มารู้จักไม้ทำกีต้าร์กันเถอะ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ guitar wood

กีต้าร์ที่เราใช้โดยส่วนใหญ่นั้นมักมีส่วนประกอบทำมาจากไม้แทบทั้งสิ้น โดยทั่วไปจะผลิต 2 ส่วนคือตัวบอดี้และส่วนคอ ซึ่งไม้แต่ ละชนิดก็จะให้เสียงที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะเฉพาะตัวของไม้นั้นๆ ดังนั้นการรู้จักซาวด์ของไม้ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยในการเลือกซื้อกีต้าร์ที่ดีหรือตรงกับแนวดนตรีที่เล่นอยู่ จึงจะขออธิบายซาวด์ของไม้แต่ละประเภทคร่าวๆดังนี้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Elder wood
ไม้เอลเดอร์ Alder Wood

ถือเป็นไม้ยอดฮิตที่นำมาทำเป็นส่วนบอดี้กีต้าร์ในยุค 50′ จนถึงยุค 60′ มีน้ำหนักค่อนข้างเบาลวดลายไม้สวยงาม เสียงที่ออกมาค่อนข้างคลีนใสและชัด ย่านเสียงค่อนข้างเต็มทั้งทุ้มและแหลม โดยเสียงกลางอาจจะเบาเล็กน้อย ลักษณะซาวด์ทุ้มและแหลมจะผสมกันลงตัวทำให้ออกมาเสียงหวาน ข้อเสียคือความต่อเนื่องของเสียง (sustain) จะไม่กว้าง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Ash wood

ไม้แอช Ash Wood

เป็นไม้ที่ทาง Fender นำไปใช้ทำบอดี้กีต้าร์ในช่วงปี 60′ ซึ่งถ้าใครเคยได้ยินเสียงของ Fender ยุคนี้ก็จะทราบลักษณะซาวด์ของไม้ได้ดีเพราะเป็นเอกลักษณ์ของ Fender ไปแล้ว เสียงกลางจะชัดกว่าไม้เอลเดอร์ค่อนไปทางทุ้มเล็กน้อยทำให้เล่นได้ทุกแนวดนตรีและความต่อเนื่องของเสียงจะมากกว่าไม้เอลเดอร์

Image result for woods to make guitar

ไม้เบสวู้ด Basswood

เป็นไม้ที่ราคาไม่แพงทำให้มักจะนำมาผลิตกีต้าร์แบรนด์ระดับล่าง แต่ไม้เบสวู้ดเองหากปลูกในภูมิประเทศที่เหมาะสมก็จะให้เสียงที่ดีเช่นกัน ข้อเสียของไม้ชนิดนี้คือค่อนข้างดูดน้ำทำให้ชื้นง่ายและแห้งยาก โทนเสียงจะให้ความรู้สึกอบอุ่นและซาวด์ค่อนข้างแหลมบาง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Corina wood

ไม้คอริน่า Korina Wood

เป็นไม้ที่ปลูกในแอฟริกาเป็นส่วนใหญ่ จุดเด่นของไม้ลักษณะนี้คือให้เสียงที่ค่อนข้างทุ้มกว่าไม้มะฮอกกานี และให้เสียง sustain ค่อนข้างกว้าง แบรนด์ดังอย่าง Gibson เคยนิยมนำไม้ชนิดนี้มาทำกีต้าร์ในยุค 50′ ก่อนจะปรับมาใช้ไม้มะฮอกกานีในช่วงหลัง ซึ่งปัจจุบันไม้คอริน่าหรือที่เรียกอีกชื่อว่าไม้ลิมบามีกจะถูกนำไปใช้ทำเบสมากกว่า

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Mahogany wood guitar

ไม้มะฮอกกานี Mahogany Wood

เป็นไม้ที่ทาง Gibson นำมาผลิตกีต้าร์ในยุคปัจจุบัน ซาวด์จึงออกมาในรูปแบบของกิ๊กสันแท้ๆคือหนาและนุ่มลึก เพราะไม้มะฮอกกานีเป็นไม้เสียงทุ้ม แต่ค่อนข้างหนัก ปัจจุบันทาง Gibson เองได้มีกรรมวิธีผลิตโดยผสมไม้เมเปิ้ลควบคู่ไปด้วยทำให้ซาวด์ออกมาบางลงเล็กน้อยมีความเป็นกลางมากขึ้น

ไม้เมเปิ้ล Maple Wood

สมัยก่อนเป็นที่นิยมปลูกกันมากในทางเหนือของอเมริกา เป็นไม้ที่มีน้ำหนักเบาและให้ย่านเสียงที่ค่อนข้างนุ่มใสเป็น ไม้ที่นิยมมาใช้เป็นส่วนประกอบของกีต้าร์มากกว่าเป็นไม้หลัก เช่น ประกบกับไม้ชนิดอื่นๆเพื่อเป็นการผสมซาวด์ให้ลงตัวมากขึ้น ปัจจุบันมีการปลูกอย่างแพร่หลายในทวีปเอเชียแต่ซาวด์จะไม่เหมือนของฝั่งอเมริกา เพราะเมเปิ้ลเอเชียซาวด์จะกระด้างไปทางแนวดนตรีร็อคมากกว่าสืบเนื่องมาจากภูมิประเทศในการปลูก

ไม้โรสวู้ด Rosewood

เป็นไม้ที่ให้เสียงดีแบบอะคลูสติคซาวด์ออกมาชัดและใส แต่ไม่นิยมนำมาใช้ทำบอดี้เพราะน้ำหนักมาก ทาง Fender เคยนำมาใช้เป็นส่วนบอดี้ในช่วงปี 1969 – 1972 และเนื่องจากกีต้าร์หนักจึงเลิกใช้ไม้ชนิดนี้ผลิตบอดี้ ปัจจุบันไม้โรสวู้ดมักจะใช้เป็นส่วนฟิงเกอร์บอร์ดเสียมากกว่าเนื่องจากน้ำหนักราคาค่อนข้างสูง การนำไม้โรสวู้ดไปประกบกับไม้ช่วงคอแบบอื่นก็จะช่วยเพิ่มความชัดและใสให้กับเนื้อเสียงกีต้าร์อีกด้วย

Image result for woods to make guitar

นอกจากนี้ก็ยังมีไม้แบบอื่นๆที่มักจะใช้ผลิตเช่น ไม้สปรูซ หรือไม้ตะกูลไม้สนที่ให้น้ำหนักเบาและเสียงชัดออกมาเป็นเม็ดๆ แต่ไม้ชนิดนี้มักจะใช้ทำกีต้าร์โปร่งมากกว่า หรือปัจจุบันก็จะมีไม้สังเคราะห์มาใช้ในการผลิตกีต้าร์ราคาถูกอีกด้วย ซึ่งคุณภาพเสียงอาจลดลั่นกันไปตามราคา ซึ่งหากมีความรู้เรื่องไม้ที่ใช้ผลิตแล้ว ก็จะทำให้สามารถเลือกกีต้าร์ที่มีคุณภาพสมราคาตามแนวดนตรีที่ชอบได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณบทความจาก guitarplayer

ขอบคุณรูปภาพจาก kingsmere, chasingguitar และ luthierssupplies

8 ข้อหลักที่มือเบสต้องรู้ !!!

เบสถือเป็นเครื่องดนตรีสำคัญอย่างหนึ่งในวงเพราะมีหน้าที่ควบคุมทั้งซาวด์และจังหวะรวมไปถึงการประสานกับเพื่อนร่วมวงทั้งกีต้าร์ กลอง และคีย์บอร์ด ทำให้มีหลายคนชื่นชอบในเครื่องดนตรีชนิดนี้ แต่ยังมีนักดนตรีอีกไม่น้อยที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการเล่นเบส จึงขอนำเสนอเกร็ดน่ารู้เล็กๆ 8 ข้อที่ช่วยพัฒนาและเป็นแนวทางในการเล่นเบสมาฝากกัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bass guitar

1. เล่นให้สัมพันธ์กับกระเดื่องกลอง

ถ้าหากว่าเป็นมือใหม่สิ่งแรกที่มือเบสควรจะทำคือเล่นให้เข้ากับจังหวะกระเดื่องเสียก่อน อันที่จริงแล้วจะเล่นจนชำนาญแค่ไหนการยึดจังหวะจากกระเดื่องก็เป็นสิ่งสำคัญแต่มืออาชีพสายโหดอาจจะมีโซโล่หรือเล่นตามไล์กีต้าร์บ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการดีดให้เข้าจังหวะกับกระเดื่องเป็นพื้นฐานที่มือเบสทุกคนควรตระหนักไว้

Image result for bass guitar + drum

2. เล่นให้เข้ากับวง

แน่นอนว่าเบสเป็น 1 ในตัวคุมจังหวะของวง ดังนั้นการที่เล่นให้วง”แน่น”ถือเป็นหัวใจของมือเบส มืออาชีพหลายๆคนอาจจะไม่ได้โชว์ลูกเล่นที่หวือหวาสักเท่าไหร่นักแค่เล่นตามคอร์ดปกติแต่ฟอร์มวงออกมาดี นั่นแสดงถึงความสามัคคีและรู้หน้าที่กันในวง มือเบสที่ดีจึงจะเหมือนผู้อยู่เบื้องหลังวงอย่างแท้จริง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Bassist

3. ต้องใช้ลูกเล่นให้เป็น

ถ้าอ่านจากที่เกริ่น 2 ข้อแรกหลายคนอาจเข้าใจผิดว่ามือเบสต้องเล่นแบบทื่อๆ แต่ความเป็นจริงแล้วการเล่นเบสต้องสอดแทรกความลื่นไหลของตัวโน๊ตลงไปในเพลงด้วย การใส่ root notes ลงไปในถ้าทำให้เพลงมีความลงตัวเช่น จากคอร์ด G ไป คอร์ด D มือเบสก็อาจจะเล่น G -> A -> B-> D เพื่อความต่อเนื่องได้ ไม่ใช่ว่าดีดดุ่มๆทื่อตามคอร์ดก็จะทำให้วงเล่นยากขึ้น

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bass guitar

4. อย่าเล่นแบบกีต้าร์โซโล่

หากคุณรักจะเป็นมือเบสแล้วต้องยอมรับกับความเป็นป๋าดันของวง มือเบสอาชีพที่มีชื่อเสียงระดับโลกต้องรู้หน้าที่ในแต่ละบทเพลง การเล่นตามโน๊ตและคุมจังหวะให้เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเบสอยู่แล้ว ดังนั้นหากมือเบสจะโซโล่ต้องเป็นจังหวะที่เหมาะสมจริงเท่านั้นไม่เหมือนกีต้าร์ที่จะมีไลน์โซโล่แทบทุกเพลง สำหรับมือเบสแล้ว rhythm คือสิ่งสำคัญกว่า solo

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bass guitar

5. จังหวะคือสิ่งสำคัญที่สุด

เบสเป็นเครื่องดนตรีที่ประสานระหว่างจังหวะและตัวโน๊ต ดังนั้นไม่ว่าจะเล่น Rift หรือเดินตามคอร์ดก็ตาม ต้องตระหนักไว้ว่าจังหวะหรือทาร์มมิ่งคือสิ่งที่สำคัญที่สุด การเล่นเบสที่จึงควรเริ่มต้นฝึกด้วย metronome ให้ชำนาญเสียก่อน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bass guitar

6. เล่นให้ได้อารมณ์เพลง

ซาวด์ของเบสอาจจะฟังดูทุ้มและทื่อกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่น แต่หากเล่นเข้ากับจังหวะและเลือกใช้โน๊ตที่ถูกต้องถือเป็นเครื่องดนตรีที่มีมิติเช่นกัน การที่คนฟังเสพย์ดนตรีนั้นอารมณ์เพลงถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ ดังนั้นการฝึกซ้อมเบสนอกจากจังหวะและลูกเล่นแล้วต้องไม่ลืมสำเนียงหรือการเข้าถึงอารมณ์ของเพลงอีกด้วย

Image result for bass guitar

7. การควบคุมซาวด์

อย่าได้คิดว่าเบสมีแค่เสียงเดียวเท่านั้น ปัจจุบันนี้เอฟเฟ็คที่ใช้กับเบสก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้นเพราะการเล่นเบสให้เข้ากับดนตรีแต่ละแนวเสียงที่ออกมาจะไม่เหมือนกัน มือเบสที่ดีต้องใช้น้ำหนักนิ้วให้เหมาะกับเพลงเพื่อให้ได้เสียงตามชนิดดนตรี เช่น เล่นแนวแจ๊สก็ไม่ควรดีดแรงจนเสียงออกมาเป็นแนวร็อค

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bass guitar

8. ความมั่นใจ

ถ้าหากว่าเล่นเบสได้ตาม 7 ข้อที่กล่าวมาแล้ว ความมั่นใจคือสิ่งสุดท้ายที่จะช่วยเติมเต็มการเล่นให้สมบูรณ์แบบ หากมือเบสไม่มีความมั่นใจแล้วซาวด์ที่ออกมาจะฟังไม่ชัดเจน ดังนั้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจต้องหมั่นขยันฝึกซ้อมโดยไม่ลืมเกร็ด 7 ข้อแรกที่กล่าวมา ถ้าหากนักดนตรีซ้อมมาอย่างหนักมีความสามัคคีในวงดีเยี่ยมแล้วจะเล่นด้วยมั่นใจเต็มเปี่ยม เมื่อนั้น band performance ของวงก็จะมีคุณภาพ มีความหนักแน่นและเข้าถึงอารมณ์เพลงอย่างเต็มที่

ขอบคุณบทความจาก musicademy

ขอบคุณรูปภาพจาก wikihow, sweetwater

การเลือกไม้กลองให้เหมาะกับตนเอง

สำหรับมือกลองนอกจากลองชุดคู่ใจของตนเองแล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเลือกไม้กลองก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยเสริมความถนัดและฝีมือตนเองไปด้วย การใช้ไม้กลองที่ถนัดมือก็จะช่วยสร้างความมั่นใจในการเล่นได้มากขึ้น และหากเลือกไม้ตรงกับประเภทดนตรีก็จะเสริมซาวด์และจังหวะให้กลมกลืนไปกับวงได้อีกด้วย ดังนั้นเราจะมาบอกเทคนิคการเลือกไม้กลองในสไตล์ที่ต้องการแล้วควรรู้กันดังนี้

1. ขนาดไม้

ขนาดไม้กลองถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกเพราะมือกลองย่อมต้องการความเหมาะมือและกระชับเวลาจับ โดยไม้กลองส่วนใหญ่จะมีขนาดรุ่นบอกอยู่แล้วเช่น 3S, 2B หรือ 5A ความหมายก็คือยิ่งตัวเลขมากขนาดเส้นรอบวงของไม้กลองก็จะเล็กลง เช่น 7A ก็จะมีขนาดเล็กกว่า 5A แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูตัวอักษรอังกฤษเป็นหลักว่าเป็นไม้กลองรูปแบบใด เช่น 3S จะมีเส้นรอบวงที่ใหญ่กว่า 2A เป็นต้น

ตัวอักษรชนิดไม้กลองจะมี 3 แบบ คือ S, A และ B ซึ่งการใช้งานก็จะแตกต่างออกไปดังนี้
แบบ S จะเป็นไม้กลองขนาดใหญ่หรือเรียกว่าไม้กลอง street สวนใหญ่จะใช้กับวงขนาดใหญ่เช่นวงโยธวาทิตหรือกองพลกลองในหน่วยทหาร สาเหตุที่ใช้กับวงเหล่านี้เพราะไม้กลองชนิดนี้จะให้เสียงดังกังวานเหมาะกับวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีหลายประเภทและต้องการความดังในการตี
แบบ B จะเป็นไม้กลองมาตรฐานทั่วไปเรียกว่าไม้กลอง band หรือสำหรับเล่นวงดนตรีตามปกติ ขนาดยอดนิยมของรุ่นี้คือ 2B ที่มือกลองทั่วไปมักจะเลือกใช้กัน แบบ B ถือเปนมาตรฐานเพราะสามารถเล่นได้ทุกแนวดนตรี แบบ A จะเป็นไม้กลองที่ขนาดเส้นรอบวงเล็กที่สุด ส่วนใหญ้ไม้กลองไซส์นี้จะนิยมในหมู่คนเล่นดนตรีแจ๊สเพราะต้องการน้ำหนักที่เบาและกระชับเหมาะมือ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ใช้กับดนตรีร็อคอีกด้วยเพราะเหมาะสำหรับการตีเร็วๆหรือเบาๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ drum stick

2. หัวไม้

หัวไม้กลองถือเป็นส่วนสำคัญเพราะต้องสัมผัสกับไฮ-แฮทอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อให้เสียงที่เข้ากับดนตรีที่เล่นจึงจำเป็นต้องเลือกหัวไม้ด้วย หัวไม้กลองจะมี2 แบบคือ หัวไม้แท้ที่จะให้เสียงนุ่มนวลเวลากระทบกับทองเหลืองเช่นฉาบหรือไฮ-แฮท แต่มีข้อเสียคือจะแตกหักได้ง่าย อีกแบบคือหัวพลาสติกหรือที่เรียกว่าหัวไนล่อนเวลากระทบกับทองเหลือเสียงจะคมใสกว่า แต่ข้อเสียคือเสียงจะไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนัก

ส่วนหัวไม้ก็จะมี 2 แบบเช่นกันคือแบบวงรีและแบบวงกลม ซึ่งข้อแตกต่างนั้นแบบวงรีจะให้เสียงที่เล็กแหลมและพุ่งกว่า เหมาะสำหรับการตีเพลงทุกแนวแต่เน้นไปทาง ร็อค, ป็อป และแจ๊ส อีกแบบจะเป็นหัวไม้กลมซึ่งเสียงที่ออกมาจะหนักและมีพลัง มักจะใช้ในเพลงร็อคหรือเมทัล

Image result for wood to make drumsticks

3. ชนิดไม้

ไม่ที่นิยมเอามาทำเป็นไม้กลองส่วนมาจะเป็นไม้เมเปิ้ลและไม่โอ๊คซึ่งมีน้ำหนักเบาเหมาะกับทุกแนวเพลง นอกจากนั้นยังมีไม้ฮิกคอรี่ซึ่งจะเป็นไม้แบบหนักที่ไว้ใช้เล่นเพลงเฮฟวี่ร็อคเพราะเป็นไม้ประเภทเดียวกับที่ใช้ทำไม้เบสบอล จึงเนื้อแข็งมีความทนทานสูงไม่หักง่าย แต่จะให้เสียงสู้ไม้เมเปิ้ลและไม้โอ๊คไม่ได้ นอกจากนั้นยังมีไม้กลองที่ทำมาจากไม้สังเคราะห์ซึ่งข้อดีคือราคาถูกมาก แต่ไม้ชนิดนี้จะไม่ทนทาน ส่วนใหญ่นักดนตรีจะใช้แค่ในห้องซ้อมไม่กี่ครั้งก็แตกหัก จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก

3 หัวข้อนี่จะเป็นทางเลือกให้มือกลองมือใหม่ได้เลือกไม้กลองในแบบที่ตนเองต้องการ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นต้องไม่ลืมว่าการฝึกซ้อมคือสิ่งสำคัญที่สุดของนักดนตรี ดังนั้นหากได้ไม้กลองที่ถูกใจแล้วก็อย่าลืมไปฝึกฝนอย่างหนักเพื่อพัฒนาฝีมือตนเองกันต่อไป

ขอบคุณบทความจาก thehub.musiciansfriend

ขอบคุณรูปภาพจาก thehub.musiciansfriend, troys-drums และ reverb

5 เหตุผลที่ต้องเลือก Les Paul

2016 Gibson Les Paul Standard T

กีต้าร์ทรง Les Paul ถือเป็นจุดเด่นของค่าย Gibson เพราะคู่แข่งโดยตรงอย่าง Fender ไม่ได้ผลิตทรงนี้ออกมาขาย แม้ว่าระยะหลังจะมียี่ห้อเล็กๆเจ้าอื่นผลิตทรงนี้ออกมาบ้าง แต่โดยรวมๆแล้วหากนึกถึงทรง Les Paul ก็จะคิดถึง Gibson แน่ นอน ศิลปินดังๆที่ใช้กีต้าร์ทรงนี้มีมากมายทั่วโลก เช่น Slash มือกีต้าร์ชื่อดังแห่งวง guns n’roses, Jimmy Page แห่ง Led Zepplien รวมไปถึงของไทยเราเช่น พี่ป้อม อัสนี เป็นต้น ทีนี้หลายๆคนก็อาจจะสงสัยว่าทรง Les Paul นี้มีดีอะไรซึ่งแน่นอนว่า 1 ในนั้นคือความสวยงามแน่ล่ะ แต่องค์ประกอบอื่นๆที่หลายคนอาจไม่ทราบ ก็จะขอยกออกมาเป็น ข้อย่อยๆ 5 ข้อดังนี้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ les paul guitar

1. ซาวด์อันเป็นเอกลักษณ์

หากใครได้ลองจับ Gibson Les Paul แล้วล่ะก็จะพูดเหมือนกันว่าตกหลุมรักเสียงของมันตั้งแตกแรกเริ่ม ด้วย ซาวด์ที่หนา หนักหน่วงในสไตล์ของ Gibson แท้ๆ ทำให้เข้ากับดนตรีทุกแนวไม่ว่าจะเป็น บลู แจ๊ส หรือร็อค และถ้าผลิตโดย Gibson นั้นตัวบอดี้และคอจะใช้ไม้มะฮอกกานีซึ่งให้เสียงหนาเฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ เสียงที่ออกมาจะนุ่มลึก ทำให้กีต้าร์ Les Paul มีจุดเด่นในเรื่องซาวด์ที่ชัดเจน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ les paul guitar

2. การตั้งสายและจูนเนอร์

ปกติแล้วทรง Les Paul จะไม่มีคันโยกมาให้ซึ่งต้องซื้อแยกต่างหาก แต่เป็นข้อดีของทรงนี้เพราะโอกาสที่สายจะเพี้ยนมีน้อยมาก ลูกบิดของทรงนี้จะเป็นแบบโอเมติกทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษา อีกทั้งเลสพอลแทบทั้งหมดจะมีแค่ 22 เฟรต ทำให้ช่วงระยะห่างระหว่างเฟรตค่อนข้างกว้างง่ายต่อการเล่น อุปกรณ์เสริมของเลสพอลยังมีไม่มากเพราะส่วนใหญ่มือกีต้าร์จะชอบซาวด์และบอดี้
แบบเดิมๆ ทำให้ทรงนี้มีจุดเด่นที่การดูแลรักษาง่ายและไม่จุกจิกยุ่งยาก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ les paul guitar

3. Sustain (ความยาวของเสียง)

อย่างที่บอกไปในข้อแรกว่า Les Paul จะใช้ไม้มะฮอกกานีทำบอดี้และคอ ซึ่งไม้มะฮอกกานีนี้จะมีลักษณะเด่นคือ สามารถเก็บเสียงไว้ได้นาน ทำให้มือกีต้าร์สามารถลากเสียงยาวไว้ได้ด้วยการดีดแค่ครั้งเดียว และทรง Les Paul จะมี ด้านเว้าเข้าไปในบอดี้แค่ด้านเดียว ทำให้เนื้อไม้ไม่ถูกกินมากจึงมีลักษณะหนาและน้ำหนักมาก เหมาะต่อการเล่นแบบลากเสียง sustain ในแนวบลูส์หรือร็อคได้ตามความต้องการ

4.กระบวนการผลิต

ทราบกันดีว่าบอดี้ของ Les Paul จะมีน้ำหนักมากกว่ากีต้าร์ทรงอื่น แต่ตรงนี้ทำให้เป็นจุดเด่นเพราะตัวไม้จะมีผลต่อ เสียงแบบชัดเจน และทรงนี้จะคงสภาพเนื้อไม้ไว้ได้มากกว่าทรงอื่นเพราะบอดี้เป็นแบบ one cut away หรือเว้าด้าน เดียวต่างจากทรงอื่นๆ รวมไปถึงช่วงเฟรตกีต้าร์ที่ใช้ไม้โรสวู้ดมาประกบกับช่วงคอที่เป็นไม้มะฮอกกานีทำให้หนาและมีขั้นตอน ผลิตที่ค่อนข้างยุ่งยากกว่า ดังนั้นราคาของทรง Les Paul นี้จึงค่อนข้างสูงกว่ากีต้าร์ทรงอื่นนั่นเอง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ les paul guitar

5.Humbuckers

นี่คือจุดเด่นและเป็นตำนานที่ลอกเลียนแบบไม่ได้ของ Les Paul อย่างแท้จริง ซึ่งบริษัท Gibson จะใช้ปิ๊กอัพ Humbuckers กับ Les Paul ทุกรุ่น ทำให้เสียงออกมาค่อนข้างพุ่งไม่แบนราบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มือกี ต้ารืไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็หลงรักเจ้าอ้วนกลมตัวนี้ทั้งนั้น ซาวด์ของ Humbuckers ยังเข้ากับดนตรีทุกประเภทไม่ว่าจะ เป็นเพลงช้าอย่าง SMooth Jazz จนไปถึงแนวเร็วๆอย่าง Hard Rock ทำให้นักดนตรีที่ต้องการเสียงพุ่งแต่ นุ่มลึกคงไม่ปฏิเสธที่จะมี Les Paul สักตัวเก็บไว้แน่นอน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ les paul guitar

ข้อดี 5 ข้อที่ยกมาน่าจะเป็นแนวทางให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อกีต้าร์อยู่ว่าทรงไหนถึงเหมาะกับตนเอง ซึ่ง Les Paul นี้ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจหากมือกีต้าร์ต้องการทรงและซาวด์ดังกล่าว ซึ่งเชื่อได้เลยว่าหากคุณมาเป็นสาวก Les Paul แล้วจะไม่ผิดหวังกับกีต้าร์ทรงนี้อย่างแน่นอน

ขอบคุณที่มา spinditty

ขอบคุณรูปภาพจาก musiciansfriend, pourlesmusiciens และ spinditty