Author Archives: ZunWu
Fender American Elite Jazz Bass เบส 4 สาย
ขายเพียง  74,700฿ จาก  79,000฿Fender American Elite Jazz Bass V เบส 5 สาย
ขายเพียง  74,700฿ จาก  83,000฿Fender Flea Signature Roadworn Jazz Bass เบส 4 สาย
ขายเพียง  49,500฿ จาก  55,000฿Ibanez RGAIX6FM กีตาร์ไฟฟ้า
ขายเพียง  33,300฿ จาก  37,000฿10 นักไวโอลินหญิงยอดเยี่ยมของโลก
ไวโอลินถือเป็นเครื่องดนตรีที่กำเนิดมาบนโลกนี้อย่างยาวนานเกิน 100 ปี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาได้มีนักไวโอลินที่บรรเลงเพลงได้อย่างไพเราะจับใจมากมายได้ทั้งชายและหญิง แต่ปัจจุบันเนื่องจากเป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดค่อนข้างเล็กทำให้ส่วนใหญ่แล้วนักไวโอลินในปัจจุบันมักจะเป็นสตรีเพศเสียมากกว่า ซึ่งวันนี้ทาง Musicarms ก็จะขอพาไปแนะนำกับนักไวโอลินหญิงทั้ง 10 คนที่ทางต่างประเทศยกย่องว่าเป็นที่สุดของโลกจริงๆ ซึ่งแต่ละท่านนั้นเปี่ยมด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง ถ้าเพื่อนๆต้องการรับฟังฝีมืออันไพเราะของพวกเธอเหล่านี้ก็สามารถนำชื่อไปค้นหาคลิปกันได้เลย รับรองว่าไม่ธรรมดาอยู่แล้ว จะมีใครบ้างนั้นไปรับชมกันได้เลย
Ida Haendel
คุณยาย Ida ที่ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ด้วยวัยเกือบ 90 ปี เป็นนักไวโอลินชาวโปแลนด์อันเลื่องชื่อ เธอเกิดเมื่อปี 1928 ภายในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นนักไวโอลิน, Ida Haendel จึงได้จับไวโอลินตั้งแต่ 5 ขวบ และด้วยพรรวรรค์อันเหลือเชื่อเธอได้รับรางวัลแรกของชีวิตในงานประกวดไวโอลินที่สามารถชนะเลิศด้วยวัยเพียง 7 ขวบเท่านั้น เมื่อผลงานเข้าตาเสียขนาดนี้ทางโรงเรียนดนตรีที่อังกฤษและฝรั่งเศสจึงไม่รีรอที่จะยื่นข้อเสนอรับ Ida ไปเรียนดนตรีทันที ซึ่งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณยาย Ida ก็ได้มีผลงานลือเลื่องมากมายตั้งแต่ปี 1952 และเคยขึ้นคอนเสิร์ต Live in Montreal เช่นเดียวกับวง Queen จนได้รับรางวัลเครื่องราชอิศริยาภรณ์ชั้น CBE (รองจากอัศวิน) จากควีนอลิซาเบธของอังกฤษ และได้รับการขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งไวโอลินในปัจจุบัน
Ginette Neveu
อัจฉริยะทางด้านไวโอลินที่อายุสั้นแค่ 30 ปีเท่านั้น Gilnette แสดงความเป็นอัจฉริยะด้านดนตรีของเธอมาอย่างเต็มเปี่ยมด้วยการเล่นเครื่องดนตรีประเภทสายทั้งไวโอลินและเชลโล่ได้ภายในอายุแค่ 7 ปีเท่านั้น และเมื่อเธออายุ 15 ปีก็ได้ประกวดเวที Wieniewski และได้รางวัลชนะเลิศ ว่ากันว่าเพียงแค่อายุ 15 ก็สามารถเข้าถึงไวโอลินได้ทุกจังหวะเพราะเพลงที่เธอใช้เล่นตอนประกวดคือเพลงจังหวะ Waltz ที่ค่อนข้างยากสำหรับนักไวโอลิน หลังจากชนะเลิศการประกวดแล้วก็ได้รับการทาบทามจากมหาวิทยาลัยดนตรีในฝรั่งเศสและเริ่มเปิดการแสดงคอนเสิร์ตไปทั่วโลกทั้งยุโรปและอเมริกา แต่โชคร้ายที่ไม่นานนักก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เธอต้องพักการแสดงไป จนเสียชีวิตด้วยเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อวัยแค่ 30 ปี นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการไวโอลินโลก
Anne-Sophie Mutter
นักดนตรียุคปัจุบัน (เกิดปี 1963) จากเยอรมันคนนี้มีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดา เธอเริ่มเล่นดนตรีเพียงแค่ 5 ขวบเท่านั้นซึ่งเริ่มจากเปียโนก่อนจะมาหลงรักในไวโอลินเข้าอย่างจัง ซึ่งถือว่าโชคดีอย่างมากที่ทางบ้านสนับสนุนด้วยการส่งไปเรียนกับ Aida Stucki นักไวโอลินชาวเช็กชื่อดัง ซึ่งตัว Anne เองก็เก็บเกี่ยววิชามาได้เต็มเปี่ยมจนอายุแค่ 13 ปีก็สามารถเล่นเพลง Mozard Violin Concerto No.4 in D Major ซึ่งเป็นเพลงที่ยากมากได้แล้ว พออายุ17 ปีก็เริ่มออกแสดงทัวร์ไปทั้งอเมิรกาและแคนาดา โดยไวโอลินที่เธอใช้ก็ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้วเพราะเธอมีไวโอลิน Stradivarius ที่หายากถึง 2 รุ่น (รุ่นปี 1703 และปี 1710) เกียรติประวัติก็ยังได้รับรางวัลแกรมมี่อวิร์ดสาขา Best Instrumental Soloist ประเภทเครื่องดนตรีอออเคสตราถึง 3 ครั้ง
Julia Fischer
จัดเป็นนักไวโอลินหญิงดาวรุ่งพุ่งแรงเพราะตอนนั้นเธออายุแค่ 33 ปีเท่านั้น แต่ได้รับคำชมอย่างมากกับการแสดงที่ผสมผสานเสียงของดนตรีแบบเก่าและสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว Julia สาวชาวเยอรมันคนนี้เริ่มต้นเล่นดนตรีจากเปียโนก่อนตามพี่ชาย แต่เธอเห็นว่าไม่ควรเล่นเครื่องดนตรีเหมือนกันจึงเบนเข็มไปจับไวโอลิน และนั่นทำให้โลกกำเนิดนักไวโอลินระดับโลกคนใหม่ขึ้นมา เธอสามารถเรียนรู้ได้เร็วจนอายุแค่ 19 ปีก็สามารถเล่นเพลงของโมสาร์ทได้อย่างแตกฉาน ด้วยครอบครัวที่มีพื้นฐานทางดนตรีเธอจึงได้ร่วมกับวงออเคสตราไปทัวร์คอนเสิร์ตที่อเมริกาและยุโรปในปี 2003 ซึ่งได้รับการจับตามองทันที จนเมื่อปี 2007 Julia ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดไวโอลินนานาชาติที่อัมสเตอร์ดัมส์ และได้รับคำชมว่าเป็นนักดนตรีคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามอง
Tasmin Little
นักไวโอลินสาวชาวอังกฤษผู้นี้เป็นที่รู้จักกันดีเพราะเธอขึ้นคอนเวิร์ตแสดงเยอะมาก ซึ่ง Tasmin นั้นมีพื้นฐานมาจากคุณพ่อเป็นนักแสดงชื่อดัง ทำให้เธอมีโอกาสคลุกคลีในวงการบันเทิงตั้งแต่ยังเล็ก บวกกับพรรสวรรค์ในด้านดนตรีที่ทำได้ดีเริ่มเรียนไวโอลินเพียงแค่ 8 ขวบเท่านั้นกับ Nigel Kennedy นักดนตรีชาวอังกฤษ มีผลงานการแสดงเล็กๆน้อยๆมาเรื่องจนอายุ 18 ปีก้ได้รับรางวัล BBC Young Musician of the Year ในปี 1982 ผลงานที่สร้างชื่อคือบทเพลง Sonata No.3 in D minor และได้ออกอัลบั้มมาหลายอัลบั้ม ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Tasmin Little Symphony no. 1 และล่าสุดเมื่อปี 2008 ชื่อว่า The Naked Violin ซึ่งก็เป็นการยืนยันฝีมือขั้นสุดยอดของเธอได้เป็นอย่างดี
Kwung-wha Chung
นักไวโอลินวัย 68 ปีจากเกาหลีใต้คนนี้ได้รับการยกย่องไปทั่วโลก ด้วยพื้นฐานครอบครัวที่คุณแม่เป็นนักเปียโนทำให้เธอได้มีโอกาสเรียนไวโอลินตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนอายุ 13 ปีก็ได้ไปเรียนดนตรีที่อเมริกาและได้เข้าร่วมวง โซล ออเคสตราของเกาหลีใต้ ในปี 1967 นั้นเธอได้ลงประกวดไวโอลินในเวที Edgar Leventritt และสร้างประวัติศาสตร์เป็นชาวเอเชียคนแรกที่ชนะเลิศ จนได้รับการทางทามจากวงออเคสตราระดับโลกมากมาย ซึ่งเธอได้ตอบรับวง ลอนดอน ซิมโฟนี่ จนออกอัลบั้มในปี 1974 ได้เดินสายเล่นคอนเสิร์ตไปทั่วทั้งยุโรปและอเมริกาซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นชาวเอเชียที่ไปถึงระดับโลก จนปี 2007 เธอก็ได้กลับมาเปิดโรงเรียนสอนดนตรีที่เกาหลีใต้บ้านเกิดเพื่อพัฒนาวงการดนตรีต่อไป
Monica Huggett
นักไวโอลินชาวอังกฤษวัย 60 กว่าปีผู้นี้ โด่งดังจากการก่อตั้งวงออเคสตราขึ้นมาเองเมื่อปี 1980 ชื่อวง อัมสเตอดัมส์ บาร็อค ออเคสตรา เนื่องจากในสมัยเรียนนั้นเธอได้เรียนโรงเรียนดนตรีที่ลอนดอนมาตลอดจนรวบรวมเพื่อนสมาชิกตั้งวงกันเองเลยซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง และได้ทัวร์การแสดงไปทั้งยุโรปและอเมริกา คุณป้า Monica นั้นเรียกว่าเป็นประเภทเก่งเงียบมาตลอดเพราะเธอไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นตั้งแต่วัยเยาว์เหมือนนักไวโอลินระดับโลกคนอื่นๆทั่วไป แต่การออกมาทำวงครั้งเดียวของเธอนั้นสร้างชื่อเสียงที่โลกไม่ลืมได้อย่างแท้จริงด้วยการกวาดรางวัลจาก BBC ไปถึง 5 รางวัลรวมไปถึง การชนะเลิศ ASV Gramophone Award เมื่อปี 2002
Viktoria Mullova
นักไวโอลินสาวชาวรัสเซียวัย 50 กว่าปีผู้นี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักไวโอลินแจ๊สชื่อก้องของโลก เธอเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนดนตรีในมอสโกและชนะเลิศการประกวดไวโอลินที่ฟินแลนด์เมื่อปี 1982 จนได้เริ่มเปิดการแสดงไปทางแถบสแกนดิเนเวียและเป็นที่รู้จักมากขึ้น ได้ร่วมแจมกับนักดนตรีชื่อดังมากมายและมีบทเพลงที่สร้างชื่อเสียงเช่น Beethoven Violin Sonatas No. 3, 9 ที่ร่วมบรรเลงคู่กับ Kristian Bezuidenhout จนโด่งดังไปทั่วโลก Viktoria ขึ้นชื่อว่าหลงใหลในดนตรีแจ๊สอย่างมากจึงปรากฏตัวในงานแสดงโชว์ดนตรีแจ๊สค่อนข้างบ่อย เมื่อปี 2005 เธอก้ได้รับรางวัล Grammy Award จากบทเพลง Mozart Violin Concertos No 1 ที่บรรเลงได้อย่างยอดเยี่ยม
Nicola Benedetti
สาววัย 29 ปีลูกครึ่งอิตาเลียน-สก็อตต์รายนี้ได้รับการกล่าวขานคู่กับ Julia Fischer ว่าจะโด่งดังมาคู่กัน เพราะ Nicola เองเริ่มฉายแววของการเป็นยอดนักไวโอลินด้วยอายุเพียง 8 ขวบด้วยการเป็นหัวหน้าวงออเคสตราเด็กของเกาะอังกฤษไปแล้ว (เธอเริ่มเรียนไวโอลินตั้งแต่อายุ 4 ขวบ) จนเมื่อปี 2000 ซึ่งขณะนั้นเธออายุแค่ 13 ปีเท่านั้นก็ถูกทางวงออเคสตราของสก็อตแลนด์กวักมือให้เข้าร่วมเป็นนักไวโอลินหลัก และชนะเลิศการประกวดไวโอลินระดับโลกอย่างรายการ BBC Young Musician of the Year ด้วยบทเพลง Szymanowski Concerto หนึ่งในเพลงยากระดับโลกเมื่อปี 2004 ซึ่งขณะนั้นเธออายุแค่ 16 ปีเท่านั้น ปัจจุบัน Nicola เองก็ยังร่วมวงออเคสตราของเกาะอังกฤษและมีผลงานออกมาให้รับฟังกันเรื่อยๆ
Janine Jansen
นักไวโอลินสาววัย 30 กว่าปีชาวฮอลแลนด์รายนี้เริ่มเล่นไวโอลินตั้งแต่อายุแค่ 6 ขวบซึ่งครอบครัวของเธอให้การสนับสนุนอย่างดี จนอายุ 23 ปีก็ได้มีผลงานโซโล่ Brahms Violin Concerto ที่เปิดการแสดงในสก็อตแลนด์และสร้างความตื่นตาต่อผู้เข้าชมในฐานะนักไวโอลินที่น่าจับตามอง ไวโอลินที่เธอใช้ยังเป็นรุ่น Stradivari “Barrere” ที่ผลิตในปี 1727 ที่หายากอีกด้วย ซึ่ง Janine แตกต่างจากนักไวโอลินคนอื่นตรงที่เธอมักจะไม่ค่อยรวมวงกับวงออเคสตราเท่าไหร่นักเน้นการเล่นโซโล่เสียมากกว่า ซึ่งก็มีผลงานส่วนตัวมาแล้วถึง 4 อัลบั้ม รวมไปถึงเพลงใน iTune อย่าง “Trio Sonata in G Major” และ “Sonata for Violin and Harpsichord No. 6 In G Major”. ที่สามารถโหลดมาฟังความเป็นอัจฉริยะของนักไวโอลินสาวผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณบทความจาก Spinditty
ขอบคุณรูปภาพจาก Spinditty, Youtube
Hofner AS-060B ดับเบิ้ลเบส
Hofner AS-060C เชลโล
Hofner AS-060 วิโอลา
ขายเพียง  9,000฿ จาก  10,000฿Marshall MG15CFX แอมป์กีตาร์ไฟฟ้า
ขายเพียง  9,600฿ จาก  12,000฿10 กีต้าร์แบรนด์ดังคุ้มราคา
พูดถึงแบรนด์ดังๆของกีต้าร์ไฟฟ้าก็คงหนีไม่พ้น Gibson และ Fender ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าสองค่ายยักษ์ใหญ่นี้เป็นที่นิยมไปทั่วโลกและผลิตกีต้าร์ออกมาได้อย่างมีคุณภาพ แต่เนื่องจากราคาของสองแบรนด์นี้จะค่อนข้างสูงสำหรับนักกีต้าร์มือใหม่หลายๆคน ซึ่งบางคนอาจกำลังมองหากีต้าร์สำหรับเริ่มฝึกซ้อม หรือกีต้าร์คุณภาพดีใช้แก้ขัดในช่วงที่กำลังเก็บหอมรอมริบที่จะซื้อกีต้าร์ดีๆต่อไป ดังนั้นในวันนี้ Musicarms จึงจะมาแนะนำกีต้าร์ 10 รุ่นที่คุณภาพดีเสียงเนี๊ยบในราคาย่อมเยาแบบเหลือเชื่อ เพื่อที่เพื่อนๆจะได้มีทางเลือกในการเลือกซื้อกีต้าร์สำหรับฝึกฝีมือในทุนทรัพย์ที่เหมาะสม จะมีรุ่นไหนบางนั้นเชิญรับชมกันได้เลย
Squier Affinity Stratocaster
แบรนด์ Squier นั้นรู้กันดีว่าเป็นแบรนด์ค่ายลูก Fender อยู่แล้ว คุณภาพกีต้าร์ที่ออกมาจึงได้มาตรฐานจากค่ายหลักพอสมควร เรื่องราคาถือว่าถูกอย่างเหลือเชื่อทาง Musicarms จำหน่ายอยู่ที่ 7470 บาทเท่านั้น หรือถ้าใครอยากใช้แบบฮัมบัคกิ้งก็แค่ 7650 บาทเช่นกัน ข้อดีของรุ่นนี้คือมีมีปิ๊กอัพทั้งสองแบบ Single-Coil และ Humbucking ให้เลือกใช้ได้ตามความชอบ นอกจากนี้ยังมีแบบคอขาวที่ทำจากไม้เมเปิ้ลและคอดำที่ทำจากไม้โรสวู้ดให้เลือกอีกด้วย จัดเป็นรุ่นราคาถูกที่ผู้ใช้สามารถเลือกสเป็คกีต้าร์ได้หลากหลาย วัสดุไม้ที่ใช้ทำบอดี้ยังเป็นไม้เอลเดอร์แบบเดียวกับ Fender อีกด้วย คอก็เป็นไม้เมเปิ้ล เรียกได้ว่าเหมือนจับกีต้าร์ Fender ในราคาที่ย่อมเยาอย่างเหลือเชื่อ
Squier Affinity Telecaster
เมื่อมีทรง Strat ก็ต้องมีทรง Tele เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีต้าร์ทรงนี้ ซึ่งแบรนด์ลูกของ Fender ก็ยังทำออกมาได้ดีด้วยราคาที่เท่ากันกับ Strat ไม้บอดี้เป็นไม้เอลเดอร์เช่นเดียวกันซึ่งหาได้ยากมากในกีต้าร์แบรนด์ล่างๆ รวมไปถึงคอเมเปิ้ลให้เสียงที่ใส กังวานเกินราคา ตัวปิ๊กอัพยังใช้รุ่นแบบวินเทจที่นิยมใช้ในกีต้าร์ Fender อีกด้วย ตัวบริดจ์และลูกบิดทั้งหมดตามแบบมาตรฐานบริษัทแม่อย่าง Fender เป๊ะๆ ทำให้เจ้า Squier Aff Tele รุ่นนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมสูงในหมู่กีต้าร์ราคาถูกที่ให้เสียงดีและคุ้มเรื่องคุณภาพ
Epiphone LP Special II
ค่ายลูกของ Gibson ซึ่งออกกีต้าร์รุ่นนี้มาเพื่อตอบโจทย์นักดนตรีที่ต้องการกีต้าร์ราคาย่อมเยาอย่างแท้จริง เรื่องคุณภาพนั้นไว้วางใจได้ตามแบรนด์ Epiphone mี่จำหน่ายกีต้าร์มาอย่างยาวนาน ด้วยทรง Les Paul ที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของค่ายแม่ในราคาที่ถูกจนตกตะลึงแล้ว ตัววัสดุที่ใช้ทำบอดี้อย่างไม้มะฮอกกานียังถือเป็นไม้ที่เกินราคากีต้าร์ไปเยอะอีกด้วย รุ่นนี้จะให้เสียงที่หนาตามแบบฉบับ Gibson แม้ๆ เพราะส่วนคอก็ทำจากไม้มะฮอกกานี รวมไปถึงการใช้ปิ๊กอัพแบบ Humbucking คู่เหมือนกีต้าร์ราคา Hi-end รุ่นนี้ทาง Musicarms วางขายที่ 6300 บาทเท่านั้น เมื่อดูราคาเทียบกับวัสดุและเสียงก็ต้องบอกว่าถูกจนไม่รีบจับจองเป็นเจ้าของไม่ได้ซะแล้ว
Epiphone SG Special
กับราคาที่ทาง Musicarms วางจำหน่ายมาแค่ 6750 บาท แต่ผู้ซื้อจะได้บอดี้ไม้มะฮอกกานีและคอไม้เมเปิ้ลถือเป็นเรื่องประหลาดใจสำหรับกีต้าร์ราคานี้แล้ว ทางค่ายยังใส่ปิ๊กอัพแบบ Humbucking รุ่น 650R และ 700T มาให้อีกด้วยซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก ทำให้เรื่องเสียงนั้นดุดันกว่ากีต้าร์แบรนด์ระดับล่างทั่วไปให้ความรู้สึกกีต้าร์น้องๆ Gibson แท้ๆ แถมทรง SG นั้นเป็นกีต้าร์ที่แบรนด์ระดับล่างมักจะไม่ค่อยผลิตออกมาจำหน่าย ทำให้ซื้อเจ้าตัวนี้ไปแล้วนอกจากจะได้ความคุ้มในเรื่องซาวด์และคุณภาพ ยังได้ความเท่แหวกแนวเรื่องทรงบอดี้กีต้าร์อีกด้วย
Ibanez GRX-55B
แบรนด์ดังอย่าง Ibanez ได้ส่งรุ่นนี้เข้ามาชิงชัยในกลุ่มกีต้าร์ราคาถูก ด้วยราคาเพียงแค่ 6800 บาท ที่หาซื้อได้ที่ Musicarms เอง คุณจะได้กีต้าร์ที่ทำจากไม้ป็อปลาร์ที่ให้เสียงเช่นเดียวกับไม้เอลเดอร์เหมือนกีต้าร์แบรนด์ดังฝั่งอเมริกา นอกจากนี้ยังจะได้ปิ๊กอัพ 3 ตำแหน่งซึ่งเป็นแบบฮัมบัคกิ้งถึง 2 ตัวของ Ibanez เองทำให้สามารถเลือกซาวด์กีต้าร์ได้ตามความชอบ คอไม้เมเปิ้ลเนื้อเสียงเด้งๆชัดทุกเม็ด รวมไปถึงลูกเล่นเพิ่มเติมเช่นบริดจ์ที่ใส่คันโยกได้ เทียบกับราคาที่ออกมาถือว่าเกินคุ้มสำหรับแบรนด์ดังที่นักดนตรีทั่วโลกนิยมใช้อย่าง Ibanez
Sterling SUB Silo3
สาวกมิวสิคแมนได้กรี๊ดกร๊าดกันเต็มที่เมื่อแบรนด์ลูกอย่าง Sterling ผลิตกีต้าร์รุ่น SUB Silo3 ออกมาวางจำหน่ายในราคาแค่ 8100 บาท เพราะเป็นที่รู้กันว่าแบรนด์นี้คุณภาพเยี่ยมและราคาค่อนข้างสูงพอสมควร ทำให้เจ้า SUB Silo3 ได้รับความนิยมภายในเวลาอันรวดเร็ว การออกแบบกีต้าร์ทำได้เหมือนกีต้าร์ Hi-end ในแบรนด์แม่โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิมเช่นทรง Double Cutaway หรือการวางลูกบิดกีต้าร์ ตัววัสดุอื่นๆอย่างบริดจ์และปิ๊กอัพใช้ของทางมิวสิคแมนเองซึ่งได้มาตรฐานและนิยมกันไปทั่วโลกอยู่แล้ว กับราคาเพียงเท่านี้ได้สเป็คกีต้าร์แบบมิวสิคแมนนี่โอกาสแบบนี้ถือว่าหายาก ต้องรีบเป็นเจ้าของให้ไว
Yamaha Pacifica PAC112J
แบรนด์ยามาฮ่านั้นค่อนข้างไว้ใจได้สำหรับมือกีต้าร์อยู่แล้ว ด้วยวัสดุที่ใช้ทำกีต้าร์ได้มาตรฐานตามแบบฉบับยามาฮ่าเอง และรุ่น PAC112J นี้ก็ยังคงคอนเซปต์ของยามาฮ่าได้อย่างสมบูรณ์แบบในราคาเพียงแค่ 8415 บาทเท่านั้นซึ่งสามารถซื้อได้ที่ Music Arms เอง ซึ่งรุ่นนี้ไม้บอดี้จะเป็นไม้เอลเดอร์ที่หาได้ยากในกีต้าร์ระดับล่าง นอกจากนี้ยามาฮ่ายังจัดเต็มสำหรับลูกค้าเน้นๆด้วยการใช้ปิ๊กอัพ Humbucking รวมกับ Single-Coil มาให้รวมไปถึงใช้บริดจ์แบบมีคันโยกอีกด้วย เรื่องราคานี่ยังไงก็คุ้มกับแบรนด์ระดับโลกอย่างยามาฮ่าอยู่แล้ว ได้ออปชั่นกีต้าร์เน้นๆแบบนี้ไม่ซื้อไม่หาคงไม่ได้แล้ว
Yamaha PACIFICA012
เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ยามาฮ่าส่งมาตีตลาดล่างด้วยคุณภาพที่คุ้มเกินคุ้ม เพราะราคาแค่ 6400 บาท (ซื้อได้ที่ Music Arms) ซึ่งราคาแบบนี้ปกติจะได้แค่ไม้เบสวู้ดเท่านั้น แต่ทางยามาฮ่าใช้ไม้เอลเดอร์กับไม้มะฮอกกานีประกบคู่เช่นเดียวกับแบรนด์ดังอย่าง Fender หรือ Gibson รวมไปถึงการใช้คอเป็นไม้เมเปิ้ลที่เกินราคากีต้าร์แบรนด์ล่างไปมาก ตัวปิ๊กอัพยังเป็นทั้ง Humbucking และ Single-Coil ปรับซีเล็คเตอรืได้ถึง 5 ทางผสมเสียงได้กว้างตอบโจทย์ทุกแนวดนตรี ราคาน่าคบหาแบบนี้ใครที่กำลังมองหากีต้าร์สำหรับฝึกหัดก็มาจับจองซื้อหาเจ้า PACIFICA012 กันได้ รับรองว่าคุ้ม
SGR by Schecter Solo-II
เมื่อแบรนด์อื่นส่งกีต้าร์ราคาถูกบุกตลาด ทำให้ค่ายยักษ์อย่าง Schecter ทนไม่ไหวต้องส่งรุ่น SGR Solo II เข้าร่วมประลองด้วย ทำให้ผลดีมาตกที่นักดนตรีอย่างเราๆเพราะจะได้กีต้าร์คุณภาพในราคาแค่ 6160 บาทเท่านั้น เรื่องคุณภาพเสียงสไตล์ Schecter ที่ดุดันเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ซึ่งรุ่นนี้จะใส่ปิ๊กอัพของ Schecter แบบ Humbucking มาให้ทั้ง 2 ตัว รวมไปถึงวัสดุอื่นๆที่มีคุณภาพอย่างตัว Nut ที่ทำจากตะกั่วสึกหรอยากสายไม่เพี้ยน บริดจ์แบบใส่สายด้านหลังและลูกบิดของ Schecter เอง ซึ่งถือว่าจัดเต็มมาเกินราคามาก การดีไซด์สวยงามด้วยอินเลย์ลายกางเขนที่เฟรต 12 ทุกอย่างมาครบในราคาแค่นี้ต้องบอกว่าค่าย Schecter ใจถึงอย่างแรง
Cort G-110
สุดยอดกีต้าร์แห่งความคุ้มค่าด้วยราคาไม่ถึง 5000 (4500 บาท ซื้อได้ที่ Music Arms) ด้วยวัสดุที่เลือกสรรกันมาอย่างดีทั้งบอดี้ไม้อกาธิสและคอไม้เมเปิ้ล ซาวด์กีต้าร์กว้างเล่นได้ทุกแนวดนตรี และทรงแบบ Dubble-Cutaway จับง่ายถนัดมือ ทรงคอและบอดี้ถือว่าบางเฉียบเหมาะสำหรับมือใหม่อย่างแรงซึ่งจะไม่เทอะทะเวลาหัดเล่นกีต้าร์ ปิ๊กอัพที่ให้มายังครบครันทั้งแบบ Humbucking และ Single-Coil รวมถึงซีเล็คเตอร์ 5 ทางปรับจูนกันสบายตามความชอบ แบรนด์ Cort มีชื่อติดหูชาวไทยมานานด้วยคุณภาพกีต้าร์ที่ได้มาตรฐาน แล้วมาออกรุ่นราคาย่อมเยาแบบนี้คงไม่ซื้อไม่ได้แล้ว
ทั้ง 10 รุ่นนี้เป็นกีต้าร์ที่ทำมาได้ตอบโจทย์นักดนตรีที่ทุนทรัพย์อาจจะไม่มากได้เป็นอย่างดี ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีจุดเด่นเป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็ฯทรงหรือยี่ห้อที่เพื่อนๆสามารถเลือกซื้อกันได้และทาง Music Arms ก็มีวางจำหน่ายครบทั้ง 10 รุ่น หากใครกำลังมองหากีต้าร์ราคาถูกไว้ซ้อมก็หวังว่าบทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อกีต้าร์ของเพื่อนๆ และอยากได้แวะมาลองเสียงกันที่ Music Arms ทั้งสองสาขาซึ่งรับรองได้ว่าคุณภาพกีต้าร์ที่แนะนำไปนั้นคุ้มค่าเกินราคาและน่าเป็นเจ้าของจริงๆ
บทความและรูปภาพจาก Musicarms
10 มือกีต้าร์ตำนานของเมืองไทย
ปัจจุบันมีมือกีต้าร์ระดับเทพเกิดขึ้นมาในวงการเพลงไทยอย่างมากมาย ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยพัฒนาระดับวงการดนตรีบ้านเราให้ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เชื่อได้เลยว่าก่อนที่พวกเขาเหล่านั้นจะก้าวขึ้นมาบนเวทีได้ในปัจจุบันย่อมต้องฝึกซ้อมกันอย่างหนักและมีมือกีต้าร์ไอดอลที่เป็นแรงบันดาลใจจึงจะมาถึงจุดนี้กันได้ การมีมือกีต้าร์เก่งๆเป็นแรงบันดาลใจจึงถือเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยในการฝึกซ้อมกีต้าร์เพื่อเอาเป็นแนวทางทั้งสำเนียงหรือลูกเล่น ดังนั้นทาง Music Arms จึงขอยกรายชื่อ 10 มือกีต้าร์ยอดเยี่ยมระดับตำนานของเมืองไทยที่เล่นได้อย่างแพรวพราวเหลือเชื่อโดยไม่ได้เรียงความเก่ง และมือกีต้าร์ในปัจจุบันต้องเคยฝึกซ้อมลูกเล่นและยกย่องพวกเขาเป็นไอดอล จะมีใครบ้างนั้นไปชมกันได้เลย
เสกสรรค์ ศุขพิมาย “เสก โลโซ”
ชื่อของเสก โลโซโด่งดังไปทั่วทุกทิศของเมืองไทยอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าวงดนตรียามเข้าห้องซ้อมต้องเคยเล่นเพลงของโลโซมาทุกวง หรือหากจับกีต้าร์ขึ้นมาก็ต้องเล่นเพลงพี่เสกได้ เพราะโลโซมีเพลงฮิตติดชาร์ตอันดับหนึ่งของไทยมาอย่างยาวนานและมากมาย อาทิเช่น ซมซาน ไม่ต้องห่วงฉัน เลิกแล้วต่อกัน ไม่อยากเห็นหน้าคุณ เรื่องฝีมือพี่เสกนั้นมือกีต้าร์คงทราบกันดีเพราะเวลาแกะเพลงพี่แกทีไรปวดหัวทุกที ทำให้ชื่อของเสก โลโซเปรียบสเมือนผู้บุกเบิกหรือแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนหันมาจับกีต้าร์ด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกที่นักดนตรีปัจจุบันจะมีพี่เสกเป็นไอดอลกันเพียบ
ปัจจุบันพี่เสกเองก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการดนตรีรวมไปถึงทำธุรกิจส่วนตัวอีกด้วย หากอยากเห็นความเก่งก็ไม่ยากเพราะมีคอนเสิร์ตของพี่เสกเรื่อยๆอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีข่าวฉาวมาเป็นระยะแต่ชื่อเสียงของเสก โลโซยังไม่ลดลงและครองใจแฟนๆตลอดเวลา หรือหากใครคิดถึงพี่เสกมากๆก็สามารถติดตามได้ในเฟสบุ๊คที่พี่แกชอบมาทักทายแฟนๆอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงการไลฟ์สดสอนเทคนิคเล่นดนตรีต่างๆซึ่งถือว่ามีประโยชน์อย่างมากกับนักดนตรีทุกท่าน
จักรินทร์ จูประเสริฐ “ต้น ซิลลี่ฟูลส์”
มือกีต้าร์วงร็อคระดับตำนานอย่างซิลลี่ฟูลส์ ที่โด่งดังมาจากการดีไซด์ท่อน Rif ที่มีความแปลกใหม่และใช้ตัวโน๊ตได้อย่างสวยงามลงตัว สำเนียงเพลงช้ามีความหวานในขณะที่เพลงเร็วก็ปั่นได้โหดสะใจ จัดว่าเป็นหนึ่งในมือกีต้าร์ที่มีความครบเครื่องทุกๆด้าน พี่ต้นได้รับการยอมรับจากมือกีต้าร์รุ่นใหญ่โดยขึ้นเวทีแจมกันมาหลายเวทีแล้ว และยังเป็นไอดอลของนักดนตรีช่วงยุค 2000 ที่กำลังหัดเล่นกีต้าร์ทั้งหลายโดยต้องเคยแกะเพลงของซิลลี่ฟูลส์กันมาบ้าง
นอกจากฝีมือจะเฉียบแล้วสิ่งที่ทำให้พี่ต้น ซิลลี่ฟูลส์โด่งดังมาอีกเรื่องคือการใช้ซาวด์เอฟเฟคต่างๆอย่างเหมาะเจาะเช่นเพลง จิ๊จ๊ะ ทำให้หลายๆเพลงของวงซิลลี่ฟูลส์กลายเป็นเพลงระดับตำนานเช่น วัดใจ ที่มือกีต้าร์หลายๆคนต้องหัดลูก Sweep Picking ในท่อนจบของการโซโล่ หรือต้องก็อปปี้สำเนียงจากเพลงช้าอย่าง เพียงรัก ทำให้มือกีต้าร์ในปัจจุบันหลายคนมีกลิ่นอายการเล่นกีต้าร์แบบต้น ซิลลี่ฟูลส์กันมากมาย
แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม
โด่งดังกับภาพลักษณ์มือกีต้าร์ร็อคมาตั้งแต่ออกอัลบั้มแรกจนถึงปัจจุบัน แต่สิ่งที่หลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบคือพี่แมวนั้นชื่นชอบในดนตรีแจ๊สเป็นอย่างมาก แมว จิรศักดิ์ แจ้งเกิดในวงการดนตรีตั้งแต่ปี 2540 กับอัลบั้ม “Catarock” จากค่าย UpG ในเครือแกรมมี่ ก่อนจะต่อยอดด้วยอัลบั้มที่ 2 “Get Up Higher” ที่มีเพลงดังอย่าง เลิกรา, ปางตาย และก้าวไปเป็นผู้บริหารค่าย Mad Catz ในเครือแกรมมี่ซึ่งระหว่างที่อยู่ค่าย Mad Catz ก็ได้ออกอัลบั้มมาอีก 3 อัลบั้ม โดยมีเพลงติดหูคนไทยอย่าง คนของเธอ, นักโทษประหาร, ดาวประดับฟ้า เป็นต้น ปัจจุบันได้ย้ายมาออกซิงเกิ้ลกับทางค่ายสหภาพดนตรีซึ่งมี อัสนี โชติกุล และชาตรี คงสุวรรณ เป็นผู้บริหาร และมีซิงเกิ้ลเพลง”เยาวราช” มาให้แฟนๆฟังเมื่อไม่นานมานี้
เรื่องฝีไม้ลายมือของพี่แมวนั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ดูได้จากลายโซโล่ในแต่ละเพลงอีกที่ออกมา นอกจากนั้นชั่วโมงบินในวงการดนตรียังยาวนานเพราะเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินมากมายก่อนจะออกเทป เช่น อ่ำ อัมรินทร์ และ ไมโคร นอกจากดนตรีร็อคที่ทำออกมาได้ดีแล้วเจ้าตัวยังเล่นแจ๊สได้ระดับต้นๆของประเทศอีกด้วย มีการไปแจมกับนักดนตรีแจ๊สดังๆของเมืองไทยหลายคนอย่าง หนึ่ง จักรวาล ซึ่งปัจจุบันพี่แมวเองได้กำลังศึกษาปริญญาโทเอกดนตรีแจ๊สที่ม.รังสิตอีกด้วย เป็นการยืนยันถึงความเก่งของมือกีต้าร์ผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
ชาตรี คงสุวรรณ
พี่โอม ชาตรีคร่ำหวอดในวงการดนตรีมาอย่างยาวนานด้วยการเป็นมือกีต้าร์วงอินโนเซนต์ตั้งแต่ปี 2525 และได้ร่วมงานกับแจ้ ดนุพล แก้วกาญจ์ในปี 2531 ซึ่งขณะนั้นงานพี่โอมชาตรีในฐานะนักดนตรีล้นมืออย่างมาก จนมาถึงจุดสำคัญที่ได้ร่วมงานกับ พี่เต๋อ เรวัติ พุฒธินันนท์ในคอนเสิร์ตเมื่อปี 2531 ก่อนจะถูกพี่เต๋อชักชวนเข้าทำงานแกรมมี่อย่างเป็นทางการ ซึ่งพี่โอม ชาตรีได้เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับนักร้องชั้นนำของประเทศอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คริสติน่า อากีลาร์ อำพล ลำพูน แอม เสาวลักษณ์ รวมไปถึงวงร็อคอย่าง Ynot7 อีกด้วย ภายหลังจากพี่เต๋อ เรวัติเสียชีวิต พี่โอมชาตรีก็ได้ก้าวเป็นหนึ่งในผู้บริหารโดยตรง
ปัจจุบันแม้ว่าโอม ชาตรีจะเน้นทำงานเบื้องหลังเสียมากกว่าเพราะได้จับมือกับดี้ นิติพงศ์และอัสนี โชติกุลทำค่ายเพลงสหภาพดนตรีขึ้นมา แต่ยังได้เห็นฝีมือการเล่นกีต้าร์ตามคอนเสิร์ตทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งพี่โอมเองมักได้รับเชิญจากศิลปินดังๆอยู่เสมอเนื่องจากนับถือฝีมือกันดี ช่วงหลังมานี่เองพี่โอมก็เริ่มออกมาโช์ตัวการเล่นกีต้าร์มากขึ้นวึ่งฝีมือไม่ได้ตกลงไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย หากใครสนใจอยากฟังเทคนิคการเล่นกีต้าร์ของโอม ชาตรีคงสุวรรณก็คงหาดูได้ไม่ยากเท่าไหร่
อ.ปราชญ์ อรุณรังษี
เจ้าของโรงเรียนสอนกีต้าร์ชื่อดังและนิตยสาร Overdrive รวมไปถึงการเป็นต้นโผในการจัดการประกวดกีต้าร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่าง Overdrive Guitar Contest เป็นการยืนยันว่าอ.ปราชญ์มีอิทธิพลต่อวงการกีต้าร์ไทยขนาดไหน อ.ปราชญ์เริ่มเล่นกีต้าร์เมื่ออายุได้แค่ 13 ปีเท่านั้น และพออายุเพียงแค่ 19 ปีก็ได้เริ่มสอนกีต้าร์ให้กับลูกศิษย์ลูกหาจนเมื่อปี 1992 ก็ได้มีผลงานกับค่าย BMG Music ก่อนจะเดินทางไปเรียนกีต้าร์ที่ LA อเมริกาในปี 1994 และเล่นดนตรีอาชีพที่โน่นเก็บเกี่ยวประสบกาณ์อีก 2 ปีด้วย
ดนตรีที่อ.ปราชญ์นั้นชื่นชอบคือแนว Fusion Jazz ที่ค่อนข้างยากและซับซ้อนทำให้การร่วมแจมกับนักดนตรีแนวนี้ในอเมริกานั้นเพิ่มพูนทั้งฝีมือและประสบกาณ์ของอ.ปราชญ์ได้เป็นอย่างดี เมื่อกลับมาเมืองไทยหลังจากทำอัลบั้มอีก 2 อัลบั้ม อ.ปราชญ์จึงนำเอาประสบการณ์ที่ได้มานั้นะเปิดบริษัทเกี่ยวกับดนตรีของตนเองและโรงเรียน Prart Music School ซึ่งได้ปั้นมือกีต้าร์ชั้นเยี่ยมมาสู่วงการดนตรีไทยมากมาย เรียกได้ว่าอ.ปราชญ์นั้นเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลกับดนตรีบ้านเราอย่างมาก
นครินทร์ ธีระภินันท์ “กอล์ฟ T-Bone”
วงดนตรีเร็กเก้ระดับประเทศอย่างทีโบนย่อมต้องมีมือกีต้าร์ระดับตำนานเช่นกัน กอล์ฟ นครินทร์และเพื่อนๆเริ่มก่อตั้งวงทีโบนมาตั้งแต่ปี 2533 ซึ่งถือเป็นการบุกเบิกแนวเพลงนี้ในประเทศไทย เรื่องฝีไม้ลายมือนั้นสาวกมือกีต้าร์รู้ดีกันอยู่แล้วว่าระดับเทพเพราะพี่กอล์ฟเองนอกจากเร็กเก้แล้วก็ยังเล่นได้ดีทุกแนวโดยเฉพาะแจ๊สกับบลูส์เพราะเมื่อก่อนนั้นเล่นดนตรีอยู่ที่ร้านบลูส์มูน ก่อนจะมาเป็นวงดนตรีบุกเบิกที่ร้าน แซ็กโซโฟน ผับ การอัดไลน์กีต้าร์รวมไปถึงการขึ้นคอนเสิร์ตนั้นใช้การอิมโพรไวส์กับตัวโน๊ตยากๆทั้งสิ้น ทำให้หลายๆคนยกย่องพี่กอล์ฟทั้งเรื่องฝีมือและแนวคิดในการใช้โน๊ตถ่ายทอดอารมณ์เพลงอย่างมาก
ปัจจุบันนอกจาการเป็นมือกีต้าร์วงทีโบนแล้วพี่กอล์ฟยังรับบทบาทอาจารย์สอนดนตรีรวมไปถึงการเป็นโปรดิวเซอร์อีกด้วย ผลงานของวงทีโบนนั้นขึ้นหิ้งเป็นเพลงที่บรรดานักดนตรีแจ๊สหรือเร็กเก้ต้องเข้าไปเสพย์เพื่อพัฒนาฝีมือตนเองกันแทบทุกราย เรียกได้ว่าหากใครที่ชื่นชอบแนวแจ๊สหรือเร็กเก้นั้นคงต้องยกย่องให้มือกีต้าร์ผู้นี้เป็นเทพไอดอลในดวงใจกันเลยเพราะผลงานของพี่กอล์ฟก็หาฟังกันได้ไม่ยาก (แต่แกะยากนะจ๊ะ)
โอฬาร พรหมใจ
น้าโอ้ โอฬารไอดอลของมือกีต้าร์ในเมืองไทยหลายคนที่ปัจจุบันแม้จะเข้าสู่วัย 61 ปีแล้ว แต่ฝีมือยังคงเฉียบคมเหมือนเดิม เรื่องเส้นทางดนตรีนั้นน้าโอ้ได้ร่วมทำเพลงกับศิลปินมามากมายซึ่งแต่ละคนที่น้าโอ้ร่วมงานก็เขาขั้นเทพทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นพี่โป่ง ปฐมพงศ์ น้าแหลมมอริสัน หรือพี่ป็อปเดอะซัน โดยยุคแรกนั้นน้าโอ้ โอฬารได้ทำวงโซดาโดยมีพี่โป่งเป็นนักร้องนำ ก่อนจะมาสร้างชื่อสุดๆกับวง “ดิ โอฬาร โปรเจค”โดยรับหน้าที่หัวหน้าวงและมือกีต้าร์ ซึ่งซาวด์กีต้าร์ของน้าโอ้นั้นขึ้นชื่อเรื่องความหวานจับใจและเข้าถึงอารมณ์อยู่แล้วฟังได้จากเพลงอย่าหยุดยั้งที่โด่งดังไปทั่วประเทศ
น้าโอ้ โอฬารยังเป็นนักดนตรีคนแรกในย่านอาเซียนที่ทางบริษัท Squier นำไปผลิตกีต้าร์ซิกเนเจอร์มาให้ชื่อรุ่น โอ้ โอฬาร ตั้งแต่ปี 2549 และเป็นกีต้าร์สุดฮิตไปทั่วประเทศภายในเวลาไม่นาน ซึ่งหลายคนน่าจะได้เคยลองกันมาแล้ว ปัจจุบันด้วยวัยที่มากขึ้นอาจทำให้ไม่ค่อยได้เห็นน้าโอ้ขึ้นคอนเสิร์ตบ่อยนัก แต่นักดนตรีรุ่นใหม่ๆก็ยังสามารถติดตามผลงานเก่าๆทางเวปไซด์ได้ หรือดูคอนเสิร์ตวาระพิเศษที่น้าโอ้ร่วมแจมกับศิลปินดังๆได้ แล้วจะรู้ว่าซาวด์หวานจนใจสั่นเป็นอย่างไร จึงไม่แปลกที่ชื่อของ โอ้ โอฬาร จะเป็นไอดอลมือกีต้าร์หลายคนในประเทศไทย
กิตติ กาญจนสถิตย์ “กิตติ กีต้าร์ปืน”
สิ่งแรกที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ากิตติเลยคือกีต้าร์ที่ออกแบบเป็นรูปปืนโดดเด่นยามขึ้นเวที เรื่องความเก๋าในด้านดนตรีคงไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นหัวหน้าวงคาไลโดสโคปที่โด่งดังไปทั้งประเทศ ออกอัลบั้มมาตั้งแต่ปี 2521 ก่อนที่ใครหลายคนจะเกิดเสียอีก จึงไม่แปลกที่มือกีต้าร์ในปัจจุบันจะมีความเก่งกาจของน้ากิตติเป็นไอดอล นอกจากจะโด่งดังในเมืองไทยแล้ว น้ากิตติเองยังได้มีโอกาสเดินทางไปเล่นที่ต่างประเทศอย่างนิวซีแลนด์ในปี 2522 อีกด้วย และฝือมือที่ไม่ธรรมดาจึงมีนักดนตรีระดับหัวแถวให้ไปร่วมแจมเพลงมากมายเช่นปี 2526 เป็นกีต้าร์รับเชิญวงร็อคเครสต้า ปี 2527 ออกอัลบั้มคู่กับ แหลม มอริสัน และปี 2530 รับเชิญขึ้นคอนเสิร์ตวงคาราบาว
ปัจจุบันกิตติ กีต้าร์ปืนยังคงสนุกสนานกับการเล่นดนตรีที่ชอบ โดยหลักๆจะเล่นที่ผับในเมืองพัทยา หรือถ้าใครอยากจะยลความเก่งก็ไม่ยากเพราะน้ากิตติเปิดโรงเรียนสอนดนตรีอยู่ที่แฮปปี้แลนด์ บางกะปิในชื่อ โรงเรียนดนตรี กิตติ กีต้าร์ปืน มา 20 ปีแล้วซึ่งลูกศิษย์ฝีมือดีมีเพียบ รวมไปถึงผลิตเครื่องดนตรียี่ห้อตนเอง ใครสนใจอย่างเก่งแบบน้ากิตติก็ไปร่ำเรียนวิชาระดับตำนานกันได้ไม่ยาก
วิชัย นวลแจ่ม “แหลม มอริสัน”
น้าแหลมเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่มือกีต้าร์เมืองไทย ด้วยสมญานาม”กีต้าร์คิง”ที่ได้รับจึงเห็นชัดว่าฝีมือจัดจ้านขนาดไหน เพราะฉายานี้ได้มาจากการประกวดกีต้าร์ที่เยอรมันร์และได้รับรางวัลชนะเลิศที่ประเทศเยอรมัน เมื่อปี 2523 ในรายการ Music Talent ซึ่งนักกีต้าร์หลายๆชาติที่เข้าร่วม และชาวต่างชาติจะให้เกียรติยกย่องเรียกเขาว่า กีต้าร์คิง ของเมืองไทย โดยเพลงที่ใช้ขณะแข่งคือเพลง Beethoven-Symphony No.5 ที่สุดแสนจะยากอีกด้วย ทำให้ชื่อของ แหลม มอริสัน นั้นเป็นที่ยอมรับจากนักดนตรีต่างชาติจนถึงขั้นแจมกับ ไมเคิล แชงเกอร์ มือกีต้าร์วงสกอร์เปี้ยนและ UFO มาแล้ว
แหลม มอริสันยังคร่ำหวอดอยู่ในวงการมาตลอด 40 ปีด้วยการร่วมแจมกับนักดนตรีชื่อดังต่างๆซึ่งด้วยฝีมือที่เหนือชั้นและเป็นเหมือนผู้บุกเบิกวงการกีต้าร์ไฟฟ้าเมืองไทยจึงไปไอดอลในดวงใจของนักดนตรีหลายคนในประเทศ ปัจจุบันแม้วัยของน้าแหลมจะเข้าสู่เลข 7 แล้ว แต่หัวใจที่รักในเสียงดนตรียังไม่เสื่อมคลายเพราะยังคงเล่นผับอยู่ที่พัทยาแทบทุกวัน หากใครอยากชมการเล่นกีต้าร์ระดับตำนานก็ไปฟังกันได้ไม่ยาก
จักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย “ป็อป เดอะซัน”
สุดยอดมือกีต้าร์ของเมืองไทยที่เป็นไอดอลของนักดนตรียุคใหม่มากมายคงไม่มีใครเกิน ป็อป เดอะซัน พี่ป็อปเป็นมือกีต้าร์วงร็อคชื่อดัง “หิน เหล็ก ไฟ” ซึ่งเข้าวงการมาโดยพี่รงค์มือเบสหินเหล็กไฟชักชวน เนื่องจากเวลานั้นพี่โป่งกำลังฟอร์มวงใหม่หลังจากออกมาจากดิ โอฬาร โปรเจคแล้ว จึงเป็นการกำเนิดสุดยอดวงร็อคของไทยเกิดขึ้น เพลงที่ลายโซโล่เด่นๆของพี่ป็อปอย่างเพลง สู้ กลายเป็นเพลงข้อสอบที่มือกีต้าร์ทุกคนต้องหัดเล่นไปแล้ว หรือจะเป็นเพลงช้าอย่าง หลงกล และ ง่ายเกินไป ก็ได้รับความนิยมในหมู่นักดนตรีค่อนข้างสูง จึงมีการแกะเล่นมา Cover ลงยูทูปกันบ่อยครั้ง
ด้วยฝีมือที่ไม่เป็นสองรองใครทำให้พี่ป็อปเป็นต้นแบบของมือกีต้าร์มากมาย เช่น แฮ็ค อดีตมือกีต้าร์วงแคลชที่ถึงกับเชิญพี่ป็อปไปเล่นแจมในซิงเกิ้ล หรือร่วมแจมกับวงอีโบล่ามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดอันดับจากนิตยสารหรือเวปไซด์ไหนก็ต้องมีชื่อพี่ป็อปติด 1 ในนั้นอยู่ตลอด ทำให้นักดนตรีรุ่นใหม่ยกให้มือกีต้าร์คนนี้เป็นที่สุดแห่งไอดอลวงการกีต้าร์ไทยไปเรียบร้อย ซึ่งการหาผลงานของพี่ป็อปมาฟังหรือฝึกฝีมือก็ไม่ยากเพราะพี่แกฝากผลงานไว้เพียบอยู่แล้ว และแต่ละเพลงนั้นเป็นบทเรียนสำหรับฝึกกีต้าร์ได้เป็นอย่างดี
นี่คือ 10 มือกีต้าร์ที่เชื่อเหลือเกินว่าคนที่เริ่มเล่นกีต้าร์โดยมีพวกเขาเป็นไอดอลนั้นมีไม่น้อย ซึ่งหลายๆคนก็ได้รูปแบบการเล่นเช่นสำเนียงหรือลูกเล่นมาจากพวกเขาเหล่านี้จนก้าวมาเป็นหนึ่งในมือกีต้าร์รุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง แต่กว่าจะผ่านมาได้ขนาดนี้ก็ต้องมีการฝึกซ้อมอย่างหนักไม่แพ้ไอดอลทั้ง 10 คนนี้เลย ดังนั้นการพัฒนาฝีมือให้เป็นนักกีต้าร์ที่ดีนั้นคงไม่มีอะไรเกินไปกว่าการฝึกซ้อม หากมีมือกีต้าร์ในดวงใจถือเป็นเรื่องดีที่จะพยายามเล่นให้ใกล้เคียงกับคนที่เราชื่นชอบ ฉะนั้นแล้วถ้าเพื่อนๆรักใครชอบใครคนไหนก็ขยันหมั่นซ้อมเข้าไว้ ในอนาคต 10 มือกีต้าร์ยอดเยี่ยมก็อาจมีชื่อของเพื่อนๆอยู่ก็เป็นได้
ขอบคุณรูปภาพจาก facebookfanpage, youtube