Monthly Archives: พฤศจิกายน 2018
ไม้กลอง VIC FIRTH หัวยาง
Digitech TRIO+ Band Creator Plus Looper เอฟเฟคลูป
Trace Elliot Transit A Acoustic Guitar Preamp and Effects Pedal
ขายเพียง  8,500฿ จาก  15,900฿Trace Elliot Transit B Bass Pre-amp & Effects แอมป์เบส
5 กีต้าร์คลาสสิคสำหรับเริ่มต้น ราคาไม่ถึงหมื่น
และนี่คือ 5 กีต้าร์คลาสสิคคุณภาพเยี่ยม โดยแต่ละรุ่นก็เป็นแบรนด์ดังๆที่นักดนตรีไว้วางใจกันทั้งสิ้น ราคาถือว่าเบาๆจับต้องได้ โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นที่อยากได้กีต้าร์ไว้ใช้งานก็สามารถเลือกรุ่นถูกๆจากนี้ไปเลือกซื้อกันได้เลย รับรองว่าเสียงกี งานเนี๊ยบ ตามคำแนะนำแน่นอน และหากเพื่อนๆคนไหนยังไม่รู้ว่าจะซื้อทั้ง 5 รุ่นนี้ที่ไหน ขอบอกว่าทาง Music Arms มีจำหน่ายครบ รวมถึงกีต้าร์คลาสสิครุ่นอื่นๆอีกด้วย เพราะเราคือตัวแทนจำหน่ายกีต้าร์ยี่ห้อดังที่ได้คุณภาพ หากเพื่อนๆสนใจเครื่องดนตรีชิ้นไหน สามารถเดินเข้ามาปรึกษาทีมงานได้ที่ร้าน Music Arms ทุกสาขาเลยนะครับ
รีวิวเจาะลึก กีต้าร์โปร่ง Crafter รุ่นโด่งดัง JE-18 ดีจริงป่าว ข้อดี-ข้อเสียแบบละเอียด
ดูสเปคกันคร่าวๆไปแล้ว เรามาเจาะลึกกันทีละส่วนเลยดีกว่า อย่างแรกสุดเลยคือบอดี้ที่เป็นทรง Jumbo แบบคอเว้า บอดี้ทรงนี้จะมีขนาดเล็ก ทำให้เล่นง่าย เหมาะสำหรับคนตัวเล็กและผู้หญิง การมีคอที่เว้าทำให้โซโล่เข้าถึงเฟรตในได้ง่าย เป็นกีต้าร์ที่ทำออกมาตอบโจทย์ทั้งการตีคอร์ดและใช้งานในทุกรูปแบบ
มาดูวัสดุไม้กันบ้าง รุ่นนี้ไม้หน้าจะเป็นท็อปโซลิดเซดาร์ ท็อปโซลิดก็คือไม้แท้ เมื่อเวลาผ่านไปเสียงจะนุ่มนวลมากขึ้น เพราะไม้เก่านั้น น้ำในตัวไม้จะระเหยออกมาจนหมด เสียงเนื้อไม้จะหวานขึ้น ซาวด์จะนุ่มละมุนมากขึ้น ตัวไม้เซดาร์นั้นนิยมเอาไปทำกีต้าร์คลาสสิก เนื่องจากให้โทนเสียงใส ดีเยี่ยม ด้านข้างและด้านหลังจึงต้องเสริมด้วยไม้อินเดียนโรสวู้ดมีให้ซาวด์หนา เสียงเบสดี ซาวด์ของรุ่นนี้จึงมาละมุนสุดๆ โดยมีเสียงโทนแหลมเป็นตัวชูโรง
ส่วนคอนั้นเป็นไม้มะฮอกกานีตามปกติ ที่พิเศษคือการดีไซด์ เพราะตัวซาวด์โฮลลายแบบตะวันตกอินเดียแดงตรงกลางนั้นโดดเด่นสวยงามเหลือเกิน และยังทำอินเลย์เป็นรูปนก เรียกว่าดีไซด์เฉียบสุดๆ ได้ความคลาสสิกสวยงาม คุ้มค่ากับราคา
วัสดุอื่นๆที่ใช้นั้นคัดเกรดกันมาอย่างดี กีต้าร์ยี่ห้อนี้ ราคาระดับนี้ แบรนด์เกาหลีไม่มีของไม่ดีให้เสียชื่อ ตัวลูกบิดเป็น Die-cast หนืด ยึดสายแน่น ชุบโครเมี่ยมให้อย่างดี ข้อดีอีกอย่างของทรงจัมโบ้คือจะเป็นทรงที่แรงตึงสายน้อยเนื่องจากบอดี้เล็ก ทำให้การกดสายง่าย สายจะนิ่มมือ ตรงนี้ทำมาตอบโจทย์มือกีต้าร์หลายคนได้ดี
นอกจากงานโปร่งจะเนี๊ยบแล้ว รุ่นนี้ยังให้ภาคไฟฟ้ามาเป็นของ L.R Bags รุ่น LR-T NX ปิ๊กอัพที่หลายคนต้องยกนิ้ว จริงๆแล้วแบรนด์ Crafter มีจุดเด่นเรื่องภาคไฟฟ้าที่ให้เสียงอะคูสติกชัด นุ่มนวล ซาวด์ใสเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ตัวปิ๊กอัพยังปรับ EQ ได้ และมีจูนเนอร์ได้ด้วย สำหรับคนที่ต้องการกีต้าร์ออกงานกลางคืนนี่สอบผ่านสบายๆ
ข้อดี
- วัสดุไม้ดีเยี่ยม ออกงานได้สบาย
- ดีไซด์สวยงาม แปลกตาไม่เหมือนใคร
- บอดี้ทรงเล็ก เล่นง่าย
- เสียงไฟฟ้าใส นุ่มนวล
ข้อเสีย
- คอกว้าง ทรง Wide มือใหม่อาจจับยากซักนิด
- ไม้หน้าเป็นไม้ซีดาร์ ทำให้เสียงเบสออกมาน้อยไปนิด
เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่ต้องการกีต้าร์เนี๊ยบๆเล่นดนตรีกลางคืน
- คนชอบกีต้าร์โทนเสียงใส
- คนตัวเล็กที่หากีต้าร์ทรงไม่ใหญ่มาก
บทสรุปกับกีต้าร์โปร่ง Crafter รุ่น JE-18 งานนี้บอกเลยว่าคุ้มค่าสุดๆ เพราะถ้าใครชอบโทนเสียงใสๆแนวกีต้าร์คลาสสิกแต่ได้ความเข้มของเสียงเบสเพิ่มขึ้นต้องหลงรักอย่างแน่นอน และที่ต้องชมคืองานไฟฟ้าของ Crafter นั้นดีเยี่ยมสมคำร่ำลือจริงๆ เสียงออกแอมป์ใส ชัดเจน ใครที่มีงบพอสมควรซื้อไว้เรียกว่าคุ้ม ซาวด์แบบนี้เล่นดนตรีกลางคืนหรือเข้าห้องอัดชิลๆ และถ้ายังไม่รู้จะซื้อที่ไหน หรืออยากมาลองเสียงเพิ่มเติม เชิญได้เลยที่ร้าน Musicarms ทุกสาขา ทางเราเป็นมิตรกับเพื่อนๆนักดนตรีทุกคนเสมอ และเราอยากให้ได้ของดีไปจริงๆ อย่าลืมแวะมาลองก่อนเลือกซื้อได้ รับประดันว่าเยี่ยม ไม่ดีจริง Musicarms ไม่บอกต่อนะจ๊ะ
Peavey Max 112
ขายเพียง  10,500฿ จาก  17,000฿จะซื้อกลองไฟฟ้าทั้งที ยี่ห้อไหนดี? Roland, Yamaha, Carlsbro, Midiplus
เริ่มจากแบรนด์แรก Carlsbro แต่เดิมนั้นเป็นบริษัทที่เริ่มจากการผลิตแอมป์มาตั้งแต่ปี 1959 ก่อตั้งโดยนาย Stuart และ Sheila Mercer จากเมืองน็อตติ้งแฮมในประเทศอังกฤษ โดยมีคอนเซปต์คือคำว่า British Sound ให้ซาวด์แบบอังกฤษแท้ๆ ใช้โดยศิลปินดังไม่ว่าจะเป็น The Beatles, Mick Jagger และ Oasis จนมาช่วงหลังทาง Carlsbro ได้เริ่มผลิตเครื่องดนตรีอื่นๆ เช่น ไมค์และกลองไฟฟ้า แน่นอนว่าคอนเซ็ปต์แบบนี้ กลองไฟฟ้าของ Carlsbro จึงมีเอกลักษณ์เรื่องซาวด์เฉพาะตัวที่ออกแนวยุโรป
นอกจากซาวด์จะมีเอกลักษณ์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้กลอง Carlsbro ติดตลาดคือเรื่องของคุณภาพ แต่ละรุ่นที่ให้มาจะมีเซ็ทกลองขนาดใหญ่ พร้อมตีได้ทุกแนว ลูกเล่นอย่าง Rim Shot มาครบ และ โมดุลกลองเป็นแบบไดนามิก ให้ซาวด์ที่ชัดเจน ใกล้เคียงกลองชุดจริง ทำเสียงเครื่องดนตรีประเภทอื่นได้ เชื่อมต่อได้ทั้ง USB เล่นเพลงไฟล์ MP3 รวมถึงกลองส่วนใหญ่จะทำจากหนังมุ้งแข็งแรงทนทาน ไม่แปลกที่จะติดตลาดเป็นเบอร์ต้นๆของโลก
มาถึง Yamaha แบรนด์ดังจากฝั่งญี่ปุ่นกันบ้าง รายนี้คุ้นชื่อกันดีจากการผลิตเครื่องดนตรีคุณภาพมากมาย จุดเด่นของทาง Yamaha จะเป็นเรื่องความสมดุล และสินค้าที่ได้มาตรฐาน เช่นเดียวกับอุปกรณ์ดนตรีอื่นๆ แต่เรื่องราคาอาจจะแรงกว่าแบรนด์อื่นๆนิด หากคิดถึงคุณภาพที่ได้รับก็ต้องบอกว่าคุ้มค่า เหมาะสำหรับการใช้งานยาวๆ
แบรนด์ Yamaha มีจุดเด่นอีกเรื่องคือเทคโนโลยีที่ทาง Yamaha คิดค้นสิ่งใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งเสียงแต่ละโซนกลองแต่ละตัวด้วยตนเอง สามารถโหลดแอปพลิเคชั่นต่างๆมาใช้งานควบคู่กันไปด้วย กลอง Yamaha จึงมีเสียงกลองในรูปแบบต่างๆมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ หากใครโอเคกับราคาแล้ว รับรองว่าตัวเดียวใช้ได้ครบทั้งการทำเพลงและบันทึกเสียง
แบรนด์ที่ 3 คือ Roland ที่มีชื่อเสียงด้านกลองชุดมายาวนาน เป็นแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งโดยนาย อิคูทาโร่ คาเคฮาชิ ในเมืองโอซาก้าเมื่อปี 1972 เริ่มจากการผลิตเครื่องดนตรีออร์แกน เพียงแค่ปีเดียวบริษัทก็สร้างชื่อเสียงได้ไปประกวดในงาน NAMM Show ที่อเมริกาทันที จุดเด่นของกลอง Roland จะเป็นเรื่องความประหยัดเพราะราคาไม่แพงมากแต่ได้เซ็ทกลองชุดใหญ่
นอกจากเซ็ทกลองชุดใหญ่แล้ว เรื่องลูกเล่นก็จัดเต็มมาแบบไม่มีกั๊ก เชื่อมต่อได้ทั้ง USB เล่นเพลงไฟล์ MP3 และ WAV ทำเพลงเป็นเรื่องง่าย เสียบหูฟังซ้อมส่วนตัวได้สบายๆ นอกจากนี้ยังปรับเสียงเบสเสียงแหลมได้ตามใจชอบ ซาวด์ใกล้เคียงกลองจริงอย่างมาก เป็นแบรนด์ที่ทำซาวด์แบบกลองจริง โดยซาวด์กลองภาคไฟฟ้าอาจน้อยกว่าแบรนด์อื่นเช่น Yamaha แต่หากใครชอบซาวด์แน่นๆแบบกลองชุดที่ต้องชื่นชอบ
มาถึงแบรนด์สุดท้าย Midiplus เป็นแบรนด์เครื่องดนตรีจากไต้หวัน ก่อตั้งโดยบริษัท ไต้หวัน ต้าหว่อง วู้ด เมื่อปี 1974 เริ่มจากการผลิตคีย์บอร์ดออกสู่ตลาดก่อน ได้รับความนิยมอย่างสูงจนร่วมมือกับทางบริษัท AVID ของทางอเมริกาเข้ามาร่วมทุนและผลิตเครื่องดนตรีประเภทอื่นออกจำหน่ายด้วย โดยมีฐานผลิตใหญ่ที่ประเทศจีน ซึ่งกลองไฟฟ้า Midiplus ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องดนตรีที่มาผลิตในช่วงหลังแต่ได้รับความนิยมสูง เพราะราคาประหยัดย่อมเยา แต่คุณภาพคับแก้ว
เรื่องราคาถือเป็นจุดเด่นของ Midiplus เช่นเดียวกับ Roland มีราคาที่ถูกและได้กลองชุดคุ้มค่า อาจมีข้อเสียนิดนึงตรงที่ว่ากลองแต่ละชุดนั้น Fix มาแล้วไม่สามารถต่อเพิ่มได้ หากจะเพิ่มต้องซื้อกล่องโมดุลใหม่ แต่รวมๆแล้วถ้าใครพึงพอใจกับจำนวนชิ้นกลองถือว่าคุ้มมาก เพราะกลอง Midiplus มีความทนทานใช้งานได้ยาวๆ เหมาะสำหรับในสตูดิโอ ทำเพลงส่วนตัว หรือซ้อมในบ้านสบายๆ
และทั้ง 4 ยี่ห้อนี้คือแบรนด์กลองไฟฟ้าหลักๆยอดนิยมที่ขายดีในร้าน Music Arms ตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้งงานแล้วว่าชอบซาวด์แบบไหน หรือต้องการจำนวนกลองกี่ชิ้นเพื่อเล่นเพลงตามแบบที่ชอบได้ หากเพื่อนๆคนไหนยังไม่มั่นใจก็สามารถเดินเข้ามาที่ร้าน Music Arms ของเราทุกสาขาได้เลย ทางพนักงานร้านยินดีต้อนรับและให้คำแนะนำในการเลือกสิ้นค้าทุกชนิด เพื่อเพื่อนๆจะได้สินค้าคุณภาพดีก่อนออกจากร้านไป สนใจกลองไฟฟ้ารุ่นไหน แวะมาที่ Music Arms ได้เลยยย
เทคนิคการเลือกกลองไฟฟ้าให้คุ้มค่า แบบฉบับ Music Arms
การจะเลือกซื้อกลองไฟฟ้าแน่นอนอยู่แล้วว่ายิ่งซื้อของแพงยิ่งได้ของดี แต่ในบางครั้งของที่เราซื้อมาก็ใช้ได้ไม่คุ้มค่า เราจึงอยากแนะนำ 4 หลักการพิจารณาเพื่อให้ซื้อกลองไฟฟ้ามาใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
- 1.การใช้งาน ให้เราดูการใช้งานของเรา ว่าเราต้องการนำไปใช้งานหลักๆ ด้านใด อาจจะไว้ใช้ซ้อม , ใช้อัดเพลง หรือแม้แต่การเล่นดนตรีสด หากต้องการซื้อเพื่อไว้เล่นดนตรีสดบ่อยครั้ง เราก็จะแนะนำเป็น Roland และ Yamaha ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า แต่หากใช้ซ้อมส่วนตัวก็แนะนำเป็น Carlsbro Midiplus Hampback เพื่อให้เซฟเงินเราลงได้อีก
- 2.การตอบสนองต่อความไวในการตี การตอบสนองต่อการตีของกลองถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ และเราจำเป็นต้องทดสอบว่ารุ่นที่เราสนใจนั้น มีสัมผัส ไดนามิกการตอบสนองที่ดีไหม รับความเร็วในการตีได้ดีหรือเปล่า โดยทั้ง 5 แบรนด์ ถือว่าเป็นกลองไฟฟ้าที่เราคัดสรรมาแล้วว่ามีการตอบสนองความไวได้ดีมาก
- 3.ฟังชั่นของกลอง ให้เราสังเกตว่าเรามีความต้องการเน้นฟังชั่นไหนเป็นพิเศษหรือไม่ เช่น ต้องการตัวที่มีฟังชั่นการบันทึกเสียงในตัว , ต้องการตัวที่มีบลูทูธในตัว หรือต้องการ Output ออกเป็น Midi เป็นต้น เราก็จะได้รุ่นที่ตอบโจทย์ของเราได้
- 4.ราคา เทียบราคาของแต่ละแบรนด์ อยากแนะนำให้ลองเทียบรุ่นที่อยู่ใน Rate ราคาใกล้เคียงกัน เพื่อเทียบสเปค เพราะบางทีเราเทียบรุ่นที่คนละ Rate ราคากันทำให้เราเลือกผิดรุ่นพลาดได้
MK-2085 61 Keys
ขายเพียง  2,190฿ จาก  2,435฿MK-4500 54 Keys
ขายเพียง  1,390฿ จาก  4,545฿รีวิว กีต้าร์โปร่ง Sigma รุ่น JM-SG45 แบบเจาะลึก ข้อดี-ข้อเสีย!!
สำหรับกีต้าร์รุ่นหลังๆของทาง Sigma นั้นเลือกใช้ไม้เป็นท็อปโซลิดซิทก้าสปรู๊ซแทบทุกรุ่น ทำให้มีความโดดเด่นที่เสียงใส เนื่องจากเป็นไม้ที่มักใช้ทำกีต้าร์คลาสสิค รุ่น JM-SG45 นี้ก็เช่นกัน ใครที่ชอบกีต้าร์ไม้แท้น่าจะโดนใจไม่น้อย เนื่องจากพอไม้แห้งแล้วเสียงจะนุ่มนวลกว่าเดิมมาก
บอดี้ด้านข้างและด้านหลังนั้นเสริมด้วยไม้มะฮอกกานี เช่นเดียวกับคอ ทำให้ได้เสียงกลางและเบสที่ชัดมากขึ้น ทดแทนและเสริมเสียงของไม้หน้าได้อย่างดี ไม้มะฮอกกานีเป้นไม้ที่ให้เสียงพุ่ง นุ่ม และอบอุ่น เสียงจึงออกมามีความกลมกล่อมลงตัว เสียงโปร่งธรรมชาติเพราะจริงๆ
เรื่องการดีไซด์นั้นอย่างแรกจะเห็นได้ว่า บอดี้มีความแปลกตาเล็กน้อยเพราะทำเป็นทรง Slope Shoulder หรือการวางแขนให้เล่นได้ง่ายกว่าเดิม บอดี้ส่วนหน้าจะลาดลงไป ช่วยในการพักแขนและตีคอร์ดเป็นเวลานานได้อย่างดี โดยที่ความกังวานของเสียงนั้นไม่ได้ลดลงเลย วัสดุอื่นๆของดีทั้งหมด Nut และ Saddle กระดูก ลูกบิด Grover
นอกจากเรื่องเสียงโปร่งจะยอดเยี่ยมแล้ว เสียงไฟฟ้ายังไม่แพ้กัน รุ่นนี้ใช้ปิ๊กอัพเป็นรุ่น Fishman Sonitone ซาวด์นุ่มใสคล้ายคลึงเสียงโปร่งแกติ ปิ๊กอัพ Fishman Sonitone ยังมีความพิเศษที่แข็งแรงทนทาน ใช้งานได้นาน ปุ่มปรับ 2 ปุ่ม ควบคุมได้ง่าย เสียงนี่บอกเลยว่าออกงานสบายๆ
ข้อดี
- ไม้หน้าท็อปโซลิด
- บอดี้ Slope Shoulder เล่นง่ายกว่าเดิม
- วัสดุดีเยี่ยม งานเนี๊ยบ
- ภาคไฟฟ้าเสียงดีไม่แพ้โปร่ง
ข้อเสีย
- เสียงเบสออกน้อยไปนิด
เหมาะสำหรับ
- ผู้ชอบกีต้าร์ไม้หน้าท็อปโซลิด
- ผู้มองหากีต้าร์โปร่งไฟฟ้าดีๆไว้ออกงาน