Author Archives: ZunWu
Mega AC30R แอมป์กีตาร์โปร่ง
ขายเพียง  5,490฿ จาก  6,900฿Mega AC60R แอมป์กีตาร์โปร่ง
ขายเพียง  8,990฿ จาก  11,500฿7 Diva ตัวแม่แห่งวงการเพลงโลก
Diva เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาอิตาลี ในสมัยก่อนจะใช้เป็นคำเรียกนักร้องหญิงที่เป็นเสียงหลักในการแสดงละครเวที จนปัจจุบันกลายมาเป็นคำยกย่องให้กับศิลปินหญิงที่มีความโดดเด่นในด้านเสียงร้อง รวมไปถึงความสามารถที่โดดเด่นจนสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองได้ ในวงการเพลงทั่วโลกก็จะมี Diva ในแต่ละแนวเพลง ซึ่งวันนี้ Musicarms จะขอยกรวมกันมาคร่าวๆ 7 รายชื่อซึ่งแต่ละคนนั้นเสียงร้องต้องบอกว่าทรงพลังสมกับที่ได้รับการยกย่องให้เป็นตัวแม่แห่งวงการเพลงอย่างแท้จริง
Kelly Clarkson
นักร้องสาวชาวอเมริกันรายนี้เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน ปี 1982 ฉายแสงความเป็น Diva มาตั้งแต่การประกวดร้องเพลงในรายการอเมริกัน ไอดอลเมื่อปี 2002 ซึ่งเธอก็เป็นผู้ชนะเลิศ ก่อนจะออกซิงเกิ้ลแรกในชีวิต A Moment Like This และสามารถทะยานเข้าสู่อันดับ 1 ในบิลบอร์ดชาร์ต และออกอัลบั้มเต็มมาเมื่อปี 2003 ทำยอดขายถึง 4.5 ล้านแผ่นทั่วโลกในเพลงแนวป็อปร็อคจนได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่อวอร์ด และในอัลบั้มที่ 2 นี้เองเธอก็สามารถพิชิตรางวัลแกรมมี่ในสาขา Best Pop Vocal Album ส่งเพลง Because of You โด่งดังไปทั่วโลกและออกอัลบั้มต่อเนื่องมา 6 ชุด ทั้งที่ในสมัยเด็กนั้นเธออยากเป็นนักร้องมากจนถึงขั้นทำเดโม่ไปเสนอค่ายเพลงต่างๆและโดนปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย ซึ่งปัจจุบันค่ายเพลงเหล่านั้นคงจะเสียดายที่ปล่อยให้เพชรงามแห่งวงการดนตรีหลุดมือไป
Adele
Adele Laurie Blue Adkins หรือที่เรียกสั้นๆว่าอะเดลเป็นศิลปินจากอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1988 และประสบความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่อายุยังน้อยเนื่องจากเส้นทางสายดนตรีของเธอนั้นต้องบอกว่าโชคดีเมื่อเพื่อนของคุณพ่อเป็นโปรดิวเซอร์และได้ยินเสียงอะเดลจึงชื่นชอบตั้งแต่ตัวเธอยังเรียนมัธยมด้วยซ้ำ หละงจากจบการศึกษาเมื่อปี 2006 ก็ได้ลงมือทำอัลบั้มของตนเองก่อนจะออกวางแผงในปี 2008 ซึ่งใช้ชื่อชุดเป็นอายุขณะที่ออกในทุกๆอัลบั้ม ในอัลบั้มที่ชุด “21” ก็ส่งเพลงดังอย่าง Someone like you และ Rolling in the deep ทะยานเข้าป้ายอันดับ 1 ในบิลบอร์ดชาร์ตทันทีและรับรางวัลแกรมมี่ในสาขาอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี รวมไปถึงรางวัลศิลปินหญิงยอดเยี่ยมของโลกจาก Billboard Music Award อีกเช่นกัน
Christina Aguilera
นักร้องเพลงป็อปและ R&B ชาวอเมริกันที่ทำยอดขายอัลบั้มรวมกว่า 43 ล้านชุดทั่วโลกรายนี้เกิดเมื่อ 18 ธันวาคม 1980 เริ่มเส้นทางดนตรีมากับรายการมิกกี้ เม้าส์คลับของดิสนี่ย์ร่วมกับบริทนี่ย์ สเปียร์และจัสติน ทิมเบอร์เลคมาก่อน และเธอได้รับโอกาสให้ร้องเพลงประกอบภาพยนต์ของดิสนี่ย์ในเพลง Reflection เรื่องมู่หลาน ซึ่งเพลงนี้ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในสาขาเพลงประกอบภาพยนต์ยอดเยี่ยมส่งผลให้ชื่อของคริสติน่า อากีเลร่า ดังเป็นพลุแตกทันที จนได้ออกอัลบั้มแรกเมื่อปี 1999 และส่งเพลง Genie In A Bottle ขึ้นครองอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงอเมริกัน และนิตยสารโรลลิ่งสโตนได้จัดให้เธออยู่ในอันดับ 58 ใน 100 นักร้องที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ซึ่งเธอเป็นผู้อายุน้อยที่สุดใน 100 อันดับ และปัจจุบันก็มีอัลบั้มออกมา 5 ชุดแล้ว
Beyonce
นักร้องสาวแนว R&B รายนี้เกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน 1981 โดยเริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆและได้เข้าเรียนโรงเรียนดนตรีฮิวส์ตันและเป็นนักร้องนำในวงดนตรีคณะประสานเสียงของโรงเรียน ต่อมาค่ายโคลัมเบียเร็คคอร์ดมีโครงการจะทำวงหญิงล้วนในแนว R&B บียอนเซ่จึงได้โอกาสเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการไปสมัครเดบิวต์และด้วยพลังเสียงที่หาตัวจับยากจึงได้ออกอัลบั้มกับวง Destiny Child เมื่อปี 1997 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากถึง 8 อัลบั้ม เพลงฮิตอย่าง Say my name คว้ารางวัลแกรมมี่อวอร์ดในปี 2001 ก่อนที่สมาชิกจะแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยว ซึ่งบียอนเซ่ต่อยอดความเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้อย่างยอดเยี่ยมกับอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก Dangerously in Love มีเพลงดังอย่าง Crazy in Love ที่ร้องร่วมกับแร๊พเปอร์หนุ่ม Jay-C ขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ตและทำยอดขายเกิน 3 แสนแผ่นในสัปดาห์แรก รวมไปถึงคว้ารางวัลแกรมมี่อวอร์ดเช่นเดียวกัน
Mariah Carey
นักร้องสาวชาวอเมริกันผู้ทำยอดขายซิงเกิ้ลเพลงกว่า 260 ล้านชุดทั่วโลก เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 1970 โดยเส้นทางสายดนตรีของเธอนั้นได้รับช่วงต่อมาจากคุณแม่ที่เป็นนักร้องโอเปร่า เธอเริ่มหัดร้องเพลงด้วยอายุแค่ 3 ขวบเท่านั้นและได้ซึมซับเทคนิคการร้องจากเวทีละครที่ต้องเข้าไปหาคุณแม่อยู่บ่อยครั้ง จนได้เป็นนักร้องเสียงประสานให้แก่ เบรนด้า เค. สตารร์ และในปี 1988 จุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึงเมื่อเธอได้พบกับผู้บริหารจากค่ายเพลง “โคลัมเบีย” ชื่อ ทอมมี่ มอตโตล่า ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งซึ่งตัวทอมมี่นั้นประทับใจในเสียงของมารายห์เป็นอย่างมากและได้ดึงเข้าสังกัดในที่สุด ซึ่งเพียงแค่อัลบั้มแรกที่ออกมาเมื่อปี 1990 ก็ฉายแสงเต็มตัวด้วยการขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ต 11 สัปดาห์และได้รางวัลแกรมมี่อวอร์ดในสาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ส่งให้เธอเป็นที่รู้จักในนาม Diva lาวเสียงดีไปทั่วโลกทันที
Celine Dion
Diva เสียงทรงพลังที่เกิดในแคนาดาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 1968 ซึ่งเชื้อสายเดิมของเธอคือชาวฝรั่งเศสทำให้ผลงานเพลงช่วงแรกนั้นเป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งสิ้น จนกระทั่งเธอได้เรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจังและโชคชะตาพาไปรู้จักกับ เดวิด ฟอสเตอร์ โปรดิวเซอร์ชื่อดังจึงได้ออกอัลบั้มแรกในอเมริกาเมื่อปี 1990 ชื่ออัลบั้ม Unison แต่ผลงานที่สร้างชื่อให้โลกรู้จักเธอมากขึ้นคือการร้องเพลงประกอบภาพยนต์ Beauty and the Beast เมื่อปี 1991 และได้รับรางวัลออสการ์สาขาเพลงยอดเยี่ยม ก่อนจะต่อยอดความสำเร็จด้วยการได้รับเป็นผู้ร้องเพลงโอลิมปิคที่แอตแลนต้าปี 1996 และเพลงประกอบภาพยนต์ไททานิคอย่าง My heart will go on ที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันค่ายโซนี่ยืนยันความเป็น Diva ก้องโลกของเธอด้วยการประกาศว่า ดิออน คือศิลปินหญิงที่มียอดขายมากที่สุดในโลก
Whitney Houston
ตำนานเจ้าแม่ Diva ที่จากโลกนี้ไปด้วยวัยแค่ 48 ปี โดยวิทนี่ย์นั้นเกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1963 ออกผลงานมา 6 อัลบั้ม เริ่มเส้นทางดนตรีจากการเป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์และร้องเพลงที่ไนท์คลับรวมไปถึงร้องแบ็คอัพให้กับศิลปินต่างๆควบคู่ไปกับการเป็นนางแบบ จนค่าย Arista Records มาเห็นแววของเธอในไนท์คลับแห่งหนึ่งที่กรุงนิวยอร์คและจับเซ็นสัญญาจนได้ออกอัลบั้มแรกในชีวิตเมื่อปี 1985 ผลงานที่สร้างชื่อให้กับวิทนี่ย์มากที่สุดคงไม่พ้นภาพยนต์เรื่อง The Bodyguard ในปี 1992 ซึ่งเธอรับหน้าที่ทั้งนักแสดงและผู้ร้องเพลงประกอบภาพยนต์ส่งผลให้เพลง I will aways love you กลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วโลกทำยอดขายถึง 45 ล้านแผ่น และวิทนี่ย์ยังได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คอีกว่าเป็นนักร้องหญิงที่กวาดรางวัลมากที่สุดในโลกอีกด้วย
5 นักร้อง R&B ชายไทยสุดคูล
สงคราม R&B ของหน้ากากทุเรียนและหน้ากากจิงโจ้ใน The Mask Singer ได้จบลงไปแล้ว แต่สิ่งที่คนดูได้รับอย่างเต็มอิ่มคือเสียงร้องคุณภาพและอารมณ์ความสุขขณะฟังทั้งคู่ร้องเพลง ซึ่งถือว่านักร้องทั้งสองทำหน้าที่ถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้ทาง Musicarms ก็จะขอแนะนำนักร้องสไตล์ R&B ชายที่เจ๋งๆคูลๆในเมืองไทยกันซักเล็กน้อย เผื่อว่าเพื่อนๆจะได้หาฟังเพลงที่ไพเราะลึกซึ้งเช่นเดียวกันที่สองหน้ากากนี้ร้องและได้อรรถรสในบทเพลงอีกครั้ง
ทอม Room39
ตัวเก็งที่จะเป็นหน้ากากทุเรียนรายนี้เริ่มต้นวงการบันเทิงด้วยการเป็นดาราเด็กสุดดังในบท”ส้มฉุน”จากละครเรื่องเรือนมยุราก่อนจะหายจากวงการเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่กลับมาครั้งนี้กลับโด่งดังกว่าเดิมเพราะรวมวงกับเพื่อนๆที่อเมริกาภายใต้ชื่อวง Room39 ซึ่งมาจากหมายเลขห้องพักที่พักอยู่ที่โน่นนั่นเอง โดยทอมและเพื่อนๆได้ร้องเพลงที่ร้านอาหาร”เครื่องเทศ” ซึ่งก้อนหน้าที่จะออกซิงเกิ้ลที่เมืองไทยตัวทอมเองก็ได้คัฟเวอร์เพลงลงยูทูปบ่อยครั้งและได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมเพราะเสียงร้องที่มีสเนห์ในสไตล์ R&B จนเมื่อทำเพลงกับค่าย Loveis ของบอย โกสิยพงศ์ซึ่งเป็นเจ้าพ่อเพลงแนวนี้อยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่จะดังเปรี้ยงและเป็นหนึ่งในนักร้อง R&B ที่คนไทยรักทั้งประเทศ
อ็อฟ ปองศักดิ์
หนุ่มเสียงดีขั้นเทพรายนี้แจ้งเกิดจากเวทีประกวด AF ครั้งแรก ซึ่งก็ได้โชว์พลังเสียงอันเป็นจุดเด่นของเขาตั้งแต่การประกวด แม้ว่าจะได้แค่รองชนะเลิศแต่ทาง AF ได้ประสานกับทางค่ายแกรมมี่จนอ็อฟ ปองศักดิ์มีอัลบั้มแรกในชีวิตชื่อว่า Aof V-Friend เพลงของอ็อฟอย่าง “จากคนรักเก่า” ก็เป็นเพลงแจ้งเกิดที่โด่งดังไปทั้งประเทศในสไตล์ R&B ช้าๆที่ฟังแล้วบาดลึกถึงอารมณ์ ก่อนที่อ็อฟจะได้ร้องเพลงแนวนี้มากขึ้นเพราะเป็นแนวถนัดของเจ้าตัวในอัลบั้มต่อๆมาอีก 5 อัลบั้มจนมีซิงเกิ้ลเพลง R&B ฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองไม่ว่าจะเป็น “แทงข้างหลัง…ทะลุถึงหัวใจ” และ “ผู้ชายคนนี้กำลังหมดแรง” จนทำให้ชื่อของอ็อฟ ปองศักดิ์ได้รับการยอมรับเป็นนักร้อง R&B แถวหน้าของประเทศและหลายคนยกให้เป็นนักร้อง Diva ฝั่งชายอีกด้วย
เป๊ก ผลิตโชค
นักร้อง R&B อีกรายที่มีผลงานดีๆมาให้แฟนๆได้ฟังกันเพียบ ซึ่งสิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือเป๊กเกือบจะได้ออกเทปเป็นวงบอยด์แบนด์ในชื่อวง G-boyz ร่วมกับฟิล์ม รัฐภูมิก่อนที่โปรเจ็คจะถูกพับไป และมาเป็นนักร้องเดี่ยวในสังกัดแกรมมี่แทน ซึ่งการออกเดี่ยวทำให้เป๊ก ผลิตโชคได้โชว์พลังเสียงในสไตล์ R&B ที่เขาชื่นชอบได้อย่างเต็มที่มากกว่าการเป็นบอยแบนด์ บทเพลงของเป๊กมากมายจึงฮิตติดหูคนฟังภายในเวลาไม่นานตั้งแต่อัลบั้มแรกด้วยเพลง “ไม่มีใครรู้” และ “หรือแค่ขำขำ” ก่อนจะได้มาร่วมงานกับนักร้องคุณภาพอีก 2 คน คือ อ็อฟ และ ไอซ์ ออกอัลบั้มเป๊ก อ็อฟ ไอซ์ ซึ่งก็ยังมีบทเพลงดังอย่าง”แค่คนโทรผิด”ซึ่งเป็นแนว R&B ตามถนัดเป็นเพลงดัง เป็นการยืนยันถึงความเป็น R&B ในตัวนักร้องหนุ่มผู้นี้ได้อย่างชัดเจน
บี พีระพัฒน์
นักร้องเสียงดีที่เป็นที่รู้จักในนามอดีตนักร้องนำวงดังอย่างเครสเซนโด ซึ่งก่อนหน้าที่บี พีระพัฒน์จะมาอยู่วงเครสเซนโดนั้น เขาเคยร่วมงานเป็นนักร้องนำวง RRR&B ในสังกัดแกรมมี่ ซึ่งมีเพลงฮิตคือเพลง”สองเรา”ที่ร่วมร้องกับ เทเรซ่า อากีล่าร์ในสไตล์ R&B (ซึ่งชัดเจนตั้งแต่ชื่อวง) หลังจากหมดสัญญากับทางค่ายก็ได้ตระเวนร้องเพลงตามผับและรับบันทึกเสียงในสตูดิโอ ซึ่งผับที่บี พระพัฒน์ไปร้องก็คือผับสไตล์แจ๊สเบอร์ 1 ของไทยอย่าง Saxophone Pub จนได้มาเจอเพื่อนๆวงเครสเซนโดและถูกชะตากันจึงชวนให้มาเป็นนักร้องนำวงเครสเซนโดก่อนจะมีเพลงฮิตอย่าง “ความจริงในใจ” และ “ดินแดนแห่งความรัก” ที่มีกลิ่นอาย R&B ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ภายหลังแยกมาออกอัลบั้มเดี่ยวยิ่งมีความเป็น R&B ชัดเจนยิ่งขึ้นในเพลง”พูดตรงๆ”เข้าไปอีกต่างหาก
เบน ชลาทิศ
นักร้องคุณภาพขั้นแนวหน้าของประเทศรายนี้เริ่มเส้นทางดนตรีจากการเข้าเรียนที่โรงเรียนดุริยางคศิลป์และรวมวงกับเพื่อนๆตั้งวงชื่อ “โมโนโทน” ขึ้นมา ซึ่งยุคนั้นการทำเพลงแบบอินดี้จะมาแรงมากศิลปินมีกจะทำเพลงเองและส่งให้คลื่นวิทยุช่วยเปิด โดยวงโมโนโทนก็ได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี จึงเข้าตา บอย โกสิยพงศ์ ดึงตัวเบนมาร่วมร้องในหลายๆเพลงเช่น คนข้างล่าง, คะแนนชีวิต โดยสองเพลงนี้ก็ดึงความเป็น R&B ในตัวของเบน ชลาทิศออกมาถ่ายทอดให้คนฟังได้อย่างเต็มที่และแจ้งเกิดในวงการอย่างเต็มตัว ก่อนจะมาต่อยอดในนามวง B-Five ร่วมกับศิลปิน R&B อีก 4 ท่าน คือ บี พีระพัฒน์, มาเรียม, โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ และ คิว วงฟลัวร์ และยืนหยัดในเส้นทาง R&B มาอย่างยาวนานในวงการเพลงไทย ซึ่งความสามารถของเบนนั้นการันตีด้วยรางวัลดังๆเช่น ศิลปินเดี่ยวแห่งปี จาก “ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ด เป็นต้น
Generation AXE 5 สุดยอดมือกีต้าร์บุกแดนสยาม
ช่วงนี้บรรดามือกีต้าร์น่าจะกำลังเก็บเงินอยากขะมักเขม้น เพราะในวันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน ปีนี้ 5 เทพกีต้าร์ที่เคยบรรเลงดนตรีผ่านเส้นลวด 6 สายให้สะเทือนกันไปทั่วโลกต่างยกพลมาบุกเมืองไทยในคอนเสิร์ต Generation AXE กันครบครันไม่ว่าจะเป็น สตีฟ วาย, อิงเว มาล์มสทีน, แซค ไวลด์, นูโน่ เบ็ทเทนคอร์ต และ โทซิน อบาซี่ ซึ่งวันนี้ Musicarms จะขอมาเรียกน้ำย่อยถึงประวัติและผลงานของศิลปินทั้ง 5 ท่านนี้อย่างคร่าวๆก่อนจะไปรับชมฝีมือระดับพระกาฬกันไปคอนเสิร์ตอีกที
สตีฟ วาย
พ่อมดแห่งวงการกีต้าร์ผู้นี้เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1960 เป็นชาวอเมริกันที่ติดอันดับ 10 ของมือกีต้าร์ในหนังสือ Guitar World ด้วยยอดขายกว่า 15 ล้านแผ่นทั่วโลก สตีฟ วายเริ่มเส้นทางดนตรีเมื่ออายุ 18 โดยเป็นมือกีต้าร์แห่งวงแฟรงค์ ซัปปาในปี 1980 และออกผลงานร่วมกับวงในปี 1983 ต่อมาก็ได้ย้ายมาร่วมกับวงเดวิด ลี โรธและไวท์สเน็ค ก่อนที่จะมาออกผลงานของตนเองโดยตั้งวงขึ้นมาใหม่ในปี 1995 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงจนได้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ดถึง 3 ครั้ง โดยสตีฟ วายได้รับคำยกย่องอย่างมากในการทำซาวด์ที่แปลกใหม่จนกีต้าร์ Ibanez ต้องจัดทำรุ่นพิเศษเพื่อตัวเขาและที่ขาดไม่ได้เลยคือคันโยกที่วายชอบเล่น รวมไปถึงการเรียบเรียงเมโลดี้ได้สวยงามกินใจชาวร็อคจึงไม่แปลกที่สตีฟ วายจะเป็นเทพเจ้ากีต้าร์ของใครหลายคน
อิงเว มาล์มสทีน
มือกีต้าร์ชาวสวีเดนรายนี้เป็นไอดอลของนักกีต้าร์สายปั่นทั่วโลก ผู้ที่เล่นกีต้าร์แนวนีโอคลาสสิคในสไตล์เมทัลได้อย่างลงตัวถึงขนาดนิตยสาร Time จัดให้เป็น 1 ใน 10 มือกีต้าร์ที่ดีที่สุดของโลก อิงเวเกิดเมื่อ 30 มิถุนายน 1963 โดยหลงใหลในเสียงกีต้าร์มาตั้งแต่ยังเล็กโดยมีไอดอลส่วนตัวดังๆอย่าง ริชชี่ แบล็คมอร์ (มือกีต้าร์ ดีพเพอร์เพิ่ล) และ ไบรอัน เมย์ (มือกีต้าร์วงควีน) อิงเวเริ่มเล่นกีต้าร์โดยแกะเพลงร็อคทั่วไปอย่างไฮเวย์ สตาร์โดยได้แนวคิดจากนักไวโอลินชื่อดังอย่าง Paganini เข้ามาสอดแทรก จนเจ้าตัวหันไปศึกษาดนตรีคลาสสิคอยู่พักหนึ่งเพื่อนำมาผสมผสานในแนวดนตรีที่เล่นจนกำเนิดคำว่า Neoclassic Rock ขึ้นมาและอิงเวก็ใช้ความสามารถถ่ายทอดได้อย่างยอดเยี่ยมจนมีอัลบั้มมาถึง 21 อัลบั้ม
แซ็ก ไวลด์
มือกีต้าร์ชั้นอ๋องที่เล่นให้กับออสซี่ ออสบอร์นผู้นี้เกิดเมื่อ 14 มกราคม 1967 ในประเทศอเมริกาโดยไวลด์เริ่มเล่นกีต้าร์ตั้งแต่อายุ 8 ขวบเท่านั้น และพออายุ 14 ก็ได้เดินเข้าสู่เส้นทางดนตรีอย่างจริงจังโดยซ้อมกีต้าร์ถึงวันละ 12 ชม. ก่อนที่อายุ 19 จะได้ส่งเดโมเทปของตนเองไปยังวงออสซี่ ออสบอร์นและได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกวงตั้งแต่ปี 1987 ในที่สุด ซึ่งไวลด์สร้างชื่อเสียงอย่างมากจากการเป็นมือโซโล่ให้กับวงนี้ถึงขนาดกิ๊บสันแบรนด์กีต้าร์ดังต้องออกกีต้าร์ซิกเนเจอร์ให้กับไวลด์ 2 ทรงคือ ฟลายอิ้ง วี และ เลส พอล แม้ว่าไวลด์จะออกมาตั้งวงของตนเองในปี 1985 แต่เจ้าตัวก็ยังรับจ็อบเป็นมือกีต้าร์ทั้งสองวงได้อย่างสบายๆโดยกลับมาร่วมงานกับออสซี่ ออสบอร์นอีกครั้ง โดยมีผลงานกับออสซี่ถึง 8 อัลบั้ม
นูโน เบตเทนคอร์ท
มือกีต้าร์คนดังแห่งวง Extreme เป็นชาวโปรตุเกสที่เกิดเมื่อ 20 กันยายน 1966 โดยนูโนหลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่ยังเล็กซึ่งเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เจ้าตัวเล่นคือ กลอง ก่อนจะมาจับกีต้าร์ในภายหลัง ซึ่งนูโนนั้นสามารถเล่นเครื่องดนตรีสากลได้แทบทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นกีต้าร์, เบส, เปียโน, ออร์แกน จนไปถึงเชลโล โดยไอดอลของนูโนในการหัดเล่นกีต้าร์ก็คือ เอ็ดดี้ ฟาน ฮาเลน และ ไบรอัน เมย์ รวมไปถึงวงบีทเทิ่ล ทำให้นูโนอยากที่จะเป็นทั้งมือกีต้าร์และนักแต่งเพลงชื่อดังของโลกอย่างเหล่าไอดอลบ้าง จนได้มีโอกาสรวมวงร็อคกับกลุ่มเพื่อนนักดนตรีที่บอสตันและก่อกำเนิดวง Extreme ที่โด่งดังขึ้นมาตั้งแต่ปี 1989 มีเพลงฮิตอย่าง More Than Words ที่รู้จักกันไปทั่วโลกสมความตั้งใจของเขา ซึ่งกีต้าร์ Washburn ได้ผลิตรุ่น N4 เป็นซิกเนเจอร์แก่มือกีต้าร์ผู้นี้อีกต่างหาก
โทซิน อบาซี่
มือกีต้าร์ชาวไนจีเรียที่เกิดในกรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 7 มกราคม 1983 โดยวัยเด็กนั้นเจ้าตัวเรียนกีต้าร์ด้วยตนเองหลังจากได้ไปลองเล่นกีต้าร์ที่บ้านเพื่อนและเกิดความชอบ เมื่อทางบ้านเห็นพรสวรรค์ในตัวจึงได้ซื้อกีต้าร์ให้โทซินใช้ หลังจากหัดด้วยตนเองจนมีฝีมือแกล่งกล้าแล้วก้ได้เข้าร่วมวง PSI ในปี 2000 และสร้างความตกตะลึงให้กับบริษัท Prosthetic Records ที่เป็นเจ้าของค่ายอย่างมากจนยื่นข้อเสนอให้โทซินเซ็นสัญญาออกศิลปินเดี่ยว แต่เจ้าตัวยังปฏิเสธไปก่อนเพราะคิดว่าตนเองยังไม่เก่งพอ จนโทซินได้เข้าเรียนโรงเรียนดนตรีอย่างจริงจังที่แอตแลนต้า และได้กลับมารับข้อเสนออีกครั้ง แต่ออกเป็นวงกับเพื่อนๆในชื่อวง Animals as Leaders ในปี 2009 และมีผลงานออกมาต่อเนื่องถึง 4 อัลบั้มจนโด่งดังไปทั่วโลก
7 วงไทยอมตะในยุคแรกเริ่ม
วันที่ 20 มีนาคมที่รอยัล พารากอน ฮอลล์นี้จะมีคอนเสิร์ต Music Never Died ของอาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา อดีตนักร้องนำวงดิอิมพอสซิเบิ้ล ซึ่งน้องๆหลายคนอาจจะเกิดไม่ทันรับรู้ความดังของอาต้อยในสมัยนั้นก็สามารถไปชมคอนเสิร์ตนี้กันได้ และอาจจะงงกันว่าอาต้อยมีลุคแบบนี้ด้วยหรือเพราะช่วงหลังเห็นในมาดของพิธีกรเท่านั้น วันนี้ Musicarms ก็จะมาขอรำลึกความหลังวงดนตรียุคบุกเบิกของเมืองไทยในช่วงแรกๆ ที่การทำเพลงหรือรวมวงของพวกเขาเหล่านี้นั้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวงการเพลงบ้านเราเหลือเกิน
ดิ อิมพอสซิเบิ้ล
วงสตริงคอมโบที่โด่งดังในเมืองไทยช่วงยุค 70 โดยสมาชิกแต่ละคนนั้นระดับหัวกะทิทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นอาต้อย เศรษฐาที่รับหน้าที่กีต้าร์และร้องนำคู่กับคุณวินัย พันธุรักษ์ คุณอนุสรณ์ตีกลองและคุณพิชัยเล่นเบสซึ่งสมาชิกช่วงแรกนั้นมี 4 คนก่อนจะค่อยๆทยอยเพิ่มมาในตอนหลังซึ่งหนึ่งในนั้นคืออาเต๋อ เรวัติ พุฒินันท์ คนดังแห่งค่ายแกรมมี่นั่นเอง วงดิ อิมพอสซิเบิ้ลชื่อเดิมคือ จอยท์ รีแอ็กชั่นซึ่งใช้ในการประกวดวงสตริงคอมโบจัดโดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ได้รับรางวัลชนะเลิศ 3 ปีติดต่อกัน ในช่วงปี 2512-2515 ก่อนเปลี่ยนชื่อวงเป็น ดิอิมพอสซิเบิ้ล โดยอัลบั้มชุดแรกของวงคือเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง โทน ก่อนจะมีเพลงฮิตติดหูวัยรุ่นในสมัยนั้นมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โอรัก, ไหนว่าจะจำ และ เป็นไปไม่ได้ ดิ อิมพอสซิเบิ้ลยังโด่งดังถึงขั้นได้ไปเล่นดนตรีที่ฮาวายและยุโรปเหนือ เป็นเวลากว่า 3 ปี ก่อนจะกลับมาเมืองไทยเมื่อปี 2519 และประกาศยุบวง
แกรนด์เอ็กซ์
วงดนตรีที่ก่อตั้งมาเมื่อปี 2513 โดยกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยบพิตรภิมุข นำโดย นคร เวชสุภาพร (กีต้าร์และหัวหน้าวง) ซึ่งก็คือคุณพ่อของ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ นั่นเอง ได้รวบรวมเพื่อนวิทยาลัยเดียวกันอีก 6 ท่านเข้าร่วมประกวดวงสตริงคอมโบ้ชิงแชมป์ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2515 ประเภทนักเรียนนักศึกษา โดยเล่นแนวเพลงร็อคซึ่งยังไม่บูมมากในสมัยนั้นเพราะทางวงชื่นชอบ จิมมี่ เฮนดริกซ์ เป็นการส่วนตัว แต่ลุคของวงในสมัยนั้นยังเป็นแนวเรียบร้อยใส่เสื้อเชิตผูกเนคไทเล่นคอนเสิร์ตจึงเป็นที่แปลกตาและเก๋ไก๋เป็นอย่างมาก สมาชิกในวงมีการเปลี่ยนเข้าออกค่อนข้างบ่อยครั้งซึ่งแต่ละท่านนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคปัจจุบันเช่น พี่แจ้ ดนุฟล แก้วกาญจ์ (ร้องนำ), จอนนี่ แอนโฟเน่ (กลอง,คีย์บอร์ด) ออกอัลบั้มจนถึงปี 2531 มีเพลงฮิตมากมายเช่น เชื่อฉัน, เพียงสบตา และ พรหมลิขิต ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามเส้นทาง
ดิ อินโนเซนต์
วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นไทยในยุค 1980 มีผลงานในช่วงระหว่างปี 2523 – 2532 กับสังกัดนิธิทัศน์โปรโมชั่น แต่เดิมนั้นมีสมาชิกแค่ 3 คนคือ พีรสันติ จวบสมัย เป็นหัวหน้าวง, สายชล ระดมกิจ และสิทธิศักดิ์ กิจแต่ง เป็นวงดนตรีแนวโฟล์คซองซึ่งได้รางวัลมากมายจากการประกวดที่จังหวัดราชบุรีก่อนจะเข้ามาทำอัลบั้มในกรุงเทพซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มสมาชิกเพราะดนตรีป็อปร็อคในสมัยนั้นกำลังมาแรงในประเทศไทย และหนึ่งในสมาชิกที่มาเพิ่มนั้นคือ โอม ชาตรี คงสุวรรณ มือกีต้าร์มากความสามารถนั่นเอง โดยช่วงแรกของวงนั้นยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเพราะยังติดภาระเรื่องการศึกษา ก่อนจะมาบูมอย่างเต็มตัวในอัลบั้ม”เพียงกระซิบ”ซึ่งเป็นแนวเพลงป็อปร็อคเมื่อปี 2526 และฝากฝังผลงานเพลงดังๆไว้มากมายเช่น ฝันและใฝ่, เพราะเธอหรือเปล่า,ฝากรัก และเพียงกระซิบ
พลอย
วงนี้เริ่มมาจากพี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจ์ อดีตนักร้องวงแกรนด์เอ็กซ์ที่แยกมาออกอัลบั้มเดี่ยวและต้องการฟอร์มวงแบ็คอัพของตนเองขึ้นมา จึงรวมกับ โอม ชาตรี คงสุวรรณและสมาชิกท่านอื่นๆในชื่อวง”แจ้และพลอย”ขึ้นมา ซึ่งแต่ละท่านนั้นชื่อเสียงคุ้นเคยกันดีเช่น พี่ติ๊ก ชีโร่ รับหน้าที่มือกลอง, พี่มืด ไข่มุก ขณะนั้นเล่นเพอร์คัสชั่น หรือพี่ป้อม อภิชัย เย็นพูนสุข โปรดิวเซอร์ชื่อดังเล่นเปียโน โดยวงพลอยออกอัลบั้มกับแจ้ได้ชุดเดียวก็แยกมาออกเป็นวงเองไม่ใช่แบ็คอัพอีกต่อไป และพี่โอมชาตรีก็ได้ออกจากวงเพื่อไปทำหน้าที่กับวงดิ อินโนเซนต์ต่อ โดยได้จิ๊บวสุ แสงสิงแก้วเป็นนักร้องนำซึ่งชุดแรกคือ”สุภาพบุรุษนักฝัน”เมื่อปี 2530 และมีผลงานมาทั้งหมด 3 อัลบั้ม มีเพลงฮิตมากมายเช่น จิ๊บ ร.ด., สูตรรักนักเรียน, ปลงซะ และ ไม่ได้เจตนา ก่อนที่จิ๊บวสุ จะขอลาออกจากวงเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศและติ๊ก ชีโร่แยกไปทำอัลบั้มเดี่ยวทำให้สมาชิกที่เหลือได้ประกาศแยกวงในที่สุด
รอยัลสไปรท์ส
“เจ็ง เจ็ง เจ็งกิสข่าน” เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินเพลงนี้มาเพราะนี่คือซิกเนเจอร์ของวงรอยัลสไปรท์สที่ใส่เนื้อเพลงไทยลงในทำนองเพลงต่างชาติ วงนี้เริ่มก่อตั้งในปี 2512 มีหัวหน้าวงคือ อำนาจ ศรีมา มือกีตาร์ได้รวบรวมเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่าง โดยมีนักร้องนำคือ อดิศักดิ์ ประคุณหังสิต เป็นวงแนวป็อปร็อคและดิสโก้เข้าประกวดวงสตริงคอมโบเมื่อปี 2513 ได้ตำแหน่งรองแชมป์โดยแพ้ให้กับวง ดิ อิมพอสซิเบิ้ล มีอัลบั้มแรกเมื่อปี 2522 ซึ่งเปลี่ยนนักร้องนำเป็นสุนทร สุจริตฉันท์ โดยอัลบั้มแรกก็สามารถสร้างชื่อเสียงและความฮืฮากับเพลงเจ็งกีสข่านได้ทันที และยังมีเพลง น่าอาย กับ อาลีบาบาที่โด่งดังอีกด้วย รอยัลสไปรท์สยังสานต่อความดังต่อเนื่องด้วยเพลง รักสิบล้อ รอสิบโมงซึ่งเพลงโปรดของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงขนาดนำไปพูดในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่สมาชิกวงจะแยกย้ายไปทางเส้นทางส่วนตัวเมื่อปี 2530
แม็คอินทอช
วงดนตรีแนวสตริงที่ฟอร์มวงกันตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนมี สมบัติ ขจรไชยกุล มือกี้ตาร์และนักร้องนำรับหน้าที่หัวหน้าวง โดยมีคุณ เสกสรรค์ ภู่ประดิษฐ์ พิธีกรชื่อดังจากรายการโลกดนตรีเป็นผู้ให้การสนับสนุนในช่วงแรก ก่อตั้งวงเมื่อปี 2520 ก่อนที่จะได้มาออกเทปเมื่อปี 2524 ชุดผมอยากดังซึ่งก็สร้างชื่อเสียงได้ในระดับหนึ่ง จนผลงานชุดที่สองคือชุด”ใจสยิว”จึงเปรี้ยงปร้างขึ้นมาด้วยภาพลักษณ์ของพี่ต้นมือกลองและพี่อู๋มือคีย์บอร์ดซึ่งโดนใจสาวๆในขณะนั้นทำให้ชื่อเสียงของวงพุ่งขึ้นมาอยู่แถวหน้าของเมืองไทยทั้งเรื่องฝีมือและรูปร่างหน้าตา วงแม็คอินทอชได้ร่วมแสดงภาพยนต์เรื่อง วันวานยังหวานอยู่และร้องเพลงประกอบภาพยนต์จนร้องกันได้ทั่วประเทศ ออกอัลบั้มมาทั้งหมด 7 ชุด จนระยะหลังที่สมาชิกของวงเริ่มสนใจอยากทำดนตรีจริงๆจังๆมากกว่าการแสดง วงแม็คอินทอชจึงแยกย้ายกันไปเมื่อปี 2530 ซึ่งแต่ละท่านก็ได้เข้าสู่เส้นทางดนตรีจนเป็นเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยคุณภาพ
ชาตรี
วงดนตรีแนวโฟล์คซองที่ก่อตั้งมาเมื่อปี 2512 โดยนักศึกษาปี2 แผนกช่างภาพ วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ 3 คน คือ นราธิป กาญจนวัฒน์, ประเทือง อุดมกิจนุภาพ และ คฑาวุธ สท้านไตรภพ อยู่ต่อมาอีกไม่นานนัก วงชาตรีก็เกิดมีความคิดอยากจะได้มือกลองขึ้นมา จึงชักชวนอนุสรณ์ คำเกษม เพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งมาเล่นกลอง วงชาตรีเริ่มจากการประกวดโฟล์คซองที่จัดโดยชมรมโฟล์คซอง แม้ว่าจะสละสิทธิ์ในรอบ 2 แต่คุณครูไพบูลย์ ศุภวารี ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินครั้งนั้น เห็นแววจึงได้ชวนไปอัดเสียงในรายการวิทยุ วึ่งกระแสตอบรับดีมากมีคนขอเพลงมากันเยอะ วงชาตรีจึงได้มีแผ่นเสียงเป็นของตนเองภายใต้ชื่อชุด “จากไปลอนดอน”เมื่อปี 2518 และออกอัลบั้มมาอย่างต่อเนื่อง 15 ชุดในเวลา 10 ปี สร้างเพลงฮิตทั่วประเทศทั้ง สวัสดีคุณครู, รักแล้วรอหน่อย และแอบรัก ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคเทปคาสเซ็ทซึ่งทำให้แผ่นเสียงนั้นขายไม่ดี วงชาตรีจึงยุติลงเมื่อปี 2528 ด้วยคอนเสิร์ตที่ลานโลกดนตรีเป็นคอนเสิร์ตสุดท้าย
Schecter SGR-S1 กีตาร์ไฟฟ้า
ขายเพียง  7,200฿ จาก  9,000฿10 หนังเกี่ยวกับดนตรีที่ต้องหามาดู !!!
ดนตรีเป็นสิ่งประกอบที่สำคัญในการทำหนังแต่ละเรื่องอยู่แล้ว เพราะดนตรีนั้นจะเป็นตัวกำกับจังหวะหรืออามาณ์ของเรื่องในขณะที่ดำเนินอยู่ อีกทั้งยังต้องมีเพลงประกอบภาพยนต์ซึ่งหลากหลายเพลงทำออกมาได้ดีและโด่งดังไม่แพ้ภาพยนต์เรื่องนั้นๆ ในประเทศไทยเองก็มีหนังที่เกี่ยวกับดนตรีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โหมโรง หรือ Succeed ห่วยขั้นเทพ ที่คอดนตรีทั้งหลายไม่น่าจะพลาดในการเข้าชม วันนี้ Musicarms ก็จะพาไปแนะนำภาพยนต์เกี่ยวกับดนตรี 10 เรื่องที่ต้องหามาดูเพราะทั้งบทหรือความประทับใจนั้นซึ่งจนต้องแบ่งปัน
School of Rock
หนังที่เข้าฉายเมื่อปี 2003 โดยมีดาวตลกชื่อดังอย่าง แจ็ค แบล็ค รับบทดารานำเรียกเสียงฮาเป็น ดูอี้ ฟินน์ ไอ้หนุ่มคลั่งดนตรีร็อคตกงานที่โดนวงไล่ออก บังเอิญต้องไปเข้าไปสวมรอยสอนหนังสือแทนเพื่อนร่วมห้องอพาร์ทเมนต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนลูกผู้ดีสุดเนี้ยบที่เล่นดนตรีคลาสสิคกับคุณครูใหญ่ผู้เจ้ากี้เจ้าการ สุดท้ายก็ทนความร็อคในตัวไม่ไหว ต้องไปตั้งวงกับเด็กๆหลังจากที่เห็นพวกเด็กๆซ้อมดนตรีกับวงออเคสตร้ากันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้บรรดาแก๊งค์เด็กที่แสดงต่างมีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดากันเลยเพราะคัดบทนักแสดงกันมาอย่างดี เจ้าหนุ่มดูอี้จะทำอย่างไรกับการปฏิวัติเด็กๆให้มาเป็นวงร็อครุ่นเยาว์สุดจี๊ด และจะฝ่าด่านพ่อแม่รวมไปถึงบรรดาคุณครูท่านอื่นอีกเช่นกัน หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมอย่างมากทั้งเรื่องการวางพล็อตและแง่ข้อคิดว่าพ่อแม่ไม่ควรบังคับลูกมากนัก บางครั้งเด็กๆก็ต้องการอิสระทางความคิด ทำให้เรื่องนี้ แจ็ค แบล็ค ได้รับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมจาก Golden Globe และหนังตลกยอดเยี่ยมจาก MTV Movie Award โดยโกยรายได้ไป 131.3 ล้านดอลลาร์
Raise your voice
หนังเรื่องนี้เข้าฉายเมื่อปี 2004 โดยก่อนเข้าฉายนั้นโดนค่อนแคะไม่น้อยว่าเป็นหนังที่ทำเพื่อ ฮิลารี่ ดัฟฟ์ ป็อปสตาร์สาวได้โชว์ตัวเท่านั้น แต่พอเข้าฉายจริงกลับเซอร์ไพร์สคนดูอย่างมาก เพราะนอกจากดัฟฟ์ที่โชว์ให้คนทั่วโลกเห็นว่าเธอไม่ได้มีดีแค่การร้องเพลงโดยตีบท เทอรี่ เฟล็ทเชอร์ นางเอกของเรื่องแตกกระจุยแล้ว พล็อตของเรื่องยังทำมาได้ซึ้งกินใจกับความฝันของสาวน้อยคนหนึ่งที่ต้องการจะเข้าเรียนโรงเรียนดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในลอสแองเจลิส เป้าหมายสุดท้ายคือการชิงทุนการศึกษาก้อนใหญ่ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น เรื่องนี้แฝงไปด้วยข้อคิดมากมายไม่ว่าจะเป็นการแก่งแย่งชิงดีในสังคม, เรื่องปัญหาครอบครัวกับการต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน หรือปัญหาสีผิวที่พ่อแม่ชาวผิวดำหวังให้ลูกคว้าทุนการศึกษาแต่สังคมจากคนผิวขาวไม่ยอมรับ ตอนจบของเรื่องนี้ให้บทสรุปที่ค่อนข้างดี โกยรายได้ไป 14.6 ล้านเหรียญ ส่งผลให้คนรับรู้ถึงพรสวรรค์ด้านการแสดงของ ฮิลลารี่ ดัฟฟ์ และเพลงประกอบภาพยนต์อย่าง Someone watching over me ที่เธอร้องก็ติดลมบนในชาร์ตเพลงทั่วโลก
Crossroads
ถ้าคุณเป็นมือกีต้าร์ต้องไม่พลาดเรื่องนี้อย่างแรง เพราะหนึ่งในดารานำในเรื่องนี้คือ สตีฟ วาย พ่อมดแห่งวงการกีต้าร์ โดยดารานำคือ ราล์ฟ มาคซิโอ้ จากเรื่องคาราเต้คิดส์ มารับบทเป็น ยูจีน เด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ทางกีต้าร์เป็นเลิศ พ่อแม่จึงส่งไปเรียนกีตาร์คลาสสิคยังโรงเรียนอันดับหนึ่งในนิวยอร์ค แต่เจ้าตัวหลงใหลในเพลงบลูส์จนหนีออกจากหอพักไปสู่ดินแดนต้นกำเนิดเพลงบลูส์ และหากินด้วยการเล่นกีต้าร์ร้องเพลงจนได้พบชายแก่เป็นเพื่อนนักดนตรีคู่ใจ ถึงทราบความจริงว่าจะเป็นสุดยอดมือกีต้าร์แห่งบลูส์ได้นั้นต้องขายวิญญาณให้กับซาตานเสียก่อน ชายแก่นั้นเคยขายวิญญาณมาแล้วและเบื่อชีวิตนักดนตรีอยากกลับไปเป็นคนธรรมดาจึงต้องดวลกีต้าร์เพื่อไถ่วิญญาณคืน โดยพระเอกขออาสาสู้แทนชายแก่เพื่อนของเขาซึ่งคู่ต่อกรก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ แจ็ค บัตเลอร์ ที่รับบทโดยสตีฟ วายนั่นเอง หนังเรื่องนี้อาจทำรายได้ไม่มากแค่ 5.8 ล้านเหรียญเพราะเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม แต่ฉากดวลกีต้าร์ในตอนจบรวมไปถึงเพลงบลูส์กว่า 30 เพลงที่ประกอบภาพยนต์เรื่องนี้กลับเป็นที่ฮือฮาจนถึงปัจจุบัน
Once
เข้าฉายเมื่อปี 2006 และโกยรายได้ไปถึง 23.3 ล้านเหรียญ สร้างความประทับใจไปทั่วโลกกับความรักของหนุ่มนักกีต้าร์ข้างถนนที่ไม่กล้าร้องเพลงที่ตัวเองแต่งจนมาพบกับนางเอกที่ชอบเล่นเปียโนแต่ไม่มีเป็นของตัวเองต้องไปขอเล่นที่ร้านดนตรี ทั้งคู่มาพบกันและได้รู้ถึงพรสวรรค์ทางด้านดนตรีของแต่ละฝ่าย จึงต่างพยายามผลักดันให้อีกฝั่งประสบความสำเร็จในชีวิต เรื่องนี้เป็นหนังรักแนวอบอุ่นแต่แฝงด้วยดราม่าลึกซึ้ง นักแสดงก็ได้ กล็น แฮนซาร์ด นักร้องนำและมือกีตาร์วงร็อคไอริชชื่อดัง The Frames และ มาร์เกตา เออร์โกลว่า นักดนตรีหญิงชาวเชคชื่อดังรับบทพระ-นางซึ่งทำได้ยอดเยี่ยมจนหลายคนต้องเสียน้ำตา ว่ากันว่าเรื่องนี้มีเค้าโครงมาจากชีวิตของ แฮนซาร์ด เอง นอกจากบทประพันธ์จะลงตัวแล้ว เพลงประกอบภาพยนตร์ “Falling Slowly” ที่ร้องโดยพระเอกและนางเอกของเรื่องยังคว้ารางวัลออสการ์สาขา Best Original Song รวมถึงรางวัลเอ็มไพร์ อวอร์ดกับซาวแทรคยอดเยี่ยมอีกเช่นเดียวกัน
8 Mile
หนังเอาใจขาแร๊พฮิพฮ็อพด้วยการนำ Eminem แร๊พเปอร์ชื่อดังของโลกมารับบทพระเอกหนุ่ม “จิมมี่” ที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องแร๊พชื่อก้องโลก แต่เจ้ากรรมจิมมี่ดันเป็นคนผิวขาวซึ่งดนตรีแร๊พนั้นเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของคนผิวดำไปแล้ว เจ้าหนุ่มจิมมี่เลยต้องพิสูจน์ตนเองว่าข้าก็ทำได้ คำว่า 8 Mile นั้นหมายถึงถนนที่ล้อมรอบเมืองดีทรอยท์โดยได้กลายเป็นเส้นแบ่งเขตแดนเมืองกับชานเมือง ระหว่างคนผิวดำและผิวขาว ซึ่งแน่นอนว่าปูมาขนาดนี้แล้วธีมของเรื่องก็ไม่พ้นการแบ่งแยกสีผิว แต่เรื่องนี้ยังสอดแทรกข้อคิดเรื่องการใช้ชีวิต, เพื่อน, และการไม่ย่อท้อต่อความฝันเข้ามา โดย Eminem นั้นแสดงได้สมบทบาทอย่างมากทั้งที่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาที่นอกจากจะฝากผลงานด้านการแสดงแล้ว ยังสามารถคว้าออสการ์รางวัลซาวด์แทร็คยอดเยี่ยมในเพลง “Lose Yourself” เพลงแร็พที่เขาเป็นผู้ขับร้องเองอีกเช่นกัน เรื่องเข้าฉายเมื่อปี 2002 เปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่ง Box Office ยอดรายได้สูงถึง 51.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ใน 3 วันแรกที่เข้าฉาย และโดยรายได้ทั้งหมด 242.9 ล้านเหรียญ
Nana
หนังญี่ปุ่นที่เข้าฉายเมื่อปี 2005 โดยมีเค้าโครงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อเดียวกันมาก่อนจะทำภาพยนตร์ตัวเรื่องนั้นจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของสองสาวที่มีนามว่า นานะ เหมือนกันแต่นิสัยแตกต่างกันสุดขั้ว ตัวนักแสดงได้ มิกะ นากาชิมะ ศิลปินป็อปร็อคชื่อดังของประเทศมารับบท นานะ โอซากิ นางเอกคนแรกซึ่งในเรื่องเป็นนักดนตรีที่ต้องการทำตามความฝันเป็นศิลปินจึงยอมลงทุนมาจากบ้านนอก และ อาโออิ มิยาซากิ รับบทนานะโคมัทสึ สาวซื่อๆทีมาจากต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ต้องมาพักที่อพาร์ทเมนต์เดียวกันจึงทำให้มิตรภาพระหว่างสองสาวเริ่มต้นขึ้นทั้งที่ไลฟ์สไตล์คนละแบบ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการประสบความสำเร็จด้านดนตรีเพราะนานะ โอซากิต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อจะเป็นนักร้องอาชีพและสอดแทรกเรื่องมิตรภาพระหว่างวงดนตรีรวมไปถึงความฝันของแต่ละคน ส่งผลให้โกยรายได้ไป 34.6 ล้านเหรียญและทำภาค 2 ออกมาอย่างต่อเนื่องในปี 2006 ตามกระแสเรียกร้อง
Amadeus
หนังอิงอัตชีวประวัติของ โมสาร์ท นักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ โดยใช้วิธีเล่าเรื่องผ่าน อันโตนิโอ ซาเลียรี่ (รับบทโดย เมอร์เรย์ อับบราฮัม) ที่ตามประวัติศาสตร์สนิทกับโมสาร์ท (รับบทโดย ทอม ฮัลซ์) แต่ในเรื่องนั้นวางบทซาเลียรี่เป็นตัวร้ายซึ่งอิจฉาพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานมาให้กับเพื่อนของเขา จึงต้องวางแผนขัดขวางไม่ให้โมสาร์ทรุ่งเรืองทางด้านดนตรี ซึ่งใครชอบดนตรีคลาสสิคหรือชื่นชอบโมสาร์ทรับรองว่าเต็มอิ่มไปกับเพลงของโมสาร์ทที่ใส่มาทั้งเรื่องรวมไปถึงประวัตินักดนตรีชื่อก้องโลกรายนี้ แม้ว่ารายได้จะค่อนข้างน้อยแค่ 52 ล้านเหรียญเมื่อเทียบกับการลงทุนด้านฉากหรือเครื่องแต่งกายที่อลังการเพราะเป็นหนังแนวเฉพาะกลุ่ม แต่เรื่องนี้กลับกวาดไปถึง 8 รางวัลออสการ์ทั้งภาพยอดเยี่ยม มิกซ์เสียงยอดเยี่ยม, ดารานำชายยอดเยี่ยม, คอสตูมยอดเยี่ยม และอื่นๆ จึงเป็นการการันตีคุณภาพของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีว่าเจ๋งแค่ไหน หนังค่อนข้างเก่าพอสมควรเพราะเข้าฉายเมื่อปี 1984 แต่หากใครจะหามาดูในปัจจุบันยังพอหาได้ ทั้งฉากและดนตรีแสนอลังการสมกับ 8 รางวัลออสการ์จริงๆ
The Phantom of the Opera
สุดยอดวรรณกรรมคลาสสิคที่นำมาฉายเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้งรวมไปถึงการนำมาทำเป็นละครเวที เนื้อเรื่องหลักคือการที่เจ้าแพนท่อมหลงรัก คริสทีน นักร้องโอเปร่าสาวและได้สอนเธอร้องเพลงจนคริสตินร้องเพลงเก่ง แต่คริสตินรักกับราอูลเจ้าของโรงละคร แพนท่อมรู้เข้าจึงไม่พอใจและลักพาตัวเธอมาเป็นของตนเอง ปีล่าสุดที่ทำเป็นภาพยนต์คือปี 2004 รับบทโดย เจอร์ราร์ด บัทเลอร์ แสดงเป็นแพนท่อม และ เอมมี่ รอสซัม นักร้องโอเปร่าสาวจากอเมริกาแสดงเป็นคริสตีน เนื่องจากเรื่องนี้เป็นแบบมิวสิคคัลคือต้องร้องเพลงเรื่อยๆแทบทุกฉากในการแสดงทำให้ผู้รับบทคริสทีนต้องคัดเอานักร้องโอเปร่าระดับแนวหน้ามาเล่น รวมไปถึงการใช้วงออเคสตร้าวงใหญ่มาเล่นเพลงประกอบ เรื่องนี้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Art Direction และ Best Original Song โดยภาคล่าสุดเมื่อปี 2004 นั้นสามารถโทำรายได้ถึง 154.6 ล้านเหรียญกันเลยทีเดียว
Begin Again
ภาพยนตร์ที่เข้าฉายไม่นานเมื่อปี 2013 โดยพล็อตเรื่องคือชีวิตของคนสองคนที่กำลังจะพังทลาย โดยฝ่ายชายเป็นโปรดิวเซอร์ที่ล้มเหลวในชีวิตรับบทโดย มาร์ค รัฟฟาโล ได้มาตกหลุมรักกับนักร้องสาวที่กำลังผิดหวังในความรักและจะล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักร้องรับบทโดย เคียร่า ไนท์ลี่ย์ เสียงดนตรีจึงเป็นเครื่องเยียวยาทั้งสองให้กัลบมาเริ่มต้นอีกครั้ง นอกจากนี้ยังได้ศิลปินดังอย่าง อดัม เลอวีน มาเล่นเป็น เดฟ โคห์ล นักดนตรีแฟนหนุ่มของนางเอกและยังรับจ็อบร้องเพลงประกอบภาพยนต์ Lost Star เรื่องนี้กล่าวถึงพลังแห่งดนตรีที่ช่วยชุบชีวิตคนสองคนที่กำลังหลงทางให้เข้ารูปเข้ารอย แฝงข้อคิดด้านการใช้ชีวิตและความฝันทำให้เรื่องนี้ติดลมบนในเมืองไทยภายในเวลาอันรวดเร็ว ดีกรีผลงานจากผู้กำกับเรื่อง Once ไม่ทำให้ผิดหวัง นอกจากนี้เพลง Lost Star ยังรางวัลออสการ์ในสาขา Best Original Song โดยตัวหนังสามารถทำรายได้ถึง 63.5 ล้านเหรียญ
Moulin Rouge
ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 8 สาขา และได้รับรางวัลสองสาขา จากการออกแบบเครื่องแต่งกาย และการออกแบบฉากเข้าฉายเมื่อปี 2001 โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงคริสเตียน (อีวาน แม็คเกรเกอร์) ชายหนุ่มนักเขียนที่เดินทางมายังกรุงปารีสจนเจอ มูแลง รูจ ไนท์คลับที่ชายหลายคนถวิลหา และพบรักกับ ซาทีน (นิโคล คิดแมน) นักเต้นของคลับแห่งนี้ แต่เธอนั้นเป็นเป้าหมายของท่านดุค ผู้มีพระคุณต่อผับมูแลง รูจ ความรักอันตรายจะจบลงอย่างไร เรื่องนี้โดดเด่นอย่างมากในด้านดนตรีประกอบเพราะใช้เพลงจากศิลปินดังๆไม่ว่าจะเป็น วงควีน, มาดอนน่า หรือ คริสติน่า อีกีเลร่า ซึ่งการที่ภาพยนตร์ใช้เพลงฮิตจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้เวลาเกือบสองปีในการติดต่อเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ผลตอบแทนถือว่าคุ้มค่าเพราะโกยรายได้ไปถึง 179.2 ล้านเหรียญ สองรางวัลออสการ์ และสามรางวัลลูกโลกทองคำ
9 วงอัลเทอร์เนทีฟไทยสมัยยุครุ่งเรือง
เนื่องจากวันเสาร์ที่ 18 มีนาคมนี้จะมีคอนเสิร์ต Moderndog22 ที่ฉลองครบรอบ 22 ปีวงโมเดิร์นด็อก ตำนานวงร็อคยุคอัลเทอร์เนทีฟของไทยเมื่อช่วงปี 90′ ซึ่งขณะนั้นถือเป็นยุคทองของวงร็อคหน้าใหม่ในบ้านเราอย่างแท้จริงที่ออกเพลงมาแบบไม่ง้อค่ายยักษ์ใหญ่และแจ้งเกิดกันได้หลายวง เชื่อว่าคนยุค 90′ หลายคนคงไม่พลาดที่จะไปร่วมคอนเสิร์ตนี้อย่างแน่นอน แต่วันนี้ทาง Musicarms จะขอมาเรียกน้ำย่อยก่อนด้วยการพาไปรำลึกความหลังกับ 9 วงอัลเทอร์เนทีฟที่โด่งดังในขณะนั้น
Smile Buffalo
เจ้าของเพลงดังอย่าง”ดีเกินไป”ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ปล่อยเพลงแรกมาก็ขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตเพลงตามคลื่นวิทยุอย่างรวดเร็วจนต้องไปแก้บนเล่นคอนเสิร์ตกลางสี่แยกราชประสงค์เพราะบนกับพระพรหมเอราวัณไว้ว่าถ้าขายได้เกินแสนตลับจะมาเล่นคอนเสิร์ตให้ท่านฟัง วงนี้ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน คือ เต็น (กีต้าร์), ดิษ (เบส,ร้องนำ), หนึ่ง (คีย์บอร์ด) และเชษฐ์ (กลอง) หลังจากซิงเกิ้ลแรกดังเปรี้ยงแล้วก็สามารถสานความต่อเนื่องจนค่ายยักษ์อย่างแกรมมี่ต้องดึงตัวไปเข้าสังกัดและได้รางวัลสีสันอวอร์ดในฐานะศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยมเมื่อปี 2542 ปัจจุบันแยกย้ายกันไปตามเส้นทางส่วนตัวเช่น เชษฐ์ ที่ออกไปทำเกษตรส่วนตัว แต่บางคนอย่างดิษยังเห็นหน้าในวงการซึ่งล่าสุดก็ไปเป็นแบ็คอัพให้กับ เสก โลโซ
Paradox
คุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดีกับวงร็อคเอนเตอร์เทนวงนี้เพราะยังมีผลงานมาจนถึงปัจจุบัน Paradox ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนคือ ต้าร์ (ร้องนำ,กีต้าร์), บิ๊ก (กีต้าร์), สอง (เบส) และ โจอี้ (กลอง) รวมตัวกันเนื่องจากเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยชื่อเดิมของวงคือ”หอยจ๊อ” ออกมาในยุคอัลเทอร์เนทีฟกับค่ายอีสเทิร์นสกาย เร็คคอร์ดโดยมีเพลงดังอย่าง”นักมายากล”ทำให้คนรู้จักด้วยแนวดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ จนค่ายยักษ์ใหญ่ย่านอโศกต้องดึงตัวเข้าสู่สังกัดจีนี่เร็คคอร์ดและได้ทำเพลงเพิ่มอีก 6 อัลบั้มมาจนถึงปัจจุบันและได้รับคำชมว่าเป็นวงดนตรีที่เล่นสดได้มันส์โดยมีตำแหน่งว้ากเกอร์และโจ๊กเกอร์อีกด้วย ผลงานเพลงตอนอยู่จีนี่ที่โด่งดังก็มี ฤดูร้อน หรือ น้องเปิ้ล ที่ยังคงกลิ่นอายเดิมๆเหมือนอัลบั้มแรก
Big Ass
วงร็อคแถวหน้าในปัจจุบันอบ่างบิ๊กแอสก็ใช้ช่วงเวลาเฟื่องฟูของยุคอัลเทอร์เนทีฟเป็นช่วงแจ้งเกิด โดยขณะนั้นนักร้องนำยังคงเป็น แด๊ก และสมาชิกที่เหลืออีก 4 คนคือ อ็อฟ (กีต้าร์), หมู (กีต้าร์), ต้น (เบส) และ กบ (กลอง) ภายใต้สังกัดมิวสิคบัคส์ซึ่งอัลบั้มแรกวางแผงปี 2540 หรือช่วงท้ายของยุคอัลเทอร์เนทีฟในชื่ออัลบั้ม Not Bad กับซิงเกิ้ลดังๆอย่าง”ทางผ่าน” ที่ยังคงดังมาถึงปัจจุบัน แม้ว่าล่าสุดจะยังคงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องแต่แฟนบิ๊กแอสรุ่นเก่าคงเสียดายไม่น้อยเมื่อ แด๊ก ต้องแยกทางกับวงไปออกกับวงร็อคไรเดอร์ และวงได้ เจ๋ง นักร้องนำคนใหม่มาแทน อีกคนที่ต้องออกจากวงไปคือต้นมือเบสที่ได้และได้โอ๊คมาแทน หลังจากยุคอัลเทอร์ฯแล้ววงบิ๊กแอสก็ได้มีอัลบั้มเพิ่มมาอีก 6 อัลบั้มภายใต้สังกัดจีนี่เร็คเคอร์ดในเครือแกรมมี่
ซีเปีย
วงนี้มีแต่เดิมสมาชิกเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นคือ โอ๋ เจษฎา สุขทรามร และ ปาเดย์ ภานุ กันตะบุตร ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยปล่อยซิงเกิ้ลเพลงดังที่หลายคนต้องเคยได้ยินอย่าง”เกลียดตุ๊ด”มาในปี 2537 ซึ่งบทเพลงในอัลบั้มจะเป็นแนวเสียดสีสังคมทำให้ดูแปลกใหม่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้ไว แต่เนื่องจากเป็นแนวเพลงเฉพาะกลุ่มเกินไปทำให้ยอดขายไม่ดีนัก แม้ว่าจะโดนค่ายเบเกอรี่ มิวสิคดึงตัวไปก็ไม่อาจแจ้งเกิดได้จนต้องแยกย้ายกันไปตามเส้นทาง ซึ่งโอ๋ได้ไปอยู่กับวงดูบาดูจนโด่งดังในนาม “โอ๋ดูบาดู” ส่วนปาเดย์ได้ไปเล่นเบสให้กับวงทีโบน ทำให้เส้นทางหลังจากช่วงอัลเทอร์เนทีฟนั้นคนฟังหลายคนรู้จักชื่อเสียงของทั้งสองคนมากกว่าสมัยอยู่วงซีเปียที่รู้จักแค่ชื่อเพลงเท่านั้น
อะลาดิน
วงร็อคอัลเทอร์เนทีฟที่ผสานแนวเพลงฮิพฮอพเข้ามาด้วย วงนี้ประกอบด้วยสมาชิก 5 คนคือ ยุฟ (ร้องนำ), เอ็ด (ร้องนำ), เอ็ม (กีต้าร์), มัด (เบส) ปล่อยเพลง”นางมารร้าย”มาในปี 2541 ด้วยท่อนแร๊พสุดเฟี้ยวฟ้าวเข้ากับดนตรีร็อคในสไตล์ตนเองจนดังเปรี้ยงภายในเวลาอันไม่นาน โดยเพลงอื่นๆในอัลบั้มอย่างศรีทนหรือ In Pub ต่างก็เป็นการผสานดนตรีสองแนวนี้ทั้งสิ้น จนได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ดในปี 2452 น่าเสียดายที่ค่ายทรีมิวสิคของพวกเขาในขณะนั้นเป็นค่ายเล็กและไม่ได้ดันต่อ ทำให้ชื่อของอะลาดินค่อยๆเงียบหายไป ที่พอเห็นหน้าค่าตากันบ้างก็สมาชิกอย่าง แสบ ไปร่วมวงแฮงค์แมนในฐานะมือกลองเท่านั้น
พราว
วงดนตรีจากเด็กหนุ่มคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่รวมตัวกัน 4 คน ประกอบด้วย เล็ก (ร้องนำ/กีต้าร์), เจ (กีต้าร์), แจ็ค(กีต้าร์) และ พิซซ่า (เบส) จับมือร่วมกัยภายใต้ชื่อ “วงครับ” ได้ลองทำซิงเกิ้ลขึ้นมา 6 เพลงและส่งให้กับ ยุทธนา บุญอ้อมซึ่งขณะนั้นเป็นดีเจที่คลื่นฮอตเวฟช่วยเปิดให้ โดยเพลงเหรียญสลึง และ Sleepless ได้รับความนิยมในกลุ่มแนวอินดี้พอสมควรจึงได้เซ็นสัญญากับค่ายอีสเทิร์นสกายซึ่งเป็นค่ายเพลงอัลเทอร์เนทีฟในขณะนั้นทำขึ้นมาอีก 4 เพลงให้ครบ 10 เพื่อที่จะวางขายอัลบั้มได้ โดยมีเพลงดังอย่าง “เธอคือความฝัน” ที่แต่งเพิ่มขึ้นมาและเป็นที่รู้จักในหมู่คนฟัง ปัจจุบันวงพราวต่างแยกย้ายไปทำงานส่วนตัวกันหมดเรียบร้อย
บาร์บี้ส์
เจ้าของเพลง”ตากลมๆ”ที่วัยรุ่นยุค 90 ต่างร้องกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง โดยวงนี้มีสมาชิก 5 คนคือ แพท (กีต้าร์),กบ (กีต้าร์),ซิก (เบส),ต้า (ร้องนำ)และซิ่ว (กลอง) ซึ่งแพทนั้นเริ่มจากเป็นเด็กฝึกงานที่ค่ายดนตรี Warner Music ก่อนที่ทางค่ายจะเห็นแววชวนทำเพลงจึงได้รวบรวมเพื่อนสนิทอีก 4 คนที่เหลือเริ่มทำวงบาร์บี้ส์ โดยคอนเซปต์ของวงคือแนวดนตรีแบบซาวด์สังเคราะห์ผสมร็อคซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นของแปลกใหม่และด้วยชื่อของวงทำให้หลายครั้งขึ้นคอนเสิร์ตในชุดผู้หญิงจึงได้กระแสในหมู่วัยรุ่นค่อนข้างดี วงบาร์บี้ส์เคยถึงจุดสูงสุดด้วยการเล่นเป็นวงเปิดให้กับวง Greenday ตอนมาทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองไทยมาแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามกาลเวลาซึ่งเราอาจได้เห็นต้าร์ นักร้องนำแสดงหนังอยู่บ่อยครั้ง
Nursery Sound
วงดนตรีที่โดดเด่นในเรื่องของเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ บัติ สมบัติ พิทักษ์สินธุ์ นักร้องนำของวง จนท่อนฮุค “ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า รีบๆๆออกไปหา” ของเพลง “หวาน” ฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองและสามารถขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตวิทยุได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว น่าเสียดายที่ค่าย Lepso Revolution ที่พวกเขาในเวลานั้นเป็นแค่ค่ายเล็กๆและปิดตัวลงในเวลาต่อมา ทำให้บัติและเพื่อนร่วมวงอีก 4 คนคือ ศิลป์, วุธ, อาไก่ และสาร ต้องกระจัดกระจายกันไป โดยทิ้งเพลงอย่าง”หวาน”, “คนผ่านทาง” และ”อากาศดีๆ”ให้กับวงการดนตรีไทย ตัวบัติเองก็ได้มีโอกาสออกเทปกับค่ายแกรมมี่ในชื่อ “Cutton บัติ” แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนตอนรวมวง
Modern Dog
เปิดตัวกับเพลงบุษบาได้อย่างสวยงามด้วยแนวดนตรีแปลกใหม่ในสมัยนั้น ทำให้สามหนุ่ม ป๊อด ธนชัย, เมธี และ ปวิณ โด่งดังเป็นพลุแตกในทันที โมเดิร์นด็อกเริ่มมาจาการประกวดดนตรีโค้กมิวสิคอวอร์ดและชนะวงสมายบัฟฟาโลได้อันดับ 1 มาครองจึงถูกค่ายเบเกอรี่มิวสิคค่ายเพลงน้องใหม่ในขณะนั้นจับเซ็นสัญญา ซึ่งแค่เพลงเปิดตัวก็ทำได้อย่างสวยงามต่อยอดด้วยเพลง”ก่อน” เพลงช้าที่มีเนื้อหากินใจ ทำให้วงโมเดิร์นด็อกกลายเป็นศิลปินซิกเนเจอร์ของยุคอัลเทอร์เนทีฟไปโดยปริยาย ซึ่งก็ได้ออกอัมบั้มทั้งหมด 5 ชุด ก่อนจะหายจากวงการไปถึง 5 ปีเพื่อสะสมประสบการณ์ด้วยการร่วมแจมกับศิลปินอื่นๆซึ่งเราจะได้เห็นพี่ป๊อดร้องแจมบ่อยครั้ง จนล่าสุดกลับมารวมวงกันอีกครั้งเพื่อมีคอนเสิร์ต Moderndog22 เพื่อฉลองครบรอบ 22 ปีของวง Moderndog
5 บทเพลงที่ชาวร็อคต้องแกะโซโล่ถ้าอยากเทพ !!!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนที่เล่นกีต้าร์ย่อมต้องอยากลองโซโล่กันบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้าหากจะเป็นยอดฝีมือในการโซโล่เพลงแล้ว มือกีต้าร์ทั้งหลายก็จะมีเพลงไฟต์บังคับหรือที่เรียกกันว่าเพลงชาติให้แกะกันนั่นเอง หากเป็นเพลงไทยขาร็อคทั้งหลายคงต้องเคยแกะเพลงซมซานของวงโลโซ หรือถ้าเป็นคอเพื่อชีวิตย่อมต้องแกะเพลงทะเลใจและแม่สายของงวงคาราบาว วันนี้ทาง Musicarms ก็จะขอพาไปรู้จักกับ 5 เพลงร็อคสากลที่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างและน่าแกะท่อนโซโล่อย่างยิ่ง และมือกีต้าร์เก๋าๆมากประสบการณ์หลายท่านต้องเคยแกะบทเพลงเหล่านี้มาแล้วแน่นอน
Hotel California
สุดยอดเพลงที่ดังที่สุดของวง ดิ อีเกิ้ลส์ที่ปล่อยซิงเกิ้ลนี้ออกมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 1977 กว่า 40 ปีเข้าไปแล้วที่ยังคงความอมตะไว้ได้เสมอ เพลงนี้ใช้ถึง 3 คนร่วมกันประพันธ์ขึ้นมาคือ ดอน เฟลเดอร์ แต่งด้านดนตรี และ ดอน เฮนรี่ ร่วมกับ เกล็น เฟรย์ แต่งด้านเนื้อร้อง ซึ่งตัวเนื้อร้องเองนั้นก็สามารถโยงความหมายไปได้หลายสถานการณ์แต่จากความเห็นส่วนใหญ่นั้นหมายถึงชีวิตนักดนตรีที่เมื่อเข้ามาอยู่ใน “โฮเต็ลแคลิฟอเนีย” แล้วก็จะลุ่มหลงแสงสีจนไม่สามารถถอนตัวได้ ซึ่งท่อนโซโล่กีต้าร์ของเพลงนี้มีส่วนอย่างมากที่ทำให้กลายเป็นเพลงขึ้นหิ้ง เพราะไลน์ประสานของสองยอดกีต้าร์อย่าง โจ เวลส์ และ ดอน เฟลเลอร์ นั้นลงตัวอย่างแรง ทำให้เป็นหนึ่งในเพลงตำนานที่มือกีต้าร์ต้องหากันมาแกะให้เป๊ะๆทั้งตัวโน๊ตและทำนอง ซึ่งถ้าผ่านไปได้ถือว่าฝีมือเข้าขั้นพอสมควร
Rock Bottom
เพลงครูของวง UFO วงร็อคจากประเทศอังกฤษที่ออกมาตั้งแต่ปี 1974 ซึ่งมือกีต้าร์ของวงในขณะนั้นคือ Michael Schenker ได้ฝากผลงานการโซโล่ที่มือกีต้าร์หลายคนต้องซูฮกด้วยไลน์กีต้าร์ที่เหมือนจะเบสิคแต่มีความยากในตัวค่อนข้างมาก ซึ่งหากใครเล่นเพลงนี้ได้แปลว่านิ้วของคุณมีความเร็วที่มากพอ อีกทั้งยังต้องพะวงกับสำเนียงในแต่ละจุดให้มีความไพเราะอีกด้วย ซึ่งเทคนิคของเพลงนี้ก็มีครบทั้งรูดสาย แฮมเมอร์ออน พูลอ็อฟ หรือการดันสาย เรียกว่ากว่าจะแกะได้นี่เก็บเกี่ยวเทคนิคการเล่นกีต้าร์จนปึ้กกันไปเลย ไม่แปลกที่มือกีต้าร์หลายคนยกให้เพลง Rock Bottom นี้เป็นหนึ่งในเพลงที่ยากที่สุดอีกด้วย
Highway Star
ถ้าพูดถึงมือกีต้าร์พญายมที่มีความไวลำดับต้นๆของโลกคงต้องมีชื่อของ ริชชี่ แบล็คมอร์ มือกีต้าร์แห่งวงดีพ เพอร์เพิ่ลอยู่ในลิสต์ ซึ่งแต่ละเพลงที่เล่นออกมนั้นจะแกะตามได้นี่มือหงิกกันน่าดู Highway Star จึงเป็นเพลงด่านหินที่มือกีต้าร์ใช้เป็นบททดสอบความเก่งในการโซโล่กีต้าร์กันเพียบ นอกจากเทคนิคในเพลงนี้จะมาเต็มทั้งการดันสาย การไล่สเกลแล้ว การเล่นให้ทันตัวโน๊ตของแบล็คมอร์ต้นฉบับยิ่งยากมหาหินอีกด้วย เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม Machine Head ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1972 แต่คิดดูเอาว่าเกิน 40 ปีแล้วยังไม่เสื่อมคลายจนเป็นหนึ่งในเพลงร็อคที่คนแกะโซโล่ลงโชว์ในยูทูปมากที่สุดอีกด้วย
Sweet child o’ mine
เพลงดังที่สุดของวงร็อคแห่งยุคอย่าง Gun’N Roses ที่มีสเน่ห์ตั้งแต่ท่อน Rif ท่อนแรกมาเลย ซึ่งก็เป็นเพลงในอัลบั้มแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงนี้อีกด้วย ทำให้ชื่อของ Slash นั้นโด่งดังอย่างมากในสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งความโด่งดังของเพลงนี้ก็เข้าไปอยู่ใน Top 100 Bilboard เพลงร็อคยอดเยี่ยมตลอดกาลเรียบร้อย ซึ่งสาวกเพลงร็อคต้องหามาแกะกันแทบทุกคน แม้ว่าเพลงนี้เทียบกับสามเพลงด้านบนอาจจะไม่ยากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าเป็นเพลงครูชั้นเยี่ยมได้อย่างดีเนื่องจากการใช้เทคนิกมีครบถ้วน ซึ่งหากอยากเล่นให้ได้ซาวด์แบบ Slash นั้นต้องฝึกกันอย่างหนักทั้งไล่สเกลเนียนๆไวๆเหมือนท่อนกลางหรือดันสายเป๊ะๆแบบช่วงจบ ถ้าแกะเพลงนี้แล้วเพลงร็อคทั่วไปขอบอกว่าเบๆ
Enter Sandman
เพลงขึ้นหิ้งของวงเฮฟวี่เมทัลชื่อดังจากฝั่งอเมริกาอย่างเมทัลลิก้าที่ปล่อยออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรกในอัลบั้มที่ 5 สร้างความฮือฮาให้กับชาวร็อคทั่วโลก เพลงนี้ เจมส์ ฮีทฟิลด์ มือกีต้าร์ของวงเป็นผู้ประพันธ์ทำนองเองเกือบทั้งหมด ไลน์กีต้าร์จึงมีความสวยงามลงตัวและความดุดันอย่างครบเครื่อง เรียกว่าตั้งแต่ขึ้นท่อนแรกมาก็มีคนโยกหัวแล้ว ความโดดเด่นของท่อนโซโล่เพลงนี้คือมีการใช้เอฟเฟควาล์วเป็นอุปกรณ์หลักและต้องดันสายให้เข้ากับจังหวะการเหยียบอีกด้วย รวมไปถึงนิ้วต้องไวพอสมควรในการไล่สเกลท่อนจบ มือกีต้าร์หลายคนจึงยกเพลงนี้เป็นหนึ่งในด่านหลักหรือเพลงครูที่ต้องเล่นให้เป็นหากอยากจะเป็นยอดฝีมือในการเล่นกีต้าร์