แฉหรือฉาบเป็นส่วนประกอบหลักที่ขาดไม่ได้เลยในกลองชุด นอกจากจะใช้เป็นตัวเคาะคุมจังหวะใน 1 ห้องแล้ว ยังเอาไว้ใช้เวลาส่งเข้าท่อนเพลงอื่นๆ หรือเพื่อทำให้อารมณ์เพลงมีความน่าสนใจน่าตื่นเต้นเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ปกติแล้วกลองชุดส่วนใหญ่จะให้แฉมา 3 แบบ ซึ่งแฉในโลกนี้มีมากกว่านั้นมากมายหลายแบบ บางประเภทก็ใช้ในเพลงมาร์ชหรือวงโยธวาฑิต วันนี้ Music Arms จะมาพูดถึงแฉในกลองชุดที่นิยมใช้กันว่ามีอะไรบ้าง เผื่อเพื่อนๆมือกลองคนไหนที่กำลังมองหากลองชุดหรือจะอัพเกรดกลองชุดตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แฉ Hi-hat

เป็นแฉที่กลองชุดทุกรุ่นทุกยี่ห้อต้องมีติดเอาไว้เพราะเป็นอะไหล่ที่สำคัญที่สุดในการเคาะให้จังหวะ ลักษณะแฉสองใบเหมือนกับแฉในวงดุริยางค์แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยทั่วไปนิยมใช้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 14-15 นิ้ว แฉทั้งสองใบนี้ไม่ใช้เชือกหนังร้อยสำหรับถือ เพราะมีขาตั้งรองรับ ใบที่หนึ่งใส่ลงบนขาตั้งโดยให้ด้านนูนอยู่ด้านล่าง จะมีแผ่นโลหะและสักหลาดรองรับ อีกใบหนึ่งใส่ลงบนขอตั้งโดยให้ด้านนูนอยู่ด้านบนมีที่ไขติดอยู่กับแกนของขาตั้งโดยกะระยะให้ห่างกันพอประมาณ เพื่อไม่ให้แฉทั้งสองใบชิดติดกัน ช่วงล่างสุดมีกระเดื่องเหมือนกับกลองใหญ่สำหรับเหยียบให้แฉทั้งคู่กระทบกันไฮแฮทมีหน้าที่คอยขัดจังหวะหรือช่วยหนุนกลองเล็ก เน้นจังหวะขัดให้กระชับยิ่งขึ้น

แฉ Ride

คำว่า Ride แปลเป็นภาษาไทยได้ว่าควบ หรือไปพร้อมกัน ซึ่งในที่นี้คือการ”ควบ”โน๊ตอื่นๆ นั่นหมายถึงลักษณะเสียงของแฉนี้จะค้างยาวนาน เป็นเสียง Sustain ที่เชื่อมต่อดนตรีอีกห้อง ลักษณะเป็นแฉฝาเดียว วางบนขาตั้งแฉ สีสันของเสียงจะบางเบากว่าแฉส่ง ใช้ตีคลอในบทเพลงเมื่อเวลาต้องการเสียงแฉให้ดังค้างแบบต่อเนื่อง ปกติแล้วแฉ Ride จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าแฉ Crash อยู่เล็กน้อย

แฉ Crash

คำว่า Crash หมายถึงเสียงดัง ในลักษณะการชน หรือพูดง่ายๆคือเป็นลักษณะเสียงที่กังวานแต่ช่วง Sustain สั้น ซึ่งบ่งบอกเสียงของแฉประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี ลักษณะเป็นแฉฝาเดียว วางบนขาตั้งฉาบ เสียงดังอึกทึก ตีตอนเริ่มท่อนเพลงใหม่ หรือตอนจบที่ต้องการสีสันแบบสนุกสนาน อึกทึกครึกโครม เร้าใจ ปกติแล้วแฉ Crash มักจะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากเนื่องจากแฉประเภทนี้ต้องการเสียงสั้น มักจะเป็นแฉเดียวที่อยู่ด้านซ้ายมือกลองชุด

แฉ Splash

Splash แปลว่ากระจาย ลักษณะเสียงของแฉนี้จึงเป็นซาวด์ที่ให้ความรู้สึกแตกกระจาย ลักษณะเป็นแฉฝาเดียวขนาดเล็ก วางบนขาตั้งแฉ ขนาดเล็กประมาณ 9-12 นิ้ว  ใช้ตีในส่วนที่ต้องการเน้นเสียงแฉ แต่ไม่ต้องการให้ดังแบบอึกทึกครึกโครมเหมือนแฉส่ง  ทำให้บทเพลงเกิดสีสันที่น่าสนใจ แปลกหู กลองชุดส่วนใหญ่จะเลือกให้แฉ Crash หรือแฉ Splash มาแบบเดียวเนื่องจากเนื้องเสียงจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ในบางเพลงอาจต้องใช้แฉทั้งสองประเภทนี้ควบคุ๋กันไป

แฉ China

เป็นแฉที่เพิ่งมานิยมใช้ในกลองชุดช่วงหลังแต่กลับกลายเป็นว่าได้รับความนิยมสูงมากเนื่องจากมีลักษณะซาวด์ที่แตกต่างจากแฉประเภทอื่นๆ คำว่า China นั้นมาจากที่มาของแฉนั่นคือประเภทจีน หรือเอามาจากคณะเชิดสิงโตนั่นเอง ลักษณะของแฉจะเป็นแฉใบใหญ่ที่มีลักษณะหงาย หรือกลับด้านจากแฉอื่นๆ เสียงที่ออกมาจะกังวานมากที่สุดหรือคล้ายแฉคณะสิงโตจีน นิยมใช้ในเพลงที่ต้องการซาวด์แหลมกังวานเป็นพิเศษ

และนี่คือ 5 ประเภทหลักของแฉที่นิยมใช้ในกลองชุด ซึ่งถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจที่จะเพิ่มแฉให้กลองชุดตัวเองก็สามารถเดินเข้ามาปรึกษากับทีมงาน Music Arms ทั้ง 4 สาขาทั่งกรุงเทพกันได้เลย และนอกจากสาขาในกรุงเทพแล้ว เวลานี้เรายังเปิดสาขาใหม่ที่เดอะมอลล์ โคราชเอาใจแฟนๆภาคอีสานกันอีกด้วย รับรองว่ากลองชุดของเพื่อนๆจะมีความครบเครื่องกว่าเดิม สามาถเล่นเพลงได้หลากหลายมากขึ้นและใช้งานแฉได้ถูกประเภทจะทำให้เพลงไพเราะมากขึ้นอีกด้วยเช่นกัน