LINE


5 วิธีการเลือกซื้อกลองชุด

ไปซื้อ 5 วิธีการเลือกซื้อกลองชุดที่สาขา

หากคุณมีความชื่นชอบดนตรีและคุณเลือกที่อยากจะตีกลองให้ได้แบบ Idol ของคุณอย่าง ชัช บอดี้สแลม, กานต์โปเตโต้, หรือมือกลองดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง เซฟ The toys หรือมือกลองระดับโลกอย่าง Steve Gadd, Eric Clapton, Luke Holland แต่คุณยังไม่มีกลองเป็นของคุณเอง วันนี้เราจะช่วยคุณพิจารณาว่าหากคุณจะซื้อกลองเป็นของตัวคุณเอง คุณควรพิจารณาข้อใดบ้าง วันนี้เราขอเสนอ 5 ข้อเพื่อช่วยให้การตัดสินใจในการซื้อกลองของคุณนั้นง่ายขึ้น

Shell Packs or Complete Drum Set

1.1 ซื้อแบบแยกชิ้น (Shell Packs) หมายถึง การซื้อแบบมีแค่ตัวกลองเท่านั้นโดยที่ไม่มี Cymble, Hardware อื่น ๆ ให้คุณเลย ข้อดีของการซื้อแบบนี้คือมักจะได้กลองที่มีคุณภาพสูง ได้เลือกอัพเกรดอุปกรณ์ของคุณได้อย่างอิสระ และแนะนอนมันแลกมาราคาที่คุณกล้าจ่ายเพื่อให้ได้ครอบครอง (เรียกได้ว่าถูกใจไม่มีคำว่าแพงกันเลยที่เดียว) ด้วยเหตุผลนี้ Shll Packs จึงเหมาะสมสำหรับมือกลองที่อยู่ในระดับกลางไปสู่มือกลองระดับสูง แต่หากคุณเป็นผู้เริ่มต้นแนะนำให้ซื้อกลองที่ครบชุดมาเลยจะเหมาะสมกว่าเนื่องจากราคากลองที่ถูกกว่ามาก

1.2 ซื้อแบบครบชุด (Complete Drum Set) หมายถึง เป็นกลองชุดที่มีมาให้แล้วครบเซ็ตทั้งตัวกลอง Cymble,  Hardware โดยคุณจะไม่ต้องกังวลเลยว่าในชุดนั้นจะขาดเหลืออุปกรณ์ใดบ้าง (เรียกได้ว่าจ่ายครบอุ่นใจพร้อมตีกันเลยทีเดียว)  และหากคุณจะกลัวเรื่องคุณภาพของกลองแล้วละก็ไม่ต้องห่วงเลยในยุคสมัยนี้กลองครบชุดได้มาตรฐานมีอยู่ในราคาหลักพันก็มีให้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันแล้ว

อุปกรณ์กลองของคุณควรเริ่มต้นด้วยกี่ชิ้น 4-5 , 30 !!!

แน่นอนว่าหากคุณเป็นคนชอบตีกลองคุณก็จะมีสไตล์ในการเล่นของคุณตั้งแต่การเซ็ตอัพกลองแบบง่าย ๆ 4 ชิ้น ที่ตำนานชาวแจ้สที่ใครต่อใครก็ต่างชื่นชอบ ไปจนถึงการเซ็ตอัพกลองขนาดใหญ่จำนวนเยอะชิ้นที่ชาวร็อคอย่างเราชื่นชอบ แต่ถึงอย่างนั้นความจริงแล้วควรเลือกกลองชุดพื้นฐานที่เริ่มต้นด้วย 4 ชิ้นหรือ 5 ชิ้น ง่าย ๆ ก่อนหากภายหลังจำเป็นจะต้องเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ก็สามารถที่จะอัพเกรดอุปกรณ์ของคุณได้

  • ขนาดมาตรฐานของกลอง

หากข้อนี้คุณสงสัยว่าทำไมเราถึงจำเป็นต้องรู้ในข้อนี้ด้วยนะ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน อันดับแรกแน่นอนว่ากลองนั้นมีหลากหลายใบหลากหลายขนาดและเสียงที่แตกต่างกัน หากวันใดวันนึงคุณกำลังเมามันกับการตีกลองของคุณแบบชนิดที่เรียกว่า ดุดัน ไม่เกรงใจเพื่อนบ้านจนทำให้หนังของคุณแตกหรือเกิดการชำรุดจากการกระแทกแรง ๆ คุณจะสามารถข้อมูลเอาไว้เพื่อซื้อหนังมาเปลี่ยนให้ถูกกับขนาดไซค์ของกลองคุณนั่นเอง

กลอง (Drums)

– Snare จะมีขนาด 14×5.5 นิ้ว

– Toms 1, 2 ขนาด 10×7, 12×8 นิ้ว

– Floor Tom ขนาด 16×15 นิ้ว

– Bass drum หรือ Kick ขนาด 22×17 นิ้ว

(อ้างอิงข้อมูลจาก Yamaha Stage Custom Birch)

ฉาบ (Cymble)

– Hi-hat ขนาด 14 นิ้ว

– Crash  ขนาด 16,18 นิ้ว

– Ride ขนาด 20 นิ้ว

(อ้างอิงข้อมูลจาก Zildjin ZBT Special Set)

อย่างไรก็ตามเมื่อคุณอยากที่จะได้สีสันของเสียงที่คุณตีเปลี่ยนสไตล์การเล่นคุณก็สามารถที่จะอัพเกรดอุปกรณ์ของคุณเพิ่มขึ้นต่อไปได้

เป็นไม้เหมือนกันใช่ว่าจะได้เสียงที่เหมือนกัน

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าเสียงของกลองนั้นเกิดจากการทำให้หนังเกิดการสั่นสะเทือนส่งการสั่นสะเทือน เข้าผ่านตัวถังของกลอง (Shell Drum) ด้วยเหตุผลเหล่านี้จะสังเกตุได้ว่าความสั่นสะเทือนที่เราส่งผ่านเข้าไปนั้นจะเกิดจากทั้ง ตัวถังกลองทำจาก หนังที่เราใส่ ไม้ที่ใช้ตี น้ำหนักในการตี การตั้งเสียงกลอง ฯลฯ ในที่นี้เราจะมาพิจารณาจากเหตุผลอันแรกก่อนว่า เป็นกลองที่ทำจากไม้เป็นไม้เหมือนกันแต่ให้ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันนะ ทั้งนี้เราจะมาพูดถึงไม้ 3 ชนิดที่เป็นมาตรฐานและมีราคาที่จับต้องได้

4.1 Maple (ไม้เมเปิ้ล) เป็นไม้ที่นิยมกันมากที่สุดข้อดีของไม้เมเปิ้ลคือมีการโค้งงอได้ดีและทนต่อแรงบีบอัด เหมาะสำหรับที่จะนำไปตกแต่งด้วยเทคนิคต่าง ๆ ผู้ผลิตกลองส่วนใหญ่จึงนิยมที่จะใช้ไม้เมเปิ้ลในการผลิตกลองเนื่องจากคุณสมบัติพิเศษตรงนิ้ พลังเสียงของไม้เมเปิ้ลเป็นพลังเสียงแห่งคุณภาพที่เป็นความสมดุลกันได้อย่างลงตัว มีการผสมผสานของความลึก, Sustain กลองชุดที่ผลิตจากไม้เมเปิ้ลนั้นจะเป็นที่ชื่นชอบในเหล่า Sound engineers , recording และเหล่าศิลปิน เนื่องจากง่ายต่อการมิกซ์เสียงและการบันทึกเสียงจึงทำให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์สำหรับงานแสดงบนเวทีหรืองานในระดับสตูดิโอ

4.2 Brich (ไม้เบิร์ช) มีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าไม้เมเปิ้ลก็คือ ช่วงความถี่ของเสียงที่มากกว่าไม้เมเปิ้ลและส่วนช่วงเสียงที่ต่ำจะให้ความรู้สึกที่ตอบสนองได้ดีรวดเร็วรุนแรงและหาจุดโฟกัสได้อย่างชัดเจน ไม้ชนิดนี้สามารถให้เสียงที่นุ่นนวลรื่นหูได้อย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อตั้งระดับเสียงให้อยู่ในระดับสูงหรือปานกลางจะได้เสียงที่นุ่มนวล, หวาน เมื่อตั้งเสียงกลองให้อยู่ในเสียงที่ต่ำจะได้เสียงที่ลึกดุดันแต่ยังคงความสมดุลไว้ได้เป็นอย่างดี และเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงทนทานเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการเรียนรู้การตีกลองในสไตล์การตีกลองในรูปแบบต่าง ๆ

4.3 Mahogany (ไม้มะฮอกกานี) เป็นไม้พบได้น้อยที่สุดในการทำกลองเนื่องจากเป็นไม้ที่หายากและพบได้น้อย แต่มือกลองจะรู้จักกันเป็นอย่างดีหากอยากได้เสียงกลองที่มีความอบอุ่น วิเทจ (Vintage tone) เมื่อตั้งเสียงระดับกลางจะได้เสียงที่นุ่มนวลและได้เสียงต่ำที่ลึกอบอุ่น ไม้มะฮอกกานีจึงเป็นที่นิยมใช้กันในหมู่ชาวกลองแจ้ส

หากคุณกำลังสงสัยว่าแล้วนอกจากไม้ทั้ง 3 นี้แล้วมีไม้ชนิดไหนหรือวัสดุไหนที่สามารถนำมาทำกลองได้อีกมั้ยนะ ครั้งหน้าเราจะมาพูดถึงวัสดุชนิดอื่น ๆ ที่นำมาทำกลอง เสียงที่ได้แตกต่างกันอย่างไรและสามารถผสมไม้แต่ละชนิดได้มั้ยรอติดตามต่อไปได้เลย

 

ที่มา : http://www.drumthai.com/article/articledetail.asp?QID=8

          https://ehomerecordingstudio.com/best-drum-sets/

 

งบประมาณที่คุณมี

แน่นอนหากคุณได้อ่านบทความนี้ตั้งแต่ต้นคุณจะสามารถพิจารณาได้เองเลยว่าหากเรามีงบประมาณที่จำกัดควรจะพิจารณาเลือกกลองแบบไหนให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด หรือหากเรามีงบเยอะแบบชนิดที่ว่าถูกใจไม่มีคำว่าแพงแล้วละก็เลือกพิจารณาคัดสรรค์กลองของคุณได้อย่างอิสระตามที่คุณตั้งใจได้เลย

หากพูดถึงเรื่องของกลองจริง ๆ แล้วยังไม่จบเพียงเท่านี้ในครั้งหน้าเราจะมาพูดถึงในเรื่องต่าง ๆ ที่เจาะลึกกันลงไปอีกเพื่อให้คุณได้สนุกกับเสียงกลองที่หลากหลายและบางเรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้แล้วพบกัน ขอบคุณครับ -/\-

Music Arms