Author Archives: ZunWu
Ibanez RGDIX6MRW กีตาร์ไฟฟ้า
ขายเพียง  33,300฿ จาก  37,000฿6 วิธีง่ายๆที่ช่วยให้ร้องเพลงดีขึ้น
เรื่องการร้องเพลงน่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนชื่นชอบเพราะสามารถร้องที่ไหนก้ได้โดยไม่ต้องเสียเงินและไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องดนตรี ถึงขนาดรายการประกวดร้องเพลงบ้านเราผุดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด ทำให้หลายๆคนอาจจะมีความฝันที่จะขึ้นไปประกวดบนเวทีต่างๆด้วย แต่ก่อนอื่นนั้นเราก็ต้องฝึกฝนเสียงร้องของเราได้มีคุณภาพเสียก่อน ซึ่งวันนี้ทาง Music Arms จะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ 6 ประการที่ทางต่างประเทศนิยมใช้เป็นหลักในการฝึกร้อง เพื่อที่เพื่อนๆทุกคนจะได้มีพัฒนาการการร้องที่ดียิ่งๆขึ้นไป
1. ความเชื่อมั่น
ข้อแรกนี่เป็นหลักง่ายๆในการร้องเพลงกันเลย เพราะหากมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ไม่ว่าการทำอะไรก็จะออกมาสัมฤทธิผลได้ดี การร้องเพลงแบบไม่มั่นใจในตัวเองจะทำให้เกิดความสั่นในเนื้อเสียงอีกด้วย ซึ่งฟังแล้วมันไม่รื่นหูเอาเสียเลย ดังนั้นเพื่อนๆจึงต้องร้องเพลงแบบไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดแม้จะอยู่บนเวทีที่มีผู้ชมมากมายก็ตาม ซึ่งการจะมีความเชื่อมั่นสูงได้นั้นต้องผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนัก บางคนอาจจะเริ่มจากการร้องในห้องน้ำคนเดียวจนชิน แล้วค่อยไปร้องในกลุ่มให้เพื่อนๆฟัง จนไปถึงร้องเพลงในที่สาธารณะแบบไม่ต้องอายใครเพราะฉันเสียงดีนี่นา ซึ่งจุดนี้จะช่วยในการร้องเพลงเป็นอย่างมาก
2. รู้จักใช้ปากให้ถูกรูปแบบเสียง
ข้อนี้หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่ความเป็นจริงแล้วการร้องเพลงนั้นต้องใช้ปากออกเสียงเป็นหลักอยู่แล้ว หากบางคนเหนียมอายห่วงสวยห่วงหล่อแล้ว เสียงที่ออกมาก็จะไม่ชัดถ้อยชัดคำและไม่มีพลังเท่าที่ควร ดังนั้นนักดนตรีที่ดีต้องไม่ห่วงลุคของตนเอง เพราะยามขึ้นร้องบนเวทีแล้วนอกจากปากที่ต้องอ้ากว้างๆแล้วบางคนสีหน้ายังเข้าถึงอารมณ์เพลงแบบไม่แคร์สื่ออีกด้วย ซึ่งการร้องเพลงก็คือการสื่ออารมณ์ให้เข้าถึงคนดู หากจะมาเขินในรูปปากตนเองก็จะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการร้องเพลง เริ่มแรกอาจใช้วิธีร้องจากหน้ากระจกเพื่อเพิ่มความมั่นใจกันเล็กน้อยและลองออกเสียงให้ตรงคำและถึงคีย์เพลงที่ร้อง หลังจากนั้นการร้องเพลงของคุณจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
3. การควบคุมลมหายใจ
ตรงนี้อาจเป็นเทคนิคขั้นสูงสำหรับมือใหม่เสียหน่อย เพราะหลายๆคนยังไม่รู้วิธีการดึงเสียงจากกระบังช่องลมเท่าไหร่นัก การร้องเพลงที่ถูกต้องต้องหายใจให้ท้องป่องออกมาและดึงลมออกมาที่ช่วงปากให้เสียงมีพลัง ช่วงแรกของการฝึกอาจใช้วิธีร้องเพลงโดยแบ่งวรรคหายใจให้ถูกต้องเสียก่อน เช่น การร้องหน้ากระจกทีละโน๊ตแล้วดูว่าโน๊ตที่เราเปล่งออกมานั้นมีพลังหรือไม่ ซึ่งชาวต่างประเทศส่วนมากจะใช้วิธีวางมือที่หน้าท้องก่อนจะร้องเพลงในแต่ละตัวโน๊ต เพื่อให้แน่ใจว่าการหายใจนั้นปล่อยลมออกมาหมดแล้วจริงๆ หากฝึกทีละตัวโน๊ตจนชำนาญแล้วก็อาจจะเริ่มไปฝึกการร้องเพลงเป็นท่อนๆ เพราะการร้องเพลงแบบแบ่งวรรคนั้นต้องจัดสรรลมหายใจให้ถูกต้องว่าจะหายใจเข้าช่วงไหนอีกด้วย ซึ่งถ้าหากทำได้อย่างถูกหลักแล้วก็จะร้องเพลงได้ไม่ต่างจากมืออาชีพกันเลยทีเดียว
4. พลังปอดที่ดี
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าการร้องเพลงที่ถูกต้องจะใช้การควบคุมลมหายใจ ดังนั้นปอดถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญในการร้องเพลง มืออาชีพส่วนใหญ่จึงต้องมีการบริหารช่วงปอดและลำคออีกด้วยเช่น อาจดื่มน้ำอุ่นๆหรือน้ำผึ้งเพื่อรักษาลำคอ หรือในบางรายอาจจะมีการออกกำลังกายเช่นการว่ายน้ำหรือวิ่งจ็อกกิ้งเบาๆ เป็นการเสริมให้ปอดมีพลังในการเก็บลมที่มากขึ้น ช่วงแรกหลายคนจะใช้วิธีเปล่งเสียงยาวๆเช่น อาาาาาาาาา หรือ เออออออออออ เป็นการฝึกปอดและทดสอบพลังเสียง หากเสียงช่วงท้ายของคำเหล่านี้มีอาการสั่นแสดงว่าปอดของคุณอาจจะยังไม่แข็งแรงพอที่จะร้องเพลงบางประเภท ดังนั้นเรื่องสุขภาพการออกกำลังกายก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการฝึกซ้อมร้องเพลง
5. พยายามร้องเพลงนอก Range (ระยะเสียง)
คนเราจะมี Range หรือระยะเสียงของตนเอง ซึ่งหากหลายๆคนร้องเพลงไปก็จะพอทราบขีดความสามารถในระดับเสียง แต่ในหลายๆครั้งในตัวเพลงอาจจะมีท่อนที่เสียงสูงหรือต่ำกว่าคีย์ปกติที่เราสามารถทำได้ ดังนั้นการฝึกร้องคีย์พวกนี้จะเป็นการพัฒนาช่วยให้ร้องได้ดียิ่งขึ้น เพราะหากคุณมี Range เสียงที่กว้างขึ้นก็จะสามารถร้องเพลงได้หลากหลายแนวหรือมีประสิทธิภาพมาก แต่ข้อนี้อาจต้องระวังกันหน่อยเพราะถ้ารู้ตัวแล้วว่าเราร้องไม่ถึงจริงๆก็ควรหยุด หากฝืนร้องต่อไปอาจมีผลต่อเส้นเสียงจนเกิดอาการบวมหรือเสียงแหบได้ อีกทั้งด้วยธรรมชาติของมนุษย์แล้วจะไม่สามารถร้องเพลงคีย์สูงกว่าตนได้หลายออคเตปนัก เช่น ผู้ชายเกือบทั้งหมดก็จะไม่สามารถร้องเพลงคีย์ผู้หญิงได้ ดังนั้นจงฝึกแค่ให้ Range กว้างกว่าคีย์ปกติสักเล็กน้อยก็พอ เพราะหากฝืนหนักไปแล้วแทนที่จะเป็นผลดีอาจทำให้การร้องเพลงแย่ลงกว่าเดิม
6. พยายามเข้าถึงอารมณ์เพลง
ข้อสุดท้ายนี้จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก ยิ่งถ้าหากเป็นเพลงสากลที่หลายๆคนไม่ค่อยเข้าใจความหมายแล้วก็อาจจะสื่อไม่ถึงอารมณ์เพลงมากนัก วิธีแก้เบื้องต้นคือต้องทำอารมณ์ให้เข้ากับดนตรีเพลงในแต่ละตัวโน๊ต ซึ่งตรงนี้จะใช้ประสบการณ์ในการ้องค่อนข้างมาก หรือถ้าหากพอจะมีเวลาก่อนที่จะขึ้นร้องบนเวทีต่างๆ ก็ให้ลองทบทวนดูว่าเนื้อเพลงนั้นผู้แต่งต้องการกล่าวถึงอะไร ต้องการสื่ออะไรให้กับคนฟัง เพราะนักร้องนั้นจะรับหน้าที่เป็นคนถ่ายทอดสื่อตรงนี้อยู่แล้ว ต่างประเทศจึงมีคำกว่าว่า”จงแบ่งปันความรู้สึกให้กับคนฟัง” ดังนั้นการร้องเพลงจึงไม่ได้มีแค่พลังเสียงหรือความเพราะเท่านั้น เช่นท่อนเพลงที่เศร้าเสียงร้องอาจจะมีความสั่นเล็กๆเพื่อเข้าถึงจิตใจที่โศกเศร้าของผู้ฟังและผู้แต่งเพลงด้วย หรือหากร้องเพลงสนุกสนานก็จะใช้รอยยิ้มเป็นสื่ออีกประเภทในการร้อง ซึ่งตรงนี้ตัวนักร้องเองต้องทำการบ้านมาพอสมควรถึงจะแสดงออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งหมดนี้คือ 6 เทคนิคในการฝึกร้องเพลงแบบง่ายๆขั้นต้นที่เพื่อนสามารถฝึกฝนได้ด้วยตนเองไม่ต้องไปเสียเงินเรียนที่ไหน แทบทุกข้อสามารถเริ่มทำเองได้ตั้งแต่วันนี้หากคุณรักในการขับร้อง หรือบางคนก็อาจเลือกที่จะเรียนร้องเพลงก็จะได้เทคนิคที่ยากขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งก็คงไม่มีวิธีใดดีไปกว่าการฝึกซ้อมและเริ่มลงมือทำ หากร้องเพลงได้อย่างมีคุณภาพแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวทีไหนๆก็ขอให้บอกมาเถอะ ถ้ามั่นใจและทำได้เชื่อเลยว่าพร้อมลุยกันทุกเวที
ขอบคุณบทความจาก spinditty
ขอบคุณรูปภาพจาก spinditty, superiorsingingmethods
Ibanez RG370ZB
ขายเพียง  20,700฿ จาก  23,000฿Ibanez RG350ZB
ขายเพียง  20,700฿ จาก  23,000฿Ibanez GRX55B กีตาร์ไฟฟ้า
ขายเพียง  7,200฿ จาก  8,000฿Ibanez GRG255DX
ขายเพียง  13,860฿ จาก  15,400฿10 อันดับนักดนตรีสาวงาม
ใกล้ถึง 14 กพ. วันวาเลนไทน์เข้าไปทุกทีแล้ว ซึ่งนักดนตรีที่โสดอย่างเราๆหลายคนก็อาจจะมีกีต้าร์หรือเบสเป็นเพื่อนคู่ใจคลายเหงา แต่เชื่อว่าหลายท่านรวมไปถึงแอดมินด้วยใฝ่ฝันเหลือเกินว่าอยากจะมีสาวๆที่ชื่นชอบในดนตรีเหมือนเรามาอยู่ข้างกาย ดังนั้นคอลั่มน์ในวันนี้ขอเอาใจหนุ่มโสดทั้งปวงด้วยการจัดอันดับ 10 นักดนตรีสาวงามตามใจแอดมินนะจ๊ะ (อิอิ) ที่ปกติข้าพเจ้าชอบไปส่องใน Youtube มาบอกเล่าให้เพื่อนๆได้เข้าไปติดตามชมกัน ซึ่งแต่ละนางนั้นก็ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา เพราะฝีไม้ลายมือจัดว่าเด็ดเข้าขั้น เพลงที่ Cover หรือเอามาเล่นโชว์ก็โหดๆคุ้นหูเราๆชนิดที่นักดนตรีอาชีพยังรู้สึกว่ายาก ฝีมือการเล่นดนตรีไม่แพ้ชายอกสามศอกแบบนี้จะมีใครบ้างนั้นก็เชิญรับชมกันได้เลย
อันดับ 10 Lisa-X
แค่คนแรกก็อย่าเพิ่งคิดว่าแอดมินเป็นสายโลลิกันซะล่ะ เพราะสาวน้อยมือกีต้าร์ชาวญี่ปุ่นคนนี้เพิ่งฉลองครบรอบ 12 ปีของเธอไปไม่นาน แต่ที่ต้องยกมาให้ติดอันดับนั้นเพราะฝีไม้ลายมือของน้องเค้าไม่ธรรมดาจริงๆ Lisa-X โด่งดังจากการเล่น Cover เพลง Scarified ของพี่ Paul Gilbert มือกีต้าร์คนดังได้แบบเป๊ะทุกตัวโน๊ต แถมขณะนั้นเธอยังอายุแค่ 7 ขวบอีกด้วย !!! O_o ความโด่งดังของเธอก็ไปเข้าหูเจ้าของเพลงซึ่ง Paul Gilbert ถึงกับประกาศผ่านสื่อโซเชี่ยลเลยว่าให้น้องมาเรียนกีต้าร์กับตนเองได้แบบฟรีๆเพราะเห็นพรสวรรค์กันแล้ว ปัจจุบันยอดวิวเพลง Scarified ทะยานไปถึง 4.7 ล้านวิวในยูทูปเรียบร้อย ซึ่งถ้าน้อง Lisa-X ยังไม่หยุดพัฒนาการเล่นกีต้าร์ต่อไปเชื่อว่าอนาคตเราจะได้เห็นสุดยอดมือกีต้าร์สาวจากญี่ปุ่นแน่นอน
อันดับ 9 Brooke C
3.8 ล้านวิวจากเพลง Forty Six & 2 ของวง Tool เป็นเครื่องการันตีฝีมือของมือกลองสาวรายนี้ได้ดี เพราะเธอเล่นมาหมดทุกเม็ดเหมือนเปิดแผ่นไม่มีผิดเพี้ยน แถมอนาคตยังอีกไกลแน่นอนเพราะเธอเพิ่งอายุ 14 ปีเท่านั้น (แต่ทรวดทรงองค์เอวเกินตัวมาก) ผมสีบรอนซ์กับดวงตาคมๆน่าจะทำให้ชายหนุ่มทั้งหลายต้องยิ้มแบบมีความสุขเมื่อได้ดูเพลงที่เธอ Cover ซึ่งปัจจุบันน้อง Brooke C ก็ยังอัพคลิปตนเองลงยูทูปอยู่ตลอดเป็นประจำทุกเดือน หากใครอยากยลความเก่งของเธอก็มีช่องส่วนตัวให้ได้ติดตามกัน
อันดับ 8 E-Young
คนนี้หากใครชื่นชอบเกาหลีต้องรู้จักแน่นอน เพราะเธอเป็นหนึงในสมาชิกวง AfterSchool อันโด่งดังจากแดนกิมจิ แต่น้อยคนจะรู้ว่านอกจากจะเต้นเก่งแล้วฝีมือการเล่นดนตรีของเธอเข้าขันเทพเช่นกัน เพราะเธอคนนี้สามารถเล่นดนตรีได้แทบทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นกีต้าร์ เบส กลอง และยังไม่ธรรมดาถึงขั้น Cover เพลง Far Beyeon the Sun ของ Yngwie Malmmsteen เจ้าพ่อโปรเกรสซีพร็อคที่ว่ากันว่าเร็วที่สุดในโลกได้อีกด้วย เห็นหน้าหมวยๆสวยๆแบบนี้นิ้วเร็วไม่ใช่เล่น ซึ่งหลังจากคลิปในยูทูปแพร่ออกไปต่างมีแต่คนประหลาดใจ (แน่ล่ะ) ช่วงหลังๆมาน้อง E-Young จึงได้เริ่มมีการโชว์สกิลการเล่นดนตรีของเธอบนคอนเสิร์ตให้ชมบ้าง เรียกว่าสวยแล้วความสามารถยังรอบด้านอีกด้วย
อันดับ 7 Laura Cox
มือกีต้าร์สาวสูงยาวเข่าดีจากฝรั่งเศสคนนี้เธอโด่งดังมากจากการ Cover เพลง Canon Rock ของ Jerry C ซึ่งเป็นเพลงกีต้าร์ฮีโร่ (ไม่มีเนื้อร้อง) ที่ว่ายากลำดับต้นๆของโลก และเธอก็ทำออกมาได้ดี เอาง่ายๆก็ยอดคนดูคลิปเพลงนี้ของเธอปัจจุบัน 10 ล้าน 3 แสนวิว O_o การันตีถึงฝีมืออันไม่ธรรมดาได้เป็นอย่างดี ก็ไม่น่าแปลกใจที่ค่ายเพลงดังในฝรั่งเศสจะเห็นแววและจับเธอออกอัลบัมซึ่งจะวางแผงในวันที่ 10 มีนาคม 2017 นี้ แต่เป็นแบบวง 4 ชิ้น ซึ่งตัว Laura ก็รับหน้าที่มือกีต้าร์ลีดและร้องนำ ปัจจุบันแฟนเพจของเธอก็มียอดติดตามสูงถึง 3 แสนราย ซึ่งดูแล้วน่าจะรุ่งในเส้นทางดนตรีอีกไกล
อันดับ 6 Giulia Marta Vallar
แค่เพลงแรกที่สาวจากลอส แองเจลิสรายนี้โชว์ก็ทำให้ตกตะลึงกันแล้ว เพราะเธอใส่กางเกงในเล่น !!! ครับ อ่านไม่ผิดครับ ใส่กางเกงในกับเสื้อกล้ามเล่นเพลง Highway Star ของ Deep Purple เล่นจริงๆ แต่เชื่อไหมว่าฝีมือของเธอถึงขั้นทำให้แอดมินตาค้างจนลืมมองความเซ็กซี่ไปเลย เอาง่ายๆเพลง Highway Star ยากแค่ไหนถ้าใครเคยแกะก็น่าจะรู้ เพราะคุณลุง Ritchie Blackmore ใส่เต็มจนทำให้เป็นหนึ่งในตำนานเพลงของมือกีต้าร์ แต่สาว Giulia เธอเล่นแบบชิลๆสบายๆ เพลงเปิดตัวของเธอนี้ก็กดไปเบาะๆ 2.2 ล้านวิว ซึ่งแน่นอนว่าอนาคตจะมีคลิปเพลงโหดๆจากสาวอเมริกันรายนี้อีกเยอะ
อันดับ 5 Marina Andrienko
สาวชาวยูเครนคนนี้มาพร้อมกับกีต้าร์ Schecter ZV Mirror ที่บอดี้เป็นกระจกสวยงามโดดเด่นยามเธอเล่น ส่วนเรื่องความเก่งไม่ต้องสืบเพราะยอดทะลุล้านวิวแทบทุกคลิปที่เธอโพสลงยูทูป เช่นเพลง Psycho ของวง Muse ที่ยอด 2.5 ล้านวิว และที่เจ๋งสุดๆคือเล่นเพลง Anastasia ของป๋า Slash มือกีต้าร์วง Gun’N Rose ได้แบบเป๊ะๆทุกตัวโน๊ต จนยอดเพลงนี้กดไปถึง 8.8 ล้านวิว อีกทั้งน้อง Marina ยังได้รับการยอมรับในเรื่องของซาวด์ด้วยเพราะนอกจากเล่นเร็วแล้ว ซาวด์กีต้าร์ที่ออกมาของเธอยังร็อคได้แบบมืออาชีพอย่างแรง จนหลายคนต้องสอบถามเกี่ยวกับเอฟเฟคและตู้แอมป์ทีสาวคนนี้ใช้ ซึ่งก็เหมือนนักดนตรีทั่วไปคือ เอฟเฟค Line6 และแอมป์ Fender ซึ่งของแบบนี้ต้องบอกว่าอยู่ที่ฝีมือล้วนๆนะจ๊ะ
อันดับ 4 S.White
หลายคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากับมือกลองสาวคนนี้เพราะเธอ Cover เพลงในยูทูปค่อนข้างมาก S.White หรือ Luo ShiRu (罗仕茹) เป็นมือกลองสาวชาวไต้หวันที่พกพาความโมเอะให้หนุ่มๆได้หลงใหลกันเต็มๆด้วยความขาวหมวยและแว่นแบบตัวการ์ตูนอาราเล่ เรื่องฝีมือการตีไม่ธรรมดาอยู่แล้ว และสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนอมยิ้มคือท่าตีกลองอันแสนจะมีความสุขของเธอที่ยิ้มทั้งเพลง แบบนี้ใครจะไม่หลงรักได้ลง ซึ่งก็ไม่แปลกที่ยอดผู้ติดตามในเฟสบุ๊คของเธอจะทะลุ 6 แสนคนภายในเวลาแค่ 2 ปี และเพลงดังๆเช่น It’s my life ของ Bon Jovi หรือเพลงของวง Maroon5 ที่สาวน้อยคนนี้นำไป Cover จะมียอดวิวสูงหลายล้านวิวเช่นเพลง Moves like jagger ที่มียอด 1.5 ล้านวิว หรือเพลง Fantastic Baby ที่มากถึง 4.5 ล้านวิว
อันดับ 3 Kelly Yu
บอกเลยครับว่าคนนี้เด็กเส้นแอดมินเอง ด้วยหน้าตาขาวหมวยที่ตรงสเป็คหนุ่มไทยหลายคนอย่างแน่นอน ซึ่งความเก่งกาจของมือกีต้าร์สาววัย 27 ปี จากจีนรายนี้ก้ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ปกติเธอจะอัพคลิปลงยูทูปประปราย แต่ด้วยความงามของเธอทำให้ได้ไปออกรายการโชว์กีต้าร์ที่เกาหลี ซึ่งแน่นอนว่าน่ารักแบบนี้ก็โด่งดังเป็นพลุแตก จนมีซิงเกิ้ลเป็นของตนเองชื่อ Want you back ของค่าย Sony Music ไต้หวันเมื่อปี 2014 ซึ่งสาว Kelly ก็โซโล่กีต้าร์เองทั้งอัลบั้ม เป็นแนวดนตรีร็อคที่เธอชื่นชอบซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ภายนอกของเธอเหลือเกิน แต่ถ้าน่ารักแบบนี้สำหรับแอดมินแล้ว ขอบอกว่าเล่นแนวไหนก็เพราะทั้งนั้นคร๊าบบบ อิอิ
อันดับ 2 Juliana Vieira
น่าจะเป็นมือกีต้าร์หญิงที่โด่งดังที่สุดในโลกโซเชี่ยลแล้วสำหรับสาวบราซิลรายนี้ เพราะทุกคลิปที่เธออัพลงยูทูปล้วนแต่ยอดปังทะลุหลักล้านทั้งนั้น เช่นเพลง Enter Sandman (Metallica) ที่ยอดสูงถึง 10.5 ล้านวิว หรือ Smoke on the water ก็ใช่ย่อยกดไป 6.2 ล้านวิว Thunderstruck ของวง AC/DC ก็ 5.1 ล้านวิว เรียกว่าเล่นเพลงไหนก็ทำได้ดีทำให้สาว Juliana วัย 22 ปีรายนี้ได้ดิบได้ดีจนถึงขั้นบริษัท Fender นำไปเป็นพรีเซนเตอร์เรียบร้อย และได้รับฉายาจากโลกโซเชี่ยลว่า Princess of Guitar ซึ่งสมกับความน่ารักสดใสของเธอ ปัจจุบันถึงขั้นมี Official Channel บนยูทูปเป็นของตนเองซึ่งมียอดผู้ชมเกิน 2 แสนราย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม Fender ถึงยอมเป็นสปอนเซอร์ให้กับมือกีต้าร์สาวบราซิลรายนี้
อันดับ 1 Tina.S
สาววัย 18 ปีจากฝรั่งเศสรายนี้ครองรางวัลชนะเลิศมือกีต้าร์หญิงยอดเยี่ยมโลกจากผู้โหวตในยูทูปมา 3 ปีซ้อน ซึ่งน่าจะเป็นนักดนตรีหญิงที่มียอดผู้ชมต่อคลิปสูงที่สุดแล้วอีกด้วย เพราะไม่ว่าเธอจะ Cover เพลงไหนก็ทำออกมาได้ดีด้วยฝีไม้ลายมือที่จัดจ้าน และเพลงที่เลือกยังโหดขนาดมือโปรบางคนยังเล่นไม่ได้ด้วยซ้ำเช่น Through the Fire and Flames ของวง Dragon Force ที่น้อง Tina ที่ขณะนั้นอายุแค่ 17 ปีเล่นได้อย่างเนียนตาและยอดวิวก็ทะลักถึง 16 ล้านวิว หรือจะเป็นเพลง Eruption ของ Van Halen ที่ว่ายากกันเหลือเกินน้อง Tina ก็แกะมาโชว์กันได้แบบเหนือๆซึ่งเพลงนี้ก็ 16 ล้านวิวเช่นกัน จะเป็นเพลงสุดโหดอย่าง Moonlight Sonata ของ Beethoven ที่โด่งดังไปทั่วโลกก็ถูกน้องเขา Cover มาแล้ว แถมทุกเพลงเป็นการโซโล่แบบกีต้าร์ฮีโร่ล้วนๆ โดยปัจจุบันสื่อโซเชี่ยลแทบทุกสำนักยกย่องว่า Tina.S เป็นหนึ่งกีต้าร์หญิงที่น่าจับตามองที่สุดในโลก
หากเพื่อนๆอยากเห็นฝีมือของสาวคนไทยก็สามารถเอาชื่อพวกเธอไปติดตามกันในโซเชี่ยลได้นะจ๊ะ แล้วจะอึ้งกับฝีมือที่จัดจ้านของแต่ละราย หรืออาจจะยกพวกเธอเป็นแรงบันดาลใจในการฝึกฝนก็ยังได้ เพราะขนาดสาวๆยังเก่งกันขนาดนี้แล้วหนุ่มๆอย่างเราๆมีรึจะยอม ว่าแล้วก็อย่ายอมแพ้ไปหยิบกีต้าร์ เบส หรือไม้กลองขึ้นมาฝึกให้ไว เผื่อจะมีสาวๆนักดนตรีมาเหลียวมองให้สมหวังด้านความรักกันได้บ้าง
รูปภาพจาก youtube, facebook/fanpage
3 วิธีการง่ายๆในการเลือกปิ๊กกีต้าร์
ถ้าพูดถึงปิ๊กกีต้าร์แล้ว หลายๆคนอาจไม่ต้องคิดมากเลยในการเลือกซื้อเพราะเป็นอุปกรณ์ดนตรีที่ราคาถูกมาก ทำให้มีนักดนตรีทั้งสมัครเล่นและมืออาชีพต่างใช้ปิ๊กกีต้าร์ที่ไม่ตรงกับกีต้าร์หรือแนวดนตรีของตนเท่าไหร่นัก หลายๆคนอาจจมองเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่หารู้ไม่ว่าหากเลือกใช้ปิ๊กกีต้าร์ได้ดีแล้ว จะช่วยให้การเล่นกีต้าร์ของคุณราบลื่นขึ้นเพราะมีความถนัดมือ เพราะปิ๊กกีต้าร์แต่ละแบบจะแตกต่างกันไปตามขนาดความกว้างและความหนาของตัวปิ๊ก นอกจากนั้นยังมีการแบ่งตามวัสดุที่ใช้ผลิตปิ๊กแต่ละอันอีกด้วย จึงกล่าวได้ว่าความสำคัญของปิ๊กกีต้าร์นั้นแทบจะไม่น้อยไปกว่าตัวกีต้าร์ที่เล่นเลย ดังนั้นทาง Music Arms ก็จะขอนำเสนอการเลือกปิ๊กกีต้าร์ให้เหมาะสมกับตนเองอย่าง่ายๆดังนี้
เลือกความหนาของปิ๊ก
ปิ๊กกีต้าร์ตามปกติแล้วจะมีความหนา 3 ชนิด ซึ่งก็จะบอกขนาดไซด์อยู่ที่ตัวปิ๊กได้แก่
- “T” หรือ Thin แบบบาง (0.45–0.69 มม.) แบบนี้มือกีต้าร์มักจะใช้ในตัวกีต้าร์โปร่ง เพราะเวลาดีดตัวปิ๊กจะลู่ไปกับสายกีต้าร์ทำให้เสียงคอร์ดค่อนข้างกลมกลืน ซาวด์จะออกมาสมูธมากขึ้น หรือจะใช้ในกีต้าร์ไฟฟ้าก็ได้หากเป็นการตีคอร์ด
- “M” หรือ Medium ขนาดกลาง (0.70–0.84 มม.) เสียงตัวโน๊ตแต่ละตัวจะออกมาชัดเจน ใส และแข็งแรง เหมาะทั้งโซโล่และตีคอร์ด
- “H” หรือ Heavy (0.85–1.20 มม.) เป็นปิ๊กที่เหมาะกับการเล่นกีต้าร์โซโล่ที่เน้นการเล่นที่ต้องการความเร็ว เสียงที่ได้ก็จะมีความหนา
เลือกรูปทรงของปิ๊ก
รูปทรงของปิ๊กกีต้าร์ที่ทำออกมาจำหน่ายก็จะมีหลายรูปแบบ โดยมากแล้วการเลือกรูปทรงของปิ๊กจะเน้นแค่ถนัดมือเท่านั้น แต่มีการเล่นดนตรีบางประเภทที่ต้องคำนึงถึงรูปทรงเช่นกันเช่น หากต้องการโซโล่เสียงกรีดแหลมแบบร็อคก็ต้องเลือกปิ๊กขนาดเล็ก หรือที่บ้านเราเรียกว่า”กัดปิ๊ก”นั่นเอง นอกจากนี้ก็ยังมีปิ๊กเฉพาะทรงเช่น ทรงแจ๊สที่ผลิตมาเพื่อนักดนตรีแจ๊สอีกด้วย สำหรับทรงของปิ๊กที่ค่อนข้างนิยมจะเป็นทรงหยดน้ำที่พบเห็นได้ทั่วไปเพราะเป็นทรงสแตนดาร์ดเหมาะกับดนตรีทุกแนว หรือถ้าเล่นกีต้าร์โปร่งและชอบตีคอร์ดก็ต้องเลือกปิ๊กที่เป็นทรงสามเหลี่ยมเพื่อเสียงที่นุ่มนวล นอกจากนี้รูปทรงของปิ๊กยังมีแบบปิ๊กนิ้วหรือสวมนิ้วสำหรับสาวกฟิงเกอร์สไตล์เช่นกัน
เลือกวัสดุที่ใช้ผลิต
ส่วนมากปิ๊กที่เห็นตามท้องตลาดจะทำจากพลาสติก แต่เนื้อพลาสกติกแต่ละประเภทย่อมแตกต่างกันไปทั้งเซลลูลอยด์ ไนล่อน และคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งรุ่นที่นิยมใช้กันมากทั่วโลกจะเป็นแบบคาร์บอนไฟเบอร์ขนาด 1.0 ของ Dunlop ซึ่งปิ๊กที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์จะแข็งกว่าพลาสติกชนิดอื่นๆ ทำให้ปิ๊กชนิดนี้เข้ากับแนวเพลงค่อนข้างมากและใช้กับกีต้าร์ไฟฟ้าได้ดี มือกีต้าร์ที่เล่นแนวไฟฟ้าจึงค่อนข้างนิยมเพราะสามารถโซโล่ก็ได้ ตีพาวเวอร์คอร์ดก็แน่น แต่หากเป็นสายกีต้าร์โปร่งจะเน้นแบบปิ๊กไนล่อนที่ให้ความนุ่มนวลของเสียง ข้อเสียของปิ๊กแบบไนล่อนคือเสียงที่ออกมาจะค่อนข้างเบาแต่ให้ความต่อเนื่องของเสียงดี นอกจากนี้ยังมีปิ๊กที่ทำจากวัสดุอื่นๆ เช่น เหล็ก หรือ กระดูก แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักเพราะแข็งมากจึงทำให้สายกีต้าร์เสื่อมหรือขาดง่าย
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าการเลือกปิ๊กก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยต่อการเล่นกีต้าร์ เพราะหากเลือกปิ๊กไม่ตรงตามกีต้าร์ที่เล่นแล้ว การดูแลรักษาสายกีต้าร์ก็จะยุ่งยากเช่นใช้ปิ๊กแบบหนามาเล่นอะคูสติกก็มีโอกาสที่สายจะขาดง่าย หรือใช้ปิ๊กแบบบางไปหัดโซโล่ก็จะทำให้การโซโล่เป็นไปอย่างยากลำบากจนมือใหม่หลายคนอาจรู้สึกท้อไปเลย หรือบางคนอาจชอบแนวกัดปิ๊กแต่ไปใช้ปิ๊กขนาดใหญ่ทรงสามเหลี่ยมก็ทำให้เสียงกัดปิ๊กไม่ค่อยออกหรือ sustain ไม่ยาวเท่าที่ควร ดังนั้นอย่าละเลยจุดง่ายๆในการเล่นกีต้าร์อย่างการเลือกปิ๊ก เพราะนี่จะเป็นทริคเล็กๆน้อยๆที่ช่วยในการเล่นกีต้าร์ของเพื่อนๆให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมไปถึงการบำรุงรักษาสายกีต้าร์อีกด้วย รู้แล้วก็อย่าลืมไปเลือกปิ๊กให้เหมาะสมกันนะจ๊ะ
ขอบคุณบทความจาก learntoplaymusic
ขอบคุณรูปภาพจาก wholesaler, howlingmonkeypick ,harmonycentral , guitartopreview
Yamaha LL-TA กีตาร์โปร่งไฟฟ้า
ระดับเสียงร้องของมนุษย์
การขับร้องถือเป็นการสร้างสรรค์ดนตรีที่ง่ายและเป็นพื้นฐานที่สุดของมนุษยชาติ ซึ่งเสียงของนักร้องทั่วไปนั้นก็จะแตกต่างกันไปตาม เพศ ชาติพันธุ์ วัย รวมไปถึงการออกเสียงตามลักษณะภาษาอีกด้วย เสียงร้องเพลงของมนุษย์นั้นจะขึ้นอยู่กับลมหายใจ ดังนั้นการร้องเพลงที่ดีคือการหายใจที่ถูกจังหวะและดึงเสียงออกมาจากช่องลม ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินมา นอกจากนั้นยังมีประเภทเสียงแบบต่างๆซึ่งหากเรียนขับร้องแล้วจะต้องรู้ว่าระดับเสียงของตนเองนั้นอยู่ในช่วงใด จึงจะเลือกเพลงที่เหมาะสมกับตนหรือร้องประสานเสียงกับผู้อื่นได้อย่างกลมกลืน ดังนั้นเราจะมาดูวิธีการแยกประเภทลักษณะเสียงแต่ละประเภทกันก่อน เพื่อเพื่อนๆผู้อ่านจะได้แนวทางการร้องเพลงของตนเองที่ถูกต้อง
ปกติแล้วเสียงของมนุษย์จะแบ่งเป็น 6 ประเภท ได้แก่ ฝ่ายหญิง 3 ประเภท เรียงจากเสียงสูงไปหาต่ำ เช่น โซปราโน (Soprano) เมซโซโซปราโน (Mezzo-soprano) และอัลโต (Alto) สำหรับฝ่ายชาย 3 ประเภทเรียงจากเสียงสูงไปหาต่ำ เช่น เทเนอร์ (Tenor) บาริโทน (Baritone) และเบส (Bass) แต่ก็อาจมีข้ามระดับกันได้บ้างในกรณีที่ฝ่ายหญิงมีโทนเสียงต่ำหรือฝ่ายชายมีโทนเสียงที่สูงกว่าปกติ ในบางครั้งจึงอาจเห็นผู้ชายร้องเสียงโซปราโนได้ หรือผู้หญิงร้องเสียงเบสได้ ซึ่งวงขับร้องประสานเสียงคอรัสจะต้องการความกลมกลืนในระดับเสียงที่แตกต่างกันไป
โซปราโน (Soprano)
เป็นเสียงที่สูงที่สุดของผู้หญิง ซึ่งอยู่ในตัวโน๊ต A หรือ Bb ที่ออคเต็ป 3 โน๊ตที่ต่ำที่สุดของโซปราโนคือ F ที่ออคเต็ป 3 ในขณะที่โน๊ตสูงสุดอาจไปถึง G ออคเต็ป 6 เลยทีเดียวเหมือนที่ Jules Massenet เคยทำได้ในคอนเสิร์ตโมสาร์ท Popoli di Tessaglia! นักร้องเสียงโซปราโนจะมีการใช้ลูกเล่นที่ช่วงคอ ปกติแล้วเสียงโซปราโนมักจะเอาไว้ร้องเพลงดนตรีคลาสสิคเช่น โมสาร์ท หรือ เพลงของบีโธเฟ่น และมักจะเป็นการขับร้องประสานเสียงซะเป็นส่วนมาก เพราะลักษณะเสียงค่อนข้างสูงและกังวานนั่นเอง
เมซโซโซปราโน (Mezzo-soprano)
เป็นเสียงที่ระดับคีย์ต่ำลงกว่าโซปราโนเล็กน้อย ปกติแล้วเสียงประเภทนี้เราจะได้ยินในการร้องเพลงละครเวทีหรือจำพวกโอเปร่าของทางฝั่งยุโรป เสียงเมซโซโซปราโนจะมีคีย์ที่ค่อนข้างกว้างเพราะเป็นเสียงร้องได้หลายประเภทดนตรี ปกติแล้วเสียงเมซโซโซปราโนจะอยู่ที่ A ออคเต็ป 3 ไปจนถึง A ออคเต็ป 5 ซึ่งกว้างสุดในย่านคีย์ของนักร้องผู้หญิง โทนเสียงประเภทนี้จะมีความเข้มกว่าโซปราโนและมีมิติอารมณ์ จึงปรากฏในละครเวทีหลายเรื่อง เรื่องที่ดังที่สุดคงไม่พ้น โรมีโอ แอนด์ จูเลียต ของวิลเลี่ยม เช็คสเปียร์ ซึ่งถ้าใครอยากฟังเสียงเมซโซโซปราโนก็ไปหาฟังในละครเรื่องนี้ได้
อัลโต (Alto)
เป็นเสียงต่ำสุดของผู้หญิงซึ่งในเพลงสมัยใหม่เราจะได้ยินเสียงโทนนี้ค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะเป็นป็อป ร็อค บลูส์ แจ๊ส เพราะจะเป็นคีย์มาตรฐานที่นักร้องหญิงในปัจจุบันร้อง (ไม่นับพวกตัวแม่อย่างเช่น Mariah Carey หรือ Celine Dion ที่จะทำคีย์ได้สูงกว่านี้) คีย์ของอัลโตจะอยู่ที่ E ออคเต็ปที่ 3 จนถึง F ออคเต็ป 5 เสียงอัลโตนี้จะไม่ค่อยได้เห็นในวงประสานเสียงมากนักเพราะส่วนมากนิยมผสมเสียงระหว่างชายหญิงเองมากกว่า ทำให้เสียงอัลโตต้องไปหาฟังในเพลงสมัยใหม่ซะเป็นส่วนใหญ่
เทเนอร์ (Tenor)
เสียงคีย์สูงของเพศชายโทนนี้จะอยู่ในคีย์ C3- B4 เสียงเทเนอร์จะนิยมใช้มากในเพลงโอเปร่าที่เป็นเสียงผู้ชาย คีย์สูงที่สุดที่เคยบันทึกไว้คือ F5 โดย Bellini puritani นักร้องโอเปร่าชาวอิตาลีในคอนเสิร์ต “Credeasi misera” ชื่อเทเนอร์นั้นมาจากภาษาละตินมีความหมายว่า ควบคุม ดังนั้นเสียงเทเนอร์จึงมักจะเป็นเสียงหลักในดนตรีโอเปร่า โดยมักจะนำไปผสมกับเมซโซโซปราโนเพื่อให้ได้เสียงอัลโตนั่นเอง นอกจากนี้แล้วเสียงเทเนอร์ยังเป็นเสียงคีย์มาตรฐานในเพลงของโมสาร์ทอีกด้วย
บาริโทน (Baritone)
เป็นเสียงผู้ชายที่พบมากที่สุด โดยคำว่าบาริโทนมาจากภาษากรีก แปลว่าลึกหรือหนัก เสียงบาริโทนจะอยู่ในคีย์ G2 จนถึง G4 แม้ว่าเป็นเสียงผู้ชายทั่วไปแต่เสียงบาริโทนกลับได้รับการยอมรับในวงกว้างไม่เหมือนเสียงอัลโต เพราะตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 บาริโทนก้ได้เป็นเสียงหลักในการร้องเพลงโอเปร่าที่อิตาลีแล้ว จนมาถึงศตวรรษที่ 20 ก็ยังเป็นเสียงหลักในดนตรีสมัยใหม่ของทางอังกฤษและอเมริกาอีกด้วย เสียงบาริโทนจึงเป็นเสียงที่หาฟังได้ง่ายที่สุดตั้งแต่เพลงโอเปร่าจนมาถึงเพลงคลาสสิคปัจจุบันนั่นเอง
เบส (Bass)
ตามชื่อภาษาอังกฤษเลยเพราะเสียงนี้จะเป็นคีย์ของเครื่องดนตรีประเภทเบสหรือเสียงที่ต่ำกว่าออคเต็ปปกติ ปกติแล้วเสียงโทนนี้จะไม่เป็นเสียงหลักในการร้อง ดังนั้นเราจะไม่เห็นเสียงเบสในเพลงปกติเท่าไหร่นัก ยกเว้นการร้องประสานเสียงที่เสียงเบสเป็นกุญแจสำคัญในการประสานให้เข้ากับเสียงโทนอื่น ดังนั้นเราจะพบเสียงเบสในการร้องเป็นวงแทบทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นโอเปร่า เพลงคลาสสิคโบราณยุคโมสาร์ท บีโทเฟ่น จนมาถึงเพลงปัจจุบันที่ขาดเสียงเบสไม่ได้เลย เสียงเบสนั้นจะอยู่ในคีย์ D2- E4
หากนักร้องค้นพบว่าเสียงของตนเองอยู่ในระดับใด ก็จะง่ายต่อการหาคีย์ในการร้องเช่นเดียวกับการประสานเสียงกับผู้อื่น และนักดนตรีที่เป็นแบ็คอัพก็จะรู้สึกง่ายในการหาคีย์อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถฝึกร้องเพลงให้ถูกต้องกับโทนเสียงตนเอง เช่น โซปราโนก็จะเน้นการสั่นของลูกคอ ในขณะที่เสียงเบสจะเน้นช่องลมบริเวณท้องเป็นอย่างมาก พอรู้จักระดับเสียงของตนเองก็จะง่ายในการฝึกฝนเพื่อเป็นนักร้องคุณภาพในอนาคต
ขอบคุณบทความจาก choirly
ขอบคุณรูปภาพจาก choirly