ทิม ไรซ์ (Tim Rice) เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง ส่วนด้านทำนองเป็นของ เอลตัน จอห์น (Elton John) นักดนตรีชื่อดังชาวอังกฤษ โดยเวอร์ชั่นประกอบหนังนั้นเป็น คาร์เมน ทวิลลี่ (Carmen Twillie) และ เลโบแฮง โมเรก (Lebohang Morake) หรือ เลโบ เอ็ม. (Lebo M.) เป็นผู้ขับร้อง ทำนองนั้นทำได้ฮึกเหิมอลังการสมกับฉากที่ ราฟิกิ ชู ซิมบ้า บนหน้าผาแสดงตัวว่าที่เจ้าป่าในอนาคต โดยเพลงนี้ก็โด่งดังไม่แพ้เพลง Can You Feel the Love Tonight จากเรื่องเดียวกัน จนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Original Song ทั้งคู่ และเป็น Can You Feel the Love Tonight ที่เข้าวินไป อย่างไรก็ตามคะแนนความนิยมของ Circle of Life ถือว่าดีมากขึ้นถึงอันดับ 18 ของบิลบอร์ดชาร์ต และ ทะยานขึ้นอันดับต้นๆของชาร์ตเพลงทั่วยุโรปในปีนั้น จึงต้องมีการแปลงเนื้อร้องเป็นเวอร์ชั่นของหลายประเทศ
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/Circle_of_Life
You’ll Be in My Heart – Tarzan
ผลงานเพลงจาก ฟิล คอลลินส์ (Phil Collins) นักร้อง, นักแต่งเพลงชื่อดังชาวอังกฤษ โดยเจ้าตัวเป็นทั้งผู้แต่งและอัดเสียงเองเพื่อใช้ประกอบเรื่องทาร์ซานปี 1999 ส่วนเวอร์ชั่นซิงเกิ้ลได้ เกล็น โคลส (Glenn Close) เป็นผู้ขับร้อง เพลงนี้โด่งดังเป็นอย่างมากจนติดบิลบอร์ดชาร์ตในอันดับที่ 21 และคว้าสองรางวัลใหญ่อย่างรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำในสาขา Best Original Song ทั้งคู่ รวมไปถึงการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่วอร์ดแต่พลาดรางวัลนี้อย่างน่าเสียดาย เพลงนี้ทำออกมาเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยเช่นเดียวกันในชื่อ เธอแนบข้างใจ ขับร้องโดย สุทธานิน มาลัยพงษ์ ซึ่งฉากที่เพลงนี้ออกมาคือตอนที่ กาลา แม่กอลิร่าที่กำลังกล่อมทาร์ซานให้หยุดร้องไห้และบอกว่าเธอจะเป็นผู้ปกป้องทาร์ซานเอง เข้ากับความหมายของเพลงอย่างมากและเป็นหนึ่งในฉากสุดประทับใจของอนิเมชั่นดิสนี่ย์
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/You%27ll_Be_in_My_Heart