LINE


Albert King

ไปซื้อ Albert Kingที่สาขา

วันที่ 25 เมษายน นี้เป็นวันเกิดของ Albert Nelson หรือที่หลายคนรู้จักในนาม Albert King ราชาเพลงบลูส์ชื่อก้องโกล แม้ว่าเจ้าตัวจะจากไปในวัย 69 ปีเมื่อปี 1992 ที่ผ่านมา แต่หลายบทเพลงที่ Albert King สร้างสรรค์เอาไว้ยังคงเป็นอมตะที่ทำให้มือกีต้าร์รุ่นหลานนำมาเล่นกันอยู่ในปัจจุบัน วันนี้ Music Arms จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับ “Albert Nelson” หนึ่งใน “The Three Kings” ฉายามือกีต้าร์บูลส์ชั้นเลิศได้แก่ Albert King, B.B King และ Freddie King ว่ามีความยอดเยี่ยมเพียงใดจึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดมือกีต้าร์บลูส์ระดับโลก

https://youtu.be/64kK6HalBs8

Albert Nelson เป็นชาวผิวสีที่เกิดในรัฐมิสซิสซิปปี ประเทศอเมริกาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 1923 โดยชีวิตวัยเด็กนั้นค่อนข้างลำบาก พ่อกับแม่ของเขาแยกทางกันเมื่ออายุได้ 5 ปีเท่านั้น แต่เจ้าตัวรักในเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ทำกีต้าร์ใช้เองตอนอายุ 5 ขวบ ซึ่งประดิษฐ์จากกล่องซิการ์ผุกกับไม้กวาด ก่อนที่จะเก็บหอมรอมริบซื้อกีต้าร์ตัวแรกในชีวิตด้วยราคา 1.25 ดอลลาร์ แต่ด้วยความที่เป็นคนถนัดซ้าย ทำให้ต้องกลับหัวกีต้าร์เล่นและเรียนรู้ด้วยตนเองเนื่องจากสมัยนั้นการเรียนดนตรีต้องมีฐานะพอสมควร

Albert-King-ประวัติ

ด้วยความที่ Albert Nelson เป็นคนรูปร่างใหญ่ สูงถึง 193 ซม. น้ำหนัก 110 กก. ทำให้ลักษณะนิ้วของเขาอ้วนป้อม แต่กลับกลายเป็นข้อดีเพราะเวลาที่เขาดันสายเดียวกลับไปโดนสายอื่น บางครั้งดันควบไปถึงสามสายก็มีกลายเป็นเทคนิคดันสายที่ไม่เหมือนใครและเข้ากับเอกลักษณ์เพลงบลูส์อย่างมาก อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็ฯคนที่ใช้ปิ๊กกีต้าร์ไม่คล่องเพราะขนาดมือใหญ่ จึงเปลี่ยนมาใช้นิ้วมือดีดแทนซะเลย กลายเป็นว่าได้ซาวด์ที่มีความแปลกใหม่กว่าคนอื่น และการที่ต้องกลับหัวกีต้าร์เล่น จากที่ต้องดันสายขึ้น ตัว Albert กลับดันสายลง จนกลายเป็นความพิเศษที่ไม่ซ้ำใครในยุคนั้น

Albert-King-1973

เจ้าตัวชื่นชอบดนตรีบลูส์อย่างมากจนได้ร่วมวง Groove Boys ในอเมริกา ก่อนที่จะแยกตัวออกมาทำเพลงเอง แต่หนทางช่วงแรกนั้นลำบากอย่างมาก ซิงเกิ้ล Bad Luck Blues แรกของเจ้าตัวนั้นทำยอดขายแค่หลัก 10 แผ่นเท่านั้นจนต้องกลับไปตระเวนเล่นดนตรีตามไนท์คลับ ในช่วงตระเวนเล่นนั้นเองชีวิตก็พลิกผันเมื่อได้รับความสนใจจาก King Records ค่ายเพลงบลูส์ จนทำเพลง “Don’t Throw Your Love on Me So Strong” ในปี 1961 ติดบิลบอร์ดชาร์ตเพลงบลูส์อันดับที่ 14 จากนั้นกราฟชีวิตของ Albert Nelson ก็กลายเป็นขาขึ้นทันที

Albert-King-Essential-Blues-Credit-David-Redfern-Redferns@1400x1050

เมืองเกิดของ Albert Nelson คือเมืองเดียวกับ B.B King (อินเดียนาโนลาในรัฐมิสซิสซิปปี) เจ้าตัวจึงบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่สมัยนั้นยังไม่มีเอกสารยืนยันจึงเป็นเพียงคำกล่าวอ้างเท่านั้น ตั้งชื่อกีตาร์ของเขาว่าลูซี่ (กีตาร์ของบีบีคิงชื่อลูซิลล์) จนเคยเกือบถูก B.B King ฟ้องร้องเอาเรื่องกันเลย จากปากคำของ B.B King ว่า “เขาก็พูดไปทั่วว่าเป็นพี่ชายของผม สร้างความรำคาญให้ผมมาก จนผมได้รู้จักเค้าและบอกว่าเขาไม่ใช่พี่ชายของผมโดยสายเลือด แต่เขาเป็นพี่ชายของผมในเพลงบลูส์ ”

Albert and BB

ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ B.B King, Albert Nelson จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Albert King ในปี 1953 ช่วงแรกนั้นกระแสไปทางลบเพราะ B.B King เป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอยู่ก่อนแล้ว บางคนเข้าใจว่าแค่ตั้งตามคนดังเท่านั้น แต่ในปี 1968 เวทีฟิลมอร์ ออดิตอเรียม ซาน ฟรานซิสโก Albert King ได้เล่นเป็นวงเปิดให้กับ Jimi Hendrix สุดยอดมือกีต้าร์สมัยนั้น และนี่คือเวทีที่ส่งให้ชื่อของ Albert King ก้องโลกทันที เพราะเขาถ่ายทอดบทเพลงได้อย่างลึกซึ่งยอดเยี่ยมจนได้รับการชมว่าไม่แพ้เจ้าของเวทีอย่าง Hendrix เลย และนาทีนั้นไม่มีใครไม่รู้จัก Albert King อีกแล้ว

3kings

จากคนที่เคยโดนเยาะเย้ยว่า “เลียนแบบ” กลับกลายเป็น 1 ใน 3 ราชาเพลงบลูส์ด้วยฝีมือล้วนๆ จุดสูงสุดของเขาคือการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่อวอร์ดถึง 2 ครั้ง ในปี 1983 และ 1984 น่าเสียดายที่เจ้าตัวมีปัญหาด้านสุขภาพ ป่วยออดๆแอดๆมาตลอดจนเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 1992 บทเพลงของเขาหลายบทเพลงถูกยกขึ้นหิ้ง เจ้าตัวได้รับการยอมรับจากวงการเพลงบลูส์ให้เป็นตำนาน และความฝันของ Albert ก็สำเร็จอย่างสวยงามเมื่อภาพชายผิวสีร่างใหญ่กับกีต้าร์ Flying V ได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาเคียงคู่กับ “ลูกพี่ลูกน้อง” ที่เขาต้องการมาตลอดทั้งชีวิต

Music Arms