Monthly Archives: ตุลาคม 2019
เปรียบเทียบกันชัดๆ Yamaha F310 กับ Epiphone DR-100 กีต้าร์โปร่งในตำนาน รุ่นไหนดีกว่ากัน?!
ท้ง Yamaha F310 และ Epiphone เป็นกีต้าร์ราคาเบาๆที่มีแบรนด์ดังทั้งคู่ ทาง Yamaha จะออกแบบมาให้เหมาะกับคนเอเชียมากกว่าทั้งเรื่องเสียงที่แนว บาง นุ่ม คอเล็ก น้ำหนักเบา แต่ก็มีนักดนตรีหลายคนชื่นชอบซาวด์หนาๆแบบฝั่งอเมริกา และถ้าเป็นคนมือใหญ่แล้วจะเล่น Yamaha ไม่ถนัดมากเนื่องจากเฟรตแคบ อาจต้องย้ายมาเป็น Epiphone ดีกว่า คุณภาพเสียงถือว่าคุ้มค่าทั้งคู่ อยู่ที่ความชอบของผู้ซื้อแล้วว่าแนวไหน ถ้าให้เลือกคงลำบาก ขอเก็บเธอไว้ทั้งสองคนเลยจะดีกว่า หรือถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากฟังเสียงจริงๆ มาจับกีต้าร์ตัวเป็นๆ ลองได้ที่ Musicarms ทั้ง 6 สาขา อาจจะถูกใจทั้งสองรุ่นนี้มากกว่าเดิม
รีวิว กีต้าร์โปร่ง Mantic รุ่น AG-2CE
รีวิว กีต้าร์โปร่ง Taylor รุ่น 214CE ES2
อย่างแรกจะเห็นได้ว่าเป็นทรง GA หรือแกรนด์ ออดิทอเรียม ทรงนี้จะเหมาะสำหรับคนตัวเล็ก และเป็นทรงบอดี้ที่ให้เสียงเต็ม ได้ทั้งตีคอร์ดและเล่นแบบเกา
แน่นอนว่ากีต้าร์ระดับนี้ไม้หน้าต้องเป็นท็อปโซลิดหรือไม้แท้แผ่นเดียวซิทก้าสปรู๊ซ เสียงนุ่มละมุน หลายคนชอบไม้ท็อปโซลิดเนื่องจาก พอเก็บไว้นานแล้ว เสียงกีต้าร์จะนุ่มนวลมากขึ้น เนื่องจากน้ำในตัวไม้ระเหยออกหมดตามเวลา ทำให้ไม้แห้ง เสียงจะคมใส บอดี้ข้างและหลังโรสวู่ด ลายไม้สวยงาม เพิ่มมิติเสียงหนาเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วมือกีต้าร์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รุ่นนี้ เสียงใส เด่นชัด
มาดูส่วนคอกันบ้าง คอนั้นทำจากไม้สปีลี่ หรือแอฟริกันมะฮอกกานี เป็นไม้ที่แข็งแรง ให้โทนเสียงเดียวกับมะฮอกกานี วางโครงกีต้าร์ภายในแบบ Forward Shifted ช่วยให้ตัวบอดี้เชื่อมกับคออย่างแข็งแรง ฟิงเกอร์บอร์ดอีโบนี่ สีสวยงามซาวด์นุ่มๆ อินเลย์ลายจุดเด่นชัด
ส่วนหัวนั้นทำทรง Taylor เป็นเอกลักษณ์ ส่วนหัวทำจากไม้อินเดีนโรสวู้ด ลูกบิดหลังกลมชุบโครเมี่ยมสีเงิน ยึดสายแน่นไม่มีเพี้ยน ค่อนข้างหนืดกว่ากีต้าร์ราคาระดับล่าง ตรงช่วง Nut ทำเพลทสีดำสวยงาม Nut ทำจาก Nubone หรือกระดูกสังเคราะห์ สามารถรองสายได้ดีไม่สึกหรอสมราคา และ Saddle จากกระดูกสัตว์ ตัวบอดี้นั้นทำขอบไบดิ้งสีขาวเพื่อความสวยงาม ซาวด์โฮลลายเปลือกหอยดูเรียบหรู ปิ๊กการ์ดลายกระดองเต่า และที่พิเศษคือเคลือบบอดี้และคอแบบด้านมาให้ ช่วยให้เล่นง่ายขึ้น เวลามือเปียกเหงื่อจะไม่ฝืดมาก รูดคอรูดสายง่ายลื่นปรู๊ดๆ ไม่มีสะดุด
ภาคไฟฟ้าเป็นรุ่น ES2 ตามชื่อเรียกเต็มอย่างเป็นทางการว่า Expression system 2 เป็นปิ๊กอัพที่ฝังในตัวกีต้าร์ มีปุ่มคอนโทรลออกมา 3 ปุ่ม คือปุ่มปรับ Volume, Treble, Bass ตัวปิ๊กอัพวางไว้ตรง soundboard ซึ่งจะช่วยให้ได้เสียงอะคูสติกมาก เพราะรับการสั่นจากไม้หน้า และยังปรับมาใช้ถ่าน 9V ที่หาได้ง่าย รุ่นนี้แทบไม่ต้องปรับ EQ กันเลยนะครับ เพราะทาง Taylor เซ็ทมาจากโรงงานอย่างดี รับประกันเสียงใสๆกันได้เต็มที่
ข้อดี
- แน่นอนว่าระดับกีต้าร์ Taylor นั้นแทบไม่มีข้อติ ซาวด์ใสชัดเจน เล่นได้ทุกแนวเพลง
- วัสดุไม้ การประกอบทั้งหมดอยู่ในระดับสูง คอ ทัชชิ่ง แทบไม่ต้องปรับ
- การตั้งค่าจากโรงงานทำได้ดี คอบางเล่นง่าย สตรัมคอร์ดได้ เกาก็เยี่ยม
- และยังได้ภาคไฟฟ้ามาแบบจัดเต็ม ถือว่าสมราคากีต้าร์ระดับนี้อย่างมาก
ข้อเสีย
- อย่างไรก็ตามใช่จะไม่มีข้อติเลย ที่เห็นได้ชัดคือภาคไฟฟ้าที่ทาง Taylor นั้นเซ็ทค่ามาจากโรงงานเรียบร้อย
- การปรับค่าเสียงได้แค่ Treble, Bass ทำให้ความหลากหลายของซาวด์ค่อนข้างแคบ มีนักดนตรีบางคนที่อยากปรับซาวด์เป็นของตนเองแต่ทำได้ไม่เต็มที่นัก
- เรียกว่าเสียงจะเป็นแนว Taylor ชัดเจนเกินไปก็ว่าได้
สรุปเลยแล้วกันว่าเจ้า Taylor รุ่น 214CE ES2 นี้ถือว่ายอดเยี่ยมคุ้มราคาถูกเม็ด ใครต้องการหากีต้าร์โปร่งไฟฟ้าที่ตัวเดียวจบ ก็ต้องแนะนำกันเลย เพราะเทียบกันแล้วเหนือกว่ารุ่นกลางๆอย่างชัดเจน ครอบคลุมทุกการใช้งาน ซาวด์ใสกิ๊งชัดเจน ออกงานได้สบายๆ รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวัง ถ้าอยากรู้เสียงชัดๆว่าเป็นยังไง เชิญมาลองได้ที่ Musicarms ทั้ง 3 สาขา เลยนะคร๊าบบบบบ
Veelah To Go M VS Sigma TM-15
อันดับแรกเรื่องราคาถือว่าสูสีกันเพราะอยู่ในเรท 6000 ทั้งคู่ โดยทาง Sigma TM-15 จะมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย บอดี้นั้นใช้ไม้มะฮอกกานีเป็นไม้หลักเช่นเดียวกัน และยังได้ไม้หน้าเป็นท็อปโซลิดมะฮอกกานีทั้งคู่ เรียกว่าเทียบวัสดุไม้ส่วนบอดี้แล้ว แทบไม่ต่างกันเลย สีบอดี้จะเป็นสีทึบคล้ายคลึงกันทั้งสองรุ่น
ส่วนคอทั้งสองรุ่นนี้เป็นคอมะฮอกกานีเช่นเดียวกัน แม้จะเป็นกีต้าร์ไซส์เล็ก แต่ได้เฟรตเต็ม เล่นได้ครบถ้วนเช่นเดียวกับกีต้าร์ทรง 41 นิ้ว ฟิงเกอร์บอร์ดของ Veelah To Go M จะเป็นไม้โรสวู้ด ส่วนของ Sigma TM-15 จะเป็นวัสดุสังเคราะห์มิคาร์ตา ซึ่งมิคาร์ต้าจะมีจุดเด่นเรื่องความนิ่มกว่าไม้โรสวู้ด การจับคอร์ดจะทำได้ง่ายกว่า ให้เสียงโทนหนาเช่นเดียวกัน
ดูวัสดุไม้ไปแล้ว มาต่อกันเรื่องดีไซด์ ทั้งสองรุ่นจะออกแบบมาคล้ายกัน แต่ Sigma TM-15 มีมีขอบตรงโพรงกลางเด่นชัดกว่า ตัดกับบอดี้ ส่วนของ Veelah จะใช้การสลักลวดลายตรงโพรงซึ่งดูเรียบกว่า ตรงนี้อยู่ที่ความชอบของผู้ใช้งาน แต่ทาง Musicarms เห็นว่าของ Sigma จะดูสวยงามกว่าเล็กน้อย ในส่วนลูกบิดเป็น Mini Die-cast ชุบโครเมี่ยมเช่นเดียวกันไม่แตกต่างกันมากนัก
เสียงต่างกันอย่างไร
เนื่องจากทั้งสองรุ่นใช้วัสดุไม้แบบเดียวกัน ทำให้ซาวด์ออกมาใกล้เคียงกันอย่างมาก แตกต่างที่ฟิงเกอร์บอร์ด ทาง Sigma จะมีโทนเสียงที่หนากว่าเล็กน้อย แต่แทบไม่รู้สึกถ้าไม่สังเกตุกันดีๆ Veelah จะได้โทนเสียงหนานุ่ม และเสียงกลางออกชัดกว่า เสียงตีคอร์ด Sigma จะอวบหนากว่า แต่ถ้าด้านความหลากหลายขอยกให้กับ Veelah ที่เสียงไม่หนาจนเกินไป จะเล่นแนวเกาก็ยังไหว
จุดเด่น Veelah To Go M
-
ราคาเบาๆ ได้ไม้หน้าท็อปโซลิด
-
งานประกอบได้คุณภาพ
-
แบรนด์ดังตีตลาดในไทย เชื่อถือได้
จุดเด่น Sigma TM-15
-
ราคาเบาๆ ได้ไม้หน้าท็อปโซลิด
-
งานประกอบได้คุณภาพ
-
ฟิงเกอร์บอร์ดมิคาร์ตา นุ่มมือกดคอร์ดง่าย
สรุป
ถือเป็นกีต้าร์สองตัวที่กินกันไม่ลงเลยทีเดียว เพราะคุณภาพดีด้วยกันทั้งคู่ โดยเฉพาะเรื่องงานประกอบที่ทำออกมาได้ดีและทนทาน แตกต่างกันแค่ฟิงเกอร์บอร์ด หากใครอยากกดคอร์ดนุ่มๆลื่นๆ อาจจะเลือก Sigma แต่ก็ต้องแลกด้วยราคาที่สูงขึ้นซักนิด อันนี้แล้วแต่งบประมาณของแต่ละคน แต่ทาง Musicarms รับประกันได้ว่าทั้งสองรุ่นเสียงดีเกินราคา ได้มาตรฐานสำหรับกีต้าร์พกพา เหมาะกับคนชอบท่องเที่ยวที่ต้องแบกกีต้าร์บ่อยๆ ถ้าอยากสัมผัสกีต้าร์ตัวเป็นๆหรือลองเสียง เชิญได้เลยที่ Musicarms ทั้ง 3 สาขา แล้วคุณจะได้คำตอบด้วยตัวคุณเอง !!!
Yamaha ERG-121U VS Squier Affinity Strat
อย่างแรกสุดคือเรื่องยี่ห้อ ซึ่งก็คงสอบผ่านทั้งคู่เพราะเป็นแบรนด์ที่คุ้นหูนักดนตรีไทยมายาวนาน เรื่องราคานั้นทาง Squier จะสูงกว่าเล็กน้อย แต่จะได้เปรียบเรื่องวัสดุไม้เพราะตัวบอดี้ทำจากไม้เอลเดอร์เช่นเดียวกับกีต้าร์รุ่นสูงๆทั่วไป ตรงนี้ทาง Yamaha ใช้ไม้อกาธิส เป็นไม้ที่ให้เสียงเบสหนากว่า ดังนั้นซาวด์จึงออกมาต่างกันชัดเจน เทียบเรื่องบอดี้แล้วต้องบอกว่า Squier มีคะแนนำไปก่อน 1 ก้าว
มาเรื่องคอกันบ้าง ตรงนี้แทบไม่แตกต่างเพราะคอทำจากไม้เมเปิ้ลทั้งคู่ แต่ Yamaha จะมีคอบางเล่นง่ายกว่าเพราะทางบริษัทเน้นผลิตเครื่องดนตรีใช้คนเอเชีย แม้ว่า Squier จะทำทรง C Shape มาแต่จากสัมผัสยังรู้สึกอวบกว่าเล็กน้อย ฟิงเกอร์บอร์ดต่างกันเล็กน้อย ทาง Yamaha ใช้ไม้โซโนเคลลิง เป็นไม้โรสวู้ดสายพันธุ์อินโดนีเซีย แต่ไม่มีผลเรื่องความแตกต่างของเสียงมากนัก ส่วนคอนี้ทาง Yamaha ตีเสมอมา 1-1
เรื่องการดีไซด์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าใครชอบรูปแบบคลาสสิคน่าจะเอนเอียงไปทาง Squier มากกว่าเพราะเล่นทำทรง Fender เป๊ะๆ ส่วนของ Yamaha จะเป็นทรงเฉพาะทางของทางค่ายเอง ดีไซด์ออกแนวร็อคหน่อย บอดี้สีดำเรียบๆแต่แฝงความดุดัน สายร็อคอาจจะชอบแนว Yamaha มากกว่า อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลเลย
เสียงแตกต่างกันไหม
บอกเลยว่าแตกต่างกันพอสมควร เห็นบอดี้ร็อคๆแบบ Yamaha แต่ซาวด์ออกมาค่อนข้างหวานเหลือเชื่อ เสียงแตกถือว่าออกไม่มาก พอเล่นแนวร็อคได้ แต่ถ้าหนักๆมากยังไม่น่าไหว แตกต่างจาก Squier ที่ทำเสียงแตกออกมาพุ่ง เหมาะกับการเล่นร็อคอย่างมาก แต่เทียบเรื่องเสียงคลีนแล้ว Musicarms เลือกทาง Yamaha ว่าเสียงเนียนใส และหวานกว่า ถ้าชอบร็อคๆอาจต้องเป็น Squier แต่ซาวด์คลีนจะเรียบๆและบาง
จุดเด่น Yamaha ERG-121U
- คอบางแบบเอเชีย เล่นง่าย
- เสียงหวานมากกกกกก ใครชอบแนวบัลลาดหรือซอฟท์ร็อคถูกใจแน่นอน
- แบรนด์ดัง เชื่อถือได้
- ราคาเบาๆ งานประกอบคุณภาพ
จุดเด่น Squier Affinity Strat
- ซาวด์ดุแบบอเมริกัน เล่นร็อคสบาย
- สเป็คไม้ดีเยี่ยม คุ้มราคา
- แบรนด์ดัง เชื่อถือได้
- งานประกอบคุณภาพ
สรุป
แม้จะเป็นสองรุ่นที่ราคาใกล้เคียงกัน แต่พอได้ฟังเสียงแล้วถือว่าแยกตลาดผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน เรื่องคุณภาพบอกเลยว่าสูสีกันเพราะยี่ห้อดังแบบนี้การันตีเรื่องงานประกอบและวัสดุไม้ได้ดีอยู่แล้ว ใครอที่ชอบซาวด์หวานๆ เสียงคลีนใสๆแบบเอเชียหรือเจร็อค น่าจะโอเคกับทาง Yamaha มากกว่า แต่ถ้าใครเล่นร็อคเสียงแตกหนักๆ หรือชอบทรงคลาสสิกอาจเทใจให้ Squier อย่างไรก็ตาม ทาง Musicarms อยากให้เพื่อนมาลองเสียงและสัมผัสตัวจริงที่ร้าน Musicarms ทั้ง 3 สาขาจะดีกว่า เพื่อช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แวะมาลองเสียงกันได้ทางเรายินดีเสมอคร๊าบบบบบผม
รีวิว กีต้าร์โปร่ง Yamaha รุ่น A1M
Yamaha A1M รุ่นนี้ออกมา 2 สี คือสีซันเบิร์สและสีไม้ธรรมชาติ มาพร้อมบอดี้เดรทน็อต ไม้หน้าเป็นท็อปโซลิด ซิทก้าสปรู๊ซ กีต้าร์ซีรี่ย์ A นั้นย่อมาจาก American ทำให้คอกีต้าร์จะใหญ่เล็กน้อย ส่วนบอดี้อื่นๆทำจากไม้ลามิเนทมะฮอกกานี ลายไม้สวยงาม ตัดขอบไบดิ้งสีขาวรับกับตัวบอดี้ ไม่ว่าจะสีไม้หรือสีซันเบิร์สก็เข้ากันอย่างดี จัดว่าเรื่องสเปคไม้และการดีไซด์ทำออกมาได้ดีสมราคา
ส่วนคอนั้นอย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าซีรี่ย์ A มีการปรับคอให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ทำให้มีการเปิดสายหรือทัชชิ่งจะสูงขึ้น เพื่อให้การเกากีต้าร์และโซโล่เป็นไปอย่างง่ายดายชัดเจนทุกตัวโน๊ตมากขึ้น และคอยังใช้นวัตกรรมใหม่อย่างการประกบไม้ โดยเป็นไม้มะฮอกกานี 3 ชิ้น ประกบกัน ซึ่งแบบนี้จะได้คอที่แข็งแรงมากขึ้น ส่วนฟิงเกอร์บอร์ดโรสวู้ดและอินเลย์ลายจุดตามมาตรฐาน
เรื่องของภาคไฟฟ้านั้นทาง Yamaha ปรับมาใช้รุ่น S.R.T system สามารถปรับ EQ ได้ทั้ง 3 ย่านเสียง ทุ้ม กลาง แหลม มีจูนเนอร์ในตัว และปุ่ม Blend ช่วยให้มือใหม่ตั้งสายได้ในตัว ภาคไฟฟ้ารุ่นนี้เสียงกลางจะเด่นมาก ทำให้เนื้อเสียงของ Yamaha A1M ค่อนข้างกังวานกว่าซีรี่ย์อื่นๆ คุมซาวด์ได้ดีทั้งการตีคอร์ดและฟิงเกอร์สไตล์ ใส่ถ่านปิ๊กอัพได้
ข้อดี
- เสียงใส กังวาน
- ภาคไฟฟ้าเสียงนุ่ม ชัดเจน มีมิติ
- ดีไซด์สวยงาม
- แบรนด์ดังมาตรฐาน งานละเอียด
ข้อเสีย
- รุ่นนี้ปรับคอแบบสากล ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
- บอดี้มีขนาดใหญ่ ไม่เหมาะกับคนตัวเล็ก
บทสรุปกับเจ้ากีต้าร์โปร่ง Yamaha รุ่น A1M รุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้คุ้มราคา สมยี่ห้อแบรนด์ดังที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ เรื่องเนื้อเสียงถือว่าสอบผ่านชัดเจน เรียกว่าเข้าขั้นเทพได้เลย งานได้เป็นท็อปโซลิดเกรดดีๆแบบนี้ถือว่าคุ้มค่า ภาคไฟฟ้ามีการปรับมาใช้รุ่นใหม่ซึ่งเสียงดีขึ้น กังวานมากขึ้น เป็นซีรี่ย์ที่ทาง Yamaha ปรับโฉมเยอะพอสมควร งานเนี๊ยบๆแบบนี้ เอาไปใช้ในสตูดิโอยังได้สบายๆ ไม่ว่าจะมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นที่มีงบซักหน่อย ถือว่าน่าสนใจ แน่นอนว่าทางร้าน Musicarms ทุกสาขามีวางจำหน่ายให้เพื่อนได้มาสัมผัสตัวเป็นๆและลองเสียงกันได้ รับประกันตามรีวิวได้เลยว่าของเค้าดีจริงๆ
รีวิวกีต้าร์โปร่ง Saga รุ่น SF-700C, SF-700CE
อย่างแรกสุดคือบอดี้ โดย Saga ใช้ทรงเดรทน็อตมาในสองรุ่นนี้ เป็นทรงที่ให้เสียงกีต้าร์กังวานที่สุด ดังนั้นคงไม่ต้องห่วงเรื่องซาวด์ในการตีคอร์ด บอดี้ขนาด 41 นิ้ว ซาวด์มาเต็ม แต่อาจจะลำบากสำหรับคนตัวเล็กนิดหน่อย
สำหรับเรื่องไม้บอกเลยว่าคุ้มค่าสุดๆ เพราะกีต้าร์โปร่งราคาต่ำกว่า 5000 ที่ได้ Top Solid หรือไม้แท้นั้นมีไม่กี่รุ่น และเจ้า SF-700C คือรุ่นนั้นซึ่งทางเราต้องมาบอกต่อสิ่งดีๆให้กับเพื่อน ส่วนตัวโปร่งไฟฟ้านั้นแม้ว่าจะเกิน 5000 มาเล็กน้อยแต่เสปคไม้แบบเดียวกันซึ่งถือว่าคุ้มค่า ด้านข้างและหลังเป็นลามิเนทมะฮอกกานีตามมาตรฐานกีต้าร์ทั่วไป
ส่วนคอและฟิงเกอร์บอร์ดนั้นตามมาตรฐานของกีต้าร์คือคอมะฮอกกานี ฟิงเกอร์บอร์ดโรสวู้ด อินเลย์ลายจุดปกติ แต่ที่ต้องชมคืองานประกอบทำได้ดีค่อนข้างเนี๊ยบเกินราคา หลายคนที่ไม่ชอบงานกีต้าร์จากจีนอาจต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เพราะแบรนด์ Saga นั้นทำได้ดีเกินราคากีต้าร์จริงๆ
นอกจากงานประกอบที่ละเอียดแล้ว การดีไซด์และวัสดุกีต้าร์ของสองรุ่นนี้จัดเต็มมาแบบไม่มีกั๊ก กีต้าร์ตัวละไม่ถึง 5000 แต่ได้ไบดิ้งตัดขอบสวยงาม รวมถึง Nut และ Saddle เป็นกระดูก !! ครับฟังไม่ผิด เป็นกระดูก ปกติแล้วกีต้าร์เรทนี้จะได้ Nut พลาสติกเท่านั้น เป็นยังไงครับ นอกว่าไม้ Top Solid แล้ว วัสดุอื่นๆใช้ของดีไม่แพ้กันเลย
มาเข้าเรื่องภาคไฟฟ้ากันบ้างสำหรับตัว SF-700C นั้นจะเป็นโปร่งธรรมดา แต่ถ้าเป็น SF-700CE จะเป็นโปร่งไฟฟ้าโดนจะได้ปิ๊กอัพ Fishman Isys+ มาอีกด้วยสุดจะคุ้มค่า ปิ๊กัอพตัวนี้ให้ซาวด์โปร่งเป็นธรรมชาติและมีข้อดีตรงความแข็งแรงทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน สามารถปรับ EQ ได้ 2 ย่านเสียง คือ Treble เสียงแหลม และ Bass เสียงทุ้ม รวมถึงมีเครื่องตั้งสายในตัว เหมาะสำหรับมือใหม่อย่างมาก
ข้อดี
- ทั้งสองรุ่นนี้ราคาย่อมเยา ใครมองหากีต้าร์ตัวแรกจัดไปให้ไว
- งานไม้สุดเนี๊ยบ ได้ไม้ Top Solid
- งานประกอบถือว่าดีคุ้มราคา
- อะไหล่ต่างๆในกีต้าร์เป็นของดีหมด
ข้อเสีย
- บอดี้ใหญ่ไปเล็กน้อยสำหรับคนตัวเล็ก
- ภาคไฟฟ้าปรับ EQ ได้แค่ 2 แบนด์ เสียงกลางจึงไม่เด่นมากเท่าไหร่นัก
บทสรุปกับกีต้าร์ Saga รุ่น SF-700C และ SF-700CE ต้องบอกเลยว่าโคตรคุ้มมมมม สำหรับราคาเท่านี้แต่ได้งานคุณภาพเนี๊ยบๆ โอเคว่าเรื่องเสียงอาจจะสู้กีต้าร์ตัวหลักหมื่นลำบาก แต่ถ้าวัดกับกีต้าร์หลักพันขอบอกสู้ได้ไม่เป็นรองเลย ใครต้องการกีต้าร์เสียงแจ่มๆโดนๆ ไม่ต้องคิดมาก จะเอาไว้ซ้อมหรือออกงานปาร์ตี้เล็กๆ สองรุ่นนี้ทำได้สบายๆ
ปัจจุบันกีต้าร์งานจีนกำลังตีตลาดในไทยอย่างเข้มข้น งานทุกชิ้นจึงอัพเกรดคุณภาพกันมากขึ้น ดังนั้นอย่ามองข้ามกีต้าร์จีนดีๆอีกหลายตัว หรือถ้าใครกำลังเล็งกีต้าร์ดีๆก็แวะเข้ามาที่ร้าน Musicarms ได้ทุกสาขา นอกจากจะมีกีต้าร์ถูกๆแล้วยังมีอีกหลายแบรนด์ให้เลือกสรรกันอย่างเต็มที่ พร้อมด้วยทีมงานที่จะช่วยแนะนำในการเลือกซื้อ ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆได้กีต้าร์ที่ดีคุ้มค่ากับราคาที่เสียไป
รีวิวกีต้าร์โปร่งไฟฟ้า Yamaha รุ่น FSX-315C
ดูสเปคดูราคากันไปแล้ว เรามาว่ากันทีละส่วนเลยดีกว่า เริ่มจากบอดี้ภายนอกก่อน จะเห็นได้ว่าเป็นทรง Concert ซึ่งไม่ค่อยได้พบเจอกันเท่าไหร่นัก ทรงนี้เป็นทรงกีต้าร์ที่มีขนาดเล็ก และตรงกลางบอดี้จะเว้า ทำให้เวลาพักแขนแล้วไม่เมื่อยมือ เหมาะสำหรับคนตัวเล็ก แต่มีข้อเสียนิดๆที่เสียงจะกังวานไม่เท่าทรงใหญ่ยอดฮิตอย่างเดรทน็อต
มาถึงวัสดุไม้กันบ้าง ไม้หน้านั้นเป็นไม้สปรู๊ซตามปกติให้เสียงกลางดี แต่ที่หลายคนแปลกใจน่าจะเป็นไม้โทนวู้ดเขตร้อนว่าคือไม้อะไรล่ะ จริงๆแล้วไม้กลุ่มนี้อยู่ในสายพันธุ์เดียวกับมะฮอกกานี ถูกนำมาปลูกในพื้นที่อากาศร้อนแถบมาเลเซียและอินโดนีเซีย ให้เสียงทุม หนา นุ่มนวล เรียกว่าเพื่อนๆจะได้บอดี้และคอไม้มะฮอกกานีนั่นเอง แต่ไม้เขตร้อนจะดีตรงที่ทนต่อสภาพอากาศได้มากกว่า ทำให้ไม่โก่งงอง่าย
วัสดุอื่นๆทาง Yamaha คัดเกรดกันมาอย่างดีไม่เสียชื่อ Nut และ Saddle ทำจากวัสดุยูเรีย เป็นก้อนโปรตีนแข็ง ใช้งานได้ทนทาน ฟิงเกอร์บอร์ดโรสวู้ด หมุด pin วัสดุ ABS ยึดแน่น ลูกบิดชุบโครเมี่ยมอย่างดี จัดเต็มมาอย่างมากคุ้มเกินราคากีต้าร์ ย่อมเยาแต่ได้วัสดุกีต้าร์เกรดดี งานประกอบเนี๊ยบ ดีไซด์สวยงามด้วยขอบไบดิ้ง
เรื่องเสียงกันบ้าง เริ่มจากเสียงโปร่ง อย่าที่เกริ่นไปว่าบอดี้เป็นขนาดเล็ก ทำให้เสียงอาจจะไม่กังวานมาก แต่ก็ถือว่าได้มาตรฐานอยู่ อาจจะเหมาะกับการเกาหรือเล่นฟิงเกอร์สไตล์มากกว่าการสตรั้มคอร์ด และด้วยตัวไม้โทนวู้ดที่แม้จะอยู่ในกลุ่มมะฮอกกานีก็จริง แต่พอมาปลูกเขตร้อนเสียงจะแหลมกว่าที่ปลูกเขตหนาวเล็กน้อย เพราะจะมีรูพรุนในเซลล์ไม้ค่อนข้างมาก ทำให้ซาวด์ของรุ่นนี้ออกโทนใส พุ่ง มากกว่า
ภาคไฟฟ้านั้นใช้รุ่น SYSTEM68 + ART1 (ย่อมาจาก Acoustic Resonance Transducer) ที่ทาง yamaha มีการปรับปรุงให้ซาวด์นุ่มนวลใกล้เคียงภาคโปร่งมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดเสียงจี่ สามารถปรับ EQ ได้ รวมถึงมีจูนเนอร์ ซึ่งภาคไฟฟ้านี้แหละเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เลย ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าภาคไฟฟ้ากีต้าร์แบรนด์อื่นในราคาใกล้เคียงกัน
ข้อดี
- แบรนด์ดัง เชื่อถือได้
- ราคาประหยัดย่อมเยา
- เสียงภาคไฟฟ้าดีจริงๆ
- งานประกอบเนี๊ยบ วัสดุดี
ข้อเสีย
- เสียงออกบางไม่หนา ไม่เหมาะตีคอร์ดหนักๆ
- วัสดุไม้เป็นแนวเสียงบางทั้งหมด ซาวด์จึงบางตาม
บทสรุปสำหรับกีต้าร์โปร่งไฟฟ้า Yamaha รุ่น FSX-315C ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ทาง Yamaha ทำออกมาได้ดีเยี่ยม แต่เรื่องการตลาดอาจจะเน้นไปทางกลุ่มคนตัวเล็ก, คนชอบแนวเกา, คนชอบกีต้าร์เสียงใสๆอย่างเห็นได้ชัด ที่น่าสนใจสำหรับรุ่นนี้คือภาคไฟฟ้าเป็นช่วงแรกๆที่ทาง Yamaha เอานวัตกรรม A.R.T มาใช้ เสียงจึงนุ่มนวลกว่ากีต้าร์ตัวอื่นในราคาใกล้เคียงกัน ถ้าใครเน้นเสียงไฟฟ้าซื้อไปรับรองถูกใจ
เป็นยังไงกันบ้างครับกับกีต้าร์ดีๆที่ทาง Musicarms นำมาเสนอ แน่นอนว่าแต่ละตัวเป็นระดับแบรนด์ดัง เสียงดี งานเนี๊ยบทั้งสิ้น และแน่นอนเพื่อนๆสามารถมาลองเจ้ากีต้าร์รุ่นนี้รวมถึงรุ่นอื่นๆได้ที่ร้าน Musicarms ทุกสาขาเลยนะครับ หากใครกำลังมองหากีต้าร์ใช้งานดีๆ มาขอคำแนะนำกับทางทีมงานหน้าร้านเราได้ ทางเราพร้อมที่จะช่วยให้เพื่อนๆได้อุปกรณ์เครื่องดนตรีดีๆไว้ใช้งานเต็มที่ อย่าลืมว่าถ้าเรื่องเครื่องดนตรี ขอให้คิดถึง Musicarms เป็นชื่อแรกนะครับผม
รีวิวกีต้าร์โปร่ง Greg BenNett รุ่น GD100S, GD100SCE
ดูสเปคกันไปแล้ว อย่างแรกจะเห็นได้ว่าทั้งสองรุ่นนี้แม้จะราคาเบาๆโดยรุ่นโปร่งนั้นไม่ถึง 5000 ด้วยซ้ำแต่ได้ไม้หน้าเป็นท็อปโซลิดสปรู๊ซ ซึ่งถือว่าหายากมากกับกีต้าร์ราคานี้ งานไม้จัดว่าสอบป่านสบายๆ บอดี้ส่วนอื่นเป็นไม้มะฮอกกานี มาพร้อมบอดี้ทรงเดรทน็อต ตีคอร์ดได้สบายๆ เนื่องจากบอดี้ทรงนี้ขนาดใหญ่ ให้เนื้อเสียงเต็ม เสียงไม้หน้าออกชัด กับเรื่องไม้ข้อนี้สอบผ่านฉลุย
คอและฟิงเกอร์บอร์ดเป็นไม้มะฮอกกานีและโรสวู้ดตามปกติ อินเลย์ลายจุดมาตรฐาน แต่ที่ดูแล้วแปลกตาคือหัวกีต้าร์ ซึ่งทาง Greg BenNett นั้นได้จำลองเอาหัวกีต้าร์ของ Samic มาเป็นต้นแบบ ทำให้ดูแปลกแหวกแนว และยังยึดสายทั้ง 6 แบบกีต้าร์โปร่ง ทำให้แรงตึงสายไม่หนืดมาก เล่นง่ายสบายๆ เอาใจคนเอเชียที่มีแรงกดนิ้วน้อยกว่าฝรั่งกันเต็มที่
มาถึงเรื่องการดีไซด์และงานอะไหล่อื่นๆ ซึ่งก็ต้องบอกว่าสอบผ่านเช่นกัน เพราะทำขอบไบดิ้งเป็นแบบวงแหวนหลายชั้นมาให้โดยไม่ห่วงเรื่องราคาเลย หนำซ้ำลูกบิดยังใช้แบบ Die-cast ที่หนืดและยึดสายได้แน่นหนามาอีกด้วย บริดจ์ไม้โรสวู้ดสวยงาม แบรนด์นี้ไม่มีคำว่างกอะไหล่ เพื่อความสุขของบรรดามือกีต้าร์แล้ว จัดเต็มมาให้คุ้มเกินราคา
เรื่องเสียงนั้นบอกเลยได้ว่าเกินราคาไปมาก ไม่ว่าจะเป็นตัว GD100S ที่ได้ไม้หน้าท็อปโซลิด เสียงเบสมาเต็ม ซาวด์โน๊ตตัวสูงพุ่งชัด มีความเข้มในเนื้อเสียงดีมาก เชื่อเลยว่าถ้าลองมาดีดโดยไม่รู้ราคาอาจคิดว่าตัวละหมื่น สำหรับรุ่น GD100SCE ที่เป็นภาคไฟฟ้าก็ใช้ของ Fishman Isys T เสียงไฟฟ้านุ่มละมุน ปรับ Contour และ Phase ได้ มีจูนเนอร์ในตัวสุดแสนเอนกประสงค์
ข้อดี
- ราคาแสนถูก ไม้หน้าท็อปโซลิด
- ดีไซด์สวยงาม ได้ขอบไบดิ้ง
- เสียงดีคุ้มค่า
- หัวกีต้าร์แปลกตา ไม่เหมือนใคร
ข้อเสีย
- ซาวด์ไฟฟ้าออกบางไปเล็กน้อย
- ปรับ EQ ภาคไฟฟ้าไม่ได้
