Ibanez GRG270DX กีต้าร์คุณภาพ

ขายเพียง  13,860฿ จาก  15,400฿

10 วงร็อคของไทย ยุค 2000

 

2001 แคลช 

วงร็อคฝีมือจัดจ้านที่รวมตัวกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ในพระบรมราชูปถัมภ์เพื่อประกวดฮ็อตเวฟ มิวสิคอวอร์ดครั้งที่ 3 และได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จึงได้เซ็นสัญญากับค่ายอัพจีในเครือแกรมมี่ แคลชปล่อยทีเซอร์เพลง “กอด” มาเป็นเพลงแรกในปี 2001 ในสไตล์เพลงช้าๆ แต่ก็ชนะใจคนฟังมาได้เรื่อยๆ มีเพลงดังอย่าง “รับได้ทุกอย่าง” อยู่ในอัลบั้มแรก ก่อนที่จะค่อยๆเผยตัวตนในแนวดนตรีหนักๆมากขึ้นในชุดหลังๆ ด้วยเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณืของแบงค์ นักร้องนำและซาวด์ดนตรีที่เข้มข้นของ แฮ็ค (กีต้าร์), พล (กีต้าร์), สุ่ม (เบส) และ ยักษ์ (กลอง) ทำให้อัลบั้มทั้งหมด 7 ชุดที่วงออกมาระหว่าง 2001-2010 ได้รับความนิยมทุกชุด แนวเพลงแต่ละอัลบั้มของแคลชถือว่าหลากหลายเพราะเป็นการรวบรวมความคิดมาจากสมาชิกในวง ไม่ว่าจะเป็นแนวฮิพ-ฮ็อพอย่างเพลง “โรคประจำตัว” หรือเพลงหนักๆอย่าง “ค้างคา” ที่ออกมาแล้วได้รับการตอบรับดีมาก ในปี 2010 ก็ได้ประกาศยุบวงแยกย้ายกันไปทำเพลงตามทางของตนเอง แต่ปัจจุบันแฟนเพลงอาจมีข่าวดีเมื่อลือกันว่าแคลชจะกลับมารวมตัวทำเพลงกันอีกครั้ง

 

2001 โปเตโต้ 

วงที่ฟอร์มกันมาจากการถ่ายโฆษณาโค้กโดยมี ปีย์ ปีย์ชนิตเป็นนักร้องนำหลัก ออกอัลบั้มแรกชื่อชุดโปเตโต้ในปี 2001 ซึ่งขณะนั้นเป็นแนวดนตรีป็อปแต่งกายสไตล์นักเรียนญี่ปุ่น แต่หลังจากอัลบั้มแรกก็มีข่าวร้ายเมื่อปีย์เสียชีวิต ทำให้ต้องฟอรมวงกันใหม่โดยมีปั๊ปเป็นนักร้องนำและเปลี่ยนมือเบสมาเป็น โอม รวมถึงเพิ่มวินมาเป็นมือกีต้าร์ ซาวด์ดนตรีในอัลบั้มที่ 2 หนักแน่นและมีกลิ่นอายร็อคมาขึ้นจึงได้รับความนิยมดีขึ้นกว่าเดิม มีเพลงฮิตอย่าง กล้าพอไหม และ ไม่ให้เธอไป วงโปเตโต้เริ่มค่อยๆทำแนวดนตรีในสไตล์ร็อคที่พวกเขาชื่นชอบได้ในอัลบั้มต่อมาเรื่อยๆแต่ก็มีการเปลี่ยนตัวสมาชิกอยู่บ่อยครั้ง ปัจจุบันมือกีต้าร์กลายเป็น หั่ง และมือกลองเปลี่ยนเป็นกานต์ คงสมาชิกไว้ที่ 4 คน และมีผลงานเพลงออกมาถึงปัจจุบัน มีเพลงดังๆทั้ง ไม่รู้จะอธิบายยังไง และ ทิ้งไว้กลางทาง รวมไปถึงผลงานเพลงประกอบละครอีกมากมายและจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของตนเองได้ถึง 3 ครั้ง คือ ในปี 2009, 2011 และ 2015

 

2002 อุลตร้าช้วดส์ 

วงดีกรีชนะเลิศฮ็อตเวฟ มิวสิคอวอร์ดครั้งที่ 5 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เซ็นสัญญากับค่าย Mad Catz ในเครือแกรมมี่หลังจากการประกวด โดยอุลตร้าช้วดส์ได้มีอัลบั้มพิเศษ Spicy Kids ร่วมกับอีก 9 วงดนตรี ที่ได้รับรางวัลต่างๆ ในการประกวดฮ็อตเวฟ มิวสิคอวร์ดปีเดียวกัน เพลงหิริโอตัปปะที่พวกเขาร้องก็ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงโดยเป็นแนวเพลงเมทัลคอร์ที่ค่อนข้างแปลกใหม่ในสมัยนั้น จนมาถึงอัลบั้มแรกของพวกเขาที่ออกมาเมื่อปี 2002 ชื่ออัลบั้ม Ultra Sound ก็ยังสานต่อความนิยมไว้ได้ดี มีเพลงฮิตอย่าง ไม่เป็นไร และ กล้าขอกล้าให้ ที่แฟนๆชาวร็อคต้องยกนิ้วให้กับฝีมือของวง อุลตร้าช้วดส์ยังได้ร่วมทำอัลบั้มพิเศษ Little Rock Project กับวงร็อคอีก 6 วง ซึ่งเป็นการนำเพลงของวงไมโครมาทำใหม่โดยทางวงได้ขับร้องในเพลง “ตายเปล่า”, “ม้าเหล็ก”, “ดับเครื่องชน” ก่อนจะมีอัลบั้มเต็มที่ 2 ของวงในปี 2005 ชื่อเดียวกับวง แม้ว่าจะมีเพลงฮิตอย่าง เสียแรงเปล่า แต่กระแสความนิยมถือว่าตกลงไปเยอะ จึงเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของพวกเขา

 

2002 บอดี้สแลม 

วงที่ชนะเลิศจากการประกวดเวทีฮ็อตเวฟ มิวสิคอวอร์ดครั้งที่ 1 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โดยสมัยนั้นใช้ชื่อวงว่า ละอ่อน ได้ออกอัลบั้มหลังจากการประกวดกับค่ายมิวสิค บัคส์เมื่อปี 1997 แต่หลังจากออกอัลบั้มแรกแล้วนั้น ตูน นักร้องนำก็ได้ออกไปฟอร์มวงใหม่ในชื่อบอดี้แสลม ทำให้วงละอ่อนต้องหานักร้องใหม่ซึ่งได้ ปั้น มาแทน วงบอดี้แสลมออกอัลบั้มแรกกับค่ายมิวสิค บัคส์โดยมีสมาชิก 3 คนคือ ตูน เภา และปิ๊ด ในปี 2002 ชื่ออัลบั้มเดียวกับวง ซึ่งก้ได้รับกระแสที่ดีมีเพลงฮิตอย่าง งมงาย, ย้ำ และสักวันจะดีพอ จึงทำอัลบั้มที่ 2 ในปีต่อมาก็ยังมีเพลงอย่างหวั่นไหว และ ปลายทาง เข้าติดหูคนฟัง จนมาถึงอัลบั้มที่ 3 ที่พวกเขาย้ายไปค่ายจีนี่ เร็คคอร์ดส์ในเครือแกรมมี่ มีการเปลี่ยนสมาชิกวงได้ ยอด และ ชัด มาเพิ่ม โดยที่เภา มือกีต้าร์นั้นออกจากวงไป แนวดนตรีของบอดี้แสลมเริ่มเปลี่ยนมาเป็นร็อคหนักๆมากขึ้น ในขณะที่เนื้อหาของเพลงเริ่มพูดถึงการใช้ชีวิตในมุมมองที่โตขึ้น อัลบั้มที่ 3-5 ของพวกเขาก็ยังได้รับความนิยมเหมือนเดิม มีเพลงฮิตมากมาย เช่น ความเชื่อ, ยาพิษ และยังมีผลงานมาถึงปัจจุบัน

 

2002 ซีล 

วงดนตรีจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาวิชาดุริยางคศาตร์สากล กับ 4 สมาชิก เป๊ก (ร้องนำ), ชุ (กีต้าร์), ป็อก (เบส) และ เคน (กลอง) ที่รวมวงกันเป็นแบ็คอัพให้กับศิลปินดังๆมากมายเช่น ดัง พันกร, อ้อม สุนิสา ก่อนออกอัลบั้ม จนมาเข้าตาค่ายมอร์ มิวสิคในเครือแกรมมี่และได้ทำอัลบั้มแรกในชีวิตเมื่อปี 2002 ชื่อชุด Zeal ในแนวดนตรีร็อคแต่มีซาวด์ของซินธิไซเซอร์หรือเครื่องสังเคราะห์เสียงมาใช้มากกว่าวงอื่น เพลงเปิดตัว เหวี่ยง ทำให้คอร็อคบ้านเราหันมาสนใจวงนี้กันทันที ต่อเนื่องกันด้วยเพลงโง่เขลาที่ติดตลาดคนฟัง และมาถึงเพลงสองรักที่กลายเป็นเพลงฮิตที่สุดของวง ทำให้แค่อัลบั้มแรกวงซีลก็แจ้งเกิดได้ในทันที ก่อนที่จะมีผลงานมาทั้งหมด 5 อัลบั้มมีเพลงดังๆเช่น หมดชีวิต(ฉันให้เธอ), พบเพื่อเพียงผ่าน รวมไปถึงการทำ Little Rock Project นำเพลงวงไมโครมาร้องใหม่ ปัจจุบันเพิ่มสมาชิกใหม่คือ ศิลา มือกีต้าร์ แต่ผลงานของวงซีลในช่วงหลังจะเน้นไปที่เพลงประกอบละครซะมากว่า

 

2003 เอบี นอร์มอล 

วงนี้เคยออกอัลบั้มมาแล้วในชื่อวง แรมเพจ โดยมี แดนนี่ รามณรงค์ เป็นนักร้องนำในแนวนูเมทัล ก่อนที่แดนนี่จะไปเรียนต่อต่างประเทศเมื่อปี 2001 ทำให้ต้องหานักร้องคนใหม่และมาได้ กวาง ร้องนำแทน โดยยังคงสมาชิกอีก 3 คน ทั้ง โอ่ง (กีต้าร์), เก่ง (เบส) และ หนีด (กลอง)ไว้ แต่เปลี่ยนชื่อวงเป็น เอบีนอร์มอล มีผลงานกับค่าย Madcatz ในเครือแกรมมี่เมื่อปี 2003 ชื่ออัลบั้ม ปกติ ส่งเพลงพูดไม่ค่อยเก่งและตัวประกอบติดหูคนฟังทันทีอย่างรวดเร็ว ซึ่งแนวเพลงถือว่าเบาลงกว่าตอนที่เป็นวงแรมเพจพอสมควรแต่ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ออกอัลบั้มที่ 2 ในปีต่อมาก็ยิ่งเปรี้ยงปร้างกว่าเดิมกับเพลง ใจน้อย วงเอบีนอร์มอลยังได้ร่วมทำโปรเจ็คพิเศษของทางแกรมมี่ทั้ง Pack 4 ที่นำเพลงของ เต๋อ เรวัติ มาร้องใหม่ และ Little Rock Project มีผลงานมาทั้งหมด 4 อัลบั้ม แต่ช่วงหลังนั้นเน้นไปทางเพลงประกอบละครจนประกาศแยกวงไปเมื่อปี 2014 โดยกวางกลายเป็นศิลปินเดี่ยวไป

 

2003 เรโทรสเปกต์ 

วงดนตรีแนวเมทัลที่เริ่มจาก แน๊ป (ร้องนำ), บอม (เบส), บิ๊ก (กีต้าร์), น็อต (กีต้าร์) มีความในแนวดนตรีร็อคหนักๆเช่นเดียวกันจึงฟอร์มวงขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า “Retrospect” ในช่วงแรกนั้นเล่นตามงานเล็กๆก่อนที่ บิ๊ก จะไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ แต่ได้ เบิร์ธ (มือกลอง) มาเพิ่ม ทำให้สมาชิกที่เหลืออีก 4 คนยังคงเล่นดนตรีต่อไปและได้รับการชักชวนจาก ต้น ดีเซมเบอร์ ให้ออกอัลบั้มจึงมีผลงานมินิอัลบั้มเมื่อปี 2003 ชื่อชุด E.P. For Your Ears Only ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก ขึ้นคอนเสิร์ต Fat Festival ครั้งที่ 3 ก่อนจะไปเข้าตาค่ายจีนี่ เร็คคอร์ดส์ทำซิงเกิ้ลเพลง “ไม่มีเธอ” ออกมาเมื่อปี 2004เหมือนเป็นการโยนหินถามทาง เมื่อรู้ว่ามีกลุ่มแฟนเพลงตอบรับดนตรีสไตล์นี้ เรโทรสเปกต์จึงมีอัลบั้มเต็มครั้งแรกเมื่อปี 2007 ในชื่อ อัลบั้มว่า อันลีชท์ (Unleashed) ส่งเพลงดังๆอย่าง เพราะว่ารัก, ปล่อยฉัน เข้าติดหูคนฟังทันที จึงมีผลงานออกมาจนถึงปัจจุบันอีก 3 อัลบั้ม มีเพลงฮิตมากมายทั้ง เหนื่อยไหมหัวใจ, ศรัทธาแห่งรัก ครองใจผู้ฟังอย่างต่อเนื่อง

 

2003 สวีตมัลเล็ต 

วงที่ทำเพลงกันเองโดยมีเต๋า อดีตนักร้องนำวง napkin และ วีน รุ่นน้องของวงอีโบล่ารวบรวมสมาชิกทำวงกันขึ้น โดยออกมินิอัลบั้มชื่อชุด Panaphobia ในปี 2003โดยเน้นเปิดเพลงทาง 104.5 Fat Radio คลื่นที่สนับสนุนค่ายเพลงเล็กๆ ทำให้ชื่อของสวีตมัลเล็ต เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนปี 2004 ได้เซ็นสัญญากับค่ายจีนี่ เร็คคอร์ดส์ในเครือแกรมมี่ทำซิงเกิ้ลเพลง “ตอบ” กับวงอื่นๆเช่นเรโทรสเปกต์และได้รับความนิยมพอสมควร จึงค่อยๆมีกระแสมากขึ้นและเป็นวงเปิดให้กับศิลปินอื่นๆเช่น บอดี้สแเลม ในปี 2007 พวกเขาก้ได้มีอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของตนเองขึ้นมาชื่อชุด Light Heavyweight มีเพลงฮิตอย่าง “หลอมละลาย” “หลับข้ามวัน” และ “เพลงของคนโง่” ติดหูคนฟังทันที ก่อนจะมีผลงานชุดที่ 2 ในอีก 3 ปีต่อมาชื่อชุด Sound of Silence ก็ยังมีเพลงดัง “สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน” เข้าสู่กลุ่มคนฟัง ทำให้ได้รับการยกย่องในฝีมือว่าเป็นวงที่เล่นสดได้ดีและเข้าถึงอารมณ์เพลง

 

2004 โซคูล 

วงที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดยเริ่มจากสมาชิกอย่าง โจ๊ก (กีต้าร์,ร้องนำ) และ มาร์ช (กลอง) กับ แจน (กีต้าร์) และ เจมส์( เบส) 2 คู่พี่น้องแท้ๆ 2 ครอบครัวตั้งวงขึ้นมาโดยมีวงโลโซเป็นไอดอล วงเริ่มจากการเดินสายประกวดตามเวทีต่างๆจนมาถึงเวทีการประกวดถ้วยพระราชทานชิงแชมป์ประเทศ ซึ่งวงโซคูลติด 1 ใน 10 วงสุดท้ายจนได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดอัพจีในเครือแกรมมี่ มีอัลบั้มเต็มครั้งแรกเมื่อปี 2004 ในชื่อชุด So Cool สงเพลงคนเจียมตัวติดหูคนฟังอย่างรวดเร็ว จึงได้ทำอัลบั้มที่สองต่อเนื่องในปี 2005 ชื่อชุด So Hot และกระแสการตอบรับถือว่าดีกว่าเดิม มีเพลงฮิตอย่าง เลี้ยงส่ง ที่ร้องกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง ทำให้วงโซคูลที่แม้จะเป็นวงร็อคลุคบ้านๆกลับโดนใจคนฟังได้อย่างรวดเร็วด้วยควาหลุดโลก ไม่ว่าจะเป็นมิวสิควีดีโอที่ขี่ควายเน้นความตลก แต่ด้วยฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดา วงโซคูลจึงมีปัลบั้มออกมาทั้งหมด 7 ชุดจนถึงปี 2012 ซึ่งได้รับควานิยมทุกชุด ก่อนที่จะยุบวงกันไปเมื่อปี 2015 เพราะโจ๊ก นักร้องนำให้เหตุผลว่าต้องการให้เวลากับครอบครัว

 

2005 ฟาเรนไฮต์ 

วงที่มีจุดเริ่มต้นจากสองสมาชิกวงโลโซอย่าง รัฐ และ ใหญ่ ต้องการจะฟอร์มวงขึ้นมาใหม่ จึงได้ชักชวน พิเชษฐ์ เครือวัลย์ อดีตมือกีต้าร์วง Y not 7 และได้ ทราย อดีตนักร้องวงสตูดิโอโตโม่ เข้าร่วมวง ทำเพลงกับค่ายมอร์มิวสิคขึ้นมาเมื่อปี 2005 ชื่อชุด องศาฟาเรนไฮต์ มีเพลงฮิตอย่าง เงียบทำไม, ผิดไหม และ เจ้าหญิง เข้าติดหูคนฟัง ด้วยประสบการณ์ทางดนตรีของอดีตสมาชิกวงดังอย่างโลโซและวาย น็อต เซเว่น ทำให้อัลบั้มนี้ได้รับคำชมค่อนข้างมากจนได้ทำอัลบั้มพิเศษ Extra Fahrenheit นำเพลงของศิลปินแกรมมี่มาทำใหม่ในปีเดียวกัน และเพิ่มเพลง “น้ำตาคือคำตอบ” ซึ่งได้รับความนิยมอีกเช่นกัน หลังจากอัลบั้มนี้วงก็ได้เปลี่ยนมือเบสมาเป็น อาคม นุชนิล อดีตมือเบสวงแท็กซี่ และออกอัลบั้ม Fahrenheit Way มาในปี 2006 น่าเสียดายที่อัลบั้มนี้ได้รับความนิยมไม่เท่าชุดก่อนๆ สมาชิกของวงนี้จึงค่อยๆแยกย้ายกันไป โดยปัจจุบันเป็นวงแบ็คอัพในคอนเสิร์ตของ อัสนี-วสันต์

Taylor 214CE-K DLX กีตาร์โปร่งไฟฟ้า

ขายเพียง  63,000฿ จาก  90,000฿

10 อัลบั้มเพลงวงร็อคยอดขายสูงสุดของโลก

ในการทำอัลบั้มเพลงในแต่อัลบั้ม จะต้องพิถีพิถันทำดนตรีและเนื้อร้องให้ออกมาได้มีคุณภาพมากที่สุดถึงจะเจาะกลุ่มคนฟังได้ ในวงร็อคบางวงอาจจะแหวกแนวทำซาวด์ใหม่ๆหรือเน้นขายความคิดสร้างสรรค์แทน ในยุคปัจจุบันนั้นเป็นที่น่าเสียดายว่าวงการดนตรีได้รับผลกระทบจากอินเตอร์เนตไปมาก ผู้คนยุคนี้จะเน้นคลิกฟังจากทางยูทูปเสียมากกว่าทำให้ยอดขายอัลบั้มของศิลปินไม่เปรี้ยงปร้างเช่นเดิม จนบางวงต้องมาออกเป็นซิงเกิ้ลแบบเพลงเดี่ยวแทนที่จะทำรวมให้ครบ 10 เพลงแบบยุคก่อน วันนี้เราจะมาดูกันว่าวงร็อควงไหนที่สามารถทำยอดขายเท่าไหร่กันบ้างในช่วงที่ยังไม่มีอินเตอร์เนต ซึ่งยอดขายตรงนี้ทาง RIAA (Recording Industry Association of America) สมาคมสถิติจากอเมริการ่วมมือกับ Music Canada บันทึกจากยอดขายอย่างเป็นทางการที่เชื่อถือได้จากการเปิดเผยของค่ายยักษ์ใหญ่ เช่น EMI, Sony Music และ Warner Music

อันดับ 10 Dire Straits อัลบั้ม Brothers in Arms (17.7 ล้านชุด)

วงร็อคอังกฤษที่มีมือกีต้าร์สุดแนวอย่าง มาร์ค น็อปเฟลอร์ (Mark Knopfler) ที่รู้จักกันดีจากการโซโล่ด้วยการใช้นิ้ว ซึ่งฝากฝังเพลง “Sultans of Swing” ให้มือกีต้าร์นั่งแกะกันตั้งแต่อัลบั้มแรก โดยชุด Brothers in Arms ที่ออกมาเมื่อปี 1985 กับค่าย Warner Brother Records จัดเป็นชุดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของวงนี้ ทำยอดขายอย่างเป็นทางการไปได้ 17.7 ล้านชุด ติดอันดับ 8 อัลบั้มที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของอังกฤษ ทำยอดขายที่อังกฤษไปถึง 4.1 ล้านชุดจนถึงปี 2016 มีเพลงฮิตอย่าง “Walk of Life” และ “Money for Nothing” ส่งผลให้อัลบั้มคว้าสองรางวัลแกรมมี่อวอร์ด คือการอัดเสียงยอดเยี่ยม และ Best Rock Performance จากเพลง “Money for Nothing” และรางวัลอัลบั้มเพลงอังกฤษยอดเยี่ยมแห่งปี รวมไปถึงขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ตและชาร์ตเพลงต่างๆในหลายประเทศทั่วโลก

Image result for supernatural santana

อันดับ 9 Santana อัลบั้ม Supernatural (20.5 ล้านชุด)

วงร็อคสไตล์ลาตินที่มี คาร์ลอส ซันตาน่า มือกีต้าร์ชื่อก้องโลกเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1969 โดยชุด Supernatural นี้เป็นอัลบั้มที่ 17 ของพวกเขาที่ออกมาเมื่อปี 1999 ส่งผลให้ดนตรีลาตินเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น เพลงฮิตติดหูในอัลบั้มนี้คงไม่พ้น “Smooth” ที่ได้ ร็อบ โธมัส (Rob Thomas) นักร้องชาวอเมริกันมาร่วมแจมจนโด่งดังไปทั่วโลก รวมไปถึงเพลง Maria Mariaที่ได้ The Product G&B ดูโอ R&B ชาวอเมริกันมาเป็นผู้ขับร้อง ชุดนี้เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของพวกเขาด้วยยอดขาย 20.5 ล้านชุดอย่างเป็นทางการ กวาด 8 รางวัลแกรมมี่อวอร์ดโดยหนึ่งในนั้นคือสาขา อัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี แค่ 3 สัปดาห์แรกก็ทำสถิติยอดขายเกิน 5 แสนชุดทั่วโลกไปแล้ว เพลง Smooth และ Maria Maria ต่างผลัดกันทะยานขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ต และอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงอีกหลายๆประเทศ

Image result for metallica albums

อันดับ 8 Metallica อัลบั้ม Metallica (20.5 ล้านชุด)

ไม่บ่อยครั้งที่เราจะเห็นแนวเพลงหนักๆอย่างเฮฟวี่เมทัลสามารถทำยอดขายได้สูง เพราะด้านความนิยมถือว่าอยู่ในวงแคบกว่าเพลงป็อปและร็อคทั่วไป แต่เป็นข้อยกเว้นสำหรับวง Metallica โดยเฉพาะอัลบั้มที่ 5 ชื่อเดียวกับวง Metallica ของพวกเขาที่ออกมาเมื่อปี 1991 สามารถทำยอดขายอย่างเป็นทางการไปได้ที่ 20.5 ล้านชุด อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตที่มือกีต้าร์ต้องแกะกันแทบทุกรายอย่าง “Enter Sandman” รวมไปถึงเพลงดังอื่น “The Unforgiven,” และ “Don’t Tread on Me” แถมยังสร้างปรากฏการณ์เป็นวงเมทัลที่ขึ้นอันดับ 1 ใน US บิลบอร์ดชาร์ต อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิจารณ์เล็กน้อยว่าอัลบั้มนี้พวกเขาลดความเป็นเมทัลลงจากชุดก่อนๆไปพอสมควร ทว่ายอดขายเกิน 5 แสนแผ่นในสัปดาห์แรกและรวม 16 ล้านชุดในอเมริกาจนถึงปี 2016 ก็แสดงให้เห็นว่าเพลงร็อคเมทัลก็เป็นที่นิยมในอเมริกันชนได้เหมือนกัน

อันดับ 7 The Eagles อัลบั้ม Hotel California (21.5 ล้านชุด)

คงไม่มีใครไม่รู้จักสุดยอดเพลงดังอย่าง Hotel California ซึ่งเพลงตำนานนี้อยู่ในอัลบั้มชุดที่ 5 ของวง โดยปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมปี 1976 สามารถทำยอดขายอย่างเป็นทางการได้ที่ 21.5 ล้านชุด นอกจากเพลง Hotel California ก็ยังมีเพลง “New Kid in Town” และ “Life in the Fast Lane” ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่วง The Eagles ประสบความสำเร็จสูงสุดเข้าชิงแกรมมี่อวอร์ดถึง 5 สาขา ก่อนจะได้มา 2 รางวัล อัลบั้มนี้มีการเปลี่ยนมือกีต้าร์มาเป็น โจ วอลช์ (Joe Walsh) ที่เข้ามาแทน เบอร์นี่ ลีดอน (Bernie Leadon) ซึ่งท่อนโซโล่ประสานระหว่าง ดอน เฟลเดอร์ (Don Felder) และโจ วอลช์ ในเพลง Hotel California ก็ยังคงเป็นตำนานมาถึงปัจจุบัน และนิตยสารโรลลิ่งสโตนจัดให้อัลบั้มนี้อยู่ในอันดับ 37 ของอัลบั้มยอดเยี่ยมตลอดกาล

Image result for Appetite for Destruction

อันดับ 6 Guns N’ Roses อัลบั้ม Appetite for Destruction (21.6 ล้านชุด)

อัลบั้มเปิดตัววงร็อคในตำนานอย่าง Guns N’ Roses ที่ได้ W. Axl Rose มาโชว์พลังเสียงสุดร็อคและมือกีต้าร์ที่กลายเป็นไอดอลของใครหลายคนอย่าง Slash ออกมาเมื่อปี 1987 สร้างปรากฏการณ์เป็นยอดขายสูงสุดของวงร็อคหน้าใหม่ แค่เพลงเปิดตัว “Welcome to the Jungle” ก็เขย่าวงการเพลงร็อคได้ทันที และมีเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง “Sweet Child o’ Mine” ที่กระโดดขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ตในอเมริกาอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วย อัลบั้มนี้ทำให้คนรู้จักและยกย่อง Guns N’ Roses ให้เป็นหนึ่งในวงร็อคแถวหน้าของโลกในทันที โดยยอดขายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการคือ 21.6 ล้านชุด อยู่ในอันดับ 11 ของ ยอดขายอัลบั้มตลอดกาลในอเมริกา และติด 100 อัลบั้มยอดเยี่ยมของโลกอีกด้วย

อันดับ 5 The Beatles อัลบั้ม 1 (22.6 ล้านชุด)

อัลบั้มนี้ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 2000 หรือครบรอบ 30 ปีที่วง Beatles ต้องแยกย้ายกันไป โดยเป็นการรวบรวมเอาเพลงฮิตทั้งหลายของวงมาสู่ผู้ฟังอีกครั้งไม่ว่าจะเป็น “Let It Be”, “Can’t Buy Me Love” หรือ “Yesterday” โดยอัลบั้มนี้แบ่งเป็น 4 ส่วนในแต่ละ Timeline ของวงมีเพลงทั้งหมด 27 เพลง จำหน่ายเป็นชุดซึ่งก็จะมีโหนังสือเล่มเล็กๆจำนวน 32 หน้าแบบสีที่จะบรรยายถึงประวัติสมาชิกวง ประวัติของแต่ละเพลงติดมาให้อีก จึงเป็นอัลบั้มสะสมที่แฟน 4 เต่าทองไม่ยอมพลาด โดยสถิติยอดขายที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการคือ 22.6 ล้านชุด เอาแค่เฉพาะที่อเมริกาประเทศเดียวก็ทำยอดถึง 12.4 ล้านชุด ติดอยู่ในอันดับ 4 ของอัลบั้มที่ขายดีหลังจากปี 2000 ในอเมริกา เป็นการยืนยันถึงความนิยมที่ไม่เสื่อมคลายของวงอย่างดี นอกจากนี้แล้วอัลบัมนี้ยังขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตอีกหลายๆประเทศเช่นเดียวกัน

Image result for The Dark Side of the Moon

อันดับ 4 Pink Floyd อัลบั้ม The Dark Side of the Moon (24.2 ล้านชุด)

อัลบั้มโด่งดังที่สุดของวง Pink Floyd ที่การออกแบบหน้าปกทำได้ครีเอทสุดๆกับภาพสายรุ้ง 7 สีหักเหแสงจากสามเหลี่ยมปริซึ่ม อัลบั้มนี้้เป็นอัลบั้มที่ 8 ของวงโดยออกมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ปี 1973 ความโดดเด่นในอัลบั้มนี้คือมีเพลงที่บรรแลงแต่ดนตรีไม่มีเนื้อร้องถึง 2 เพลงอย่าง “Speak to Me” และ “On the Run” รวมไปถึงเพลงตำนานอย่าง “Money” ที่ได้เสียงของมือกีต้าร์เดวิด กิลมอร์มาร้องนำเอง และเพลง “Time” ที่กลายเป็นเพลงด่านทดสอบให้มือกีต้าร์รุ่นหลังแกะกันอย่างยากลำบาก เนื้อร้องในอัลบั้มนี้จะพูดถึงด้านมืดมนุษย์ เช่น ความขัดแย้ง ความโลภ และความตาย แต่กลับถูกใจคนฟังอย่างมากจนขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ตในวันที่ 28 เมษายน 1973 หรือแค่ไม่ถึง 2 เดือนเท่านั้น โดยชุดนี้ทำยอดขายได้ถึง 24.2 ล้านชุด และนิตยสารโรลลิ่งสโตนก็จัดให้อยู่ในอันดับ 43 ของอัลบั้มยอดเยี่ยมตลอดกาลอีกเช่นกัน

Image result for Back in Black

อันดับ 3 AC/DC อัลบั้ม Back in Black (26.1 ล้านชุด)

อัลบั้มที่ 7 ของวงร็อคออสเตรเลี่ยน ขณะนั้นมีสมาชิกอยู่ 5 คนคือ แองกัส และ มัลคอล์ม ยัง (Angus and Malcolm Young) เล่นกีต้าร์, คลิฟฟ์ วิลเลี่ยมส์ (Cliff Williams )(เบส), ฟิล รุดด์ (Phil Rudd )(กลอง) และ ไบรอัน จอห์นสัน (ร้องนำ) ปล่อยออกมาเมื่อปี 1980 ต่อยอดจากอัลบั้ม Highway to Hell เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ ทำให้อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของพวกเขาด้วยยอดขายถึง 26.1 ล้านชุด มีเพลงฮิตเช่น “Back in Black”, “You Shook Me All Night Long” และ “Hells Bells” เป็นเพลงชูโรง อัลบั้มนี้วงต้องบินไปอัดเสียงกันที่บาฮามัส โดยหลายๆเพลงของอัลบั้มนั้นมาจากปลายปากกา บอน สก็อตต์ (Bon Scott) อดีตนักร้องที่เสียชีวิตก่อนจะออกอัลบั้มนี้จนต้องเปลี่ยนตัวนักร้องมาเป็น ไบรอัน จอห์นสัน (Brian Johnson) ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการจากไปของสก็อตต์มีผลกระทบต่อวงเป็นอย่างมาก แต่เพื่อนร่วมวงคนอื่นๆก็ร่วมกันแต่งเนื้อร้องและทำนองเพิ่มเพื่อสืบเจตนารมณ์ของสก็อตต์อย่างเต็มที่จนเพลง “Back in Black” ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงตำนานของวง

Image result for Led Zeppelin IV

อันดับ 2 Led Zeppelin อัลบั้ม Led Zeppelin IV (29 ล้านชุด)

อัลบั้มชุดที่ 4 ของวงร็อคในตำนาน Led Zeppelin ที่มีเพลงอมตะ Stairway to Heaven เป็นเพลงสุดท้ายหน้า A ออกมาให้มือกีต้าร์ทั่วโลกได้นั่งแกะตามรอย จิมมี่ เพจ (Jimmy Page) กันหัวปั่น อัลบั้มนี้ปล่อยออกมาเมื่อปี 1971 โดยมีแค่ 8 เพลง ทว่าแต่ละเพลงค่อนข้างยาวอย่างเช่น Stairway to Heaven ก็ปาเข้าไปเกิน 8 นาทีแล้ว และยังมีเพลงฮิตอื่นๆเช่น Black Dog, Rock and Roll หรือ Going to California อยู่ในอัลบั้มชุดนี้ โดยสามารถบันทึกยอดขายไว้ที่ 29 ล้านชุด จนได้เข้าไปอยู่ Hall of Frame หรือหอคอยเกียรติยศในรางวัลแกรมมี่อวอร์ด เมื่อปี 1999 ในขณะที่เพลง Stairway to Heaven ที่เขียนโดยจิมมี่ เพจ (Jimmy Page) และ โรเบิร์ต แพลนท์ (Robert Plant) เข้าวินอันดับ 1 ใน Greatest Guitar Solos ที่จัดโดยนิตยสาร Guitar World

Image result for Their Greatest Hits (1971–1975)

อันดับ 1 The Eagles อัลบั้ม Their Greatest Hits (1971–1975) (32.2 ล้านชุด)

วงร็อคตำนานจากอเมริกาที่มีเพลงฮิตติดหูคนฟังทั่วโลกอย่าง Hotel California ออกอัลบั้มมาตั้งแต่ปี 1971 จนถึงปัจจุบัน โดยมีอัลบั้มมาทั้งหมด 7 อัลบั้ม ซึ่งชุดที่ขายดีที่สุดนี้คือชุดที่รวบรวมเอาเพลงฮิตใน 4 อัลบั้มแรกของพวกเขาไว้ด้วยกันโดยสามารถทำยอดขายไปได้ 32.2 ล้านชุด แต่หากใครคาดหวังว่าจะซื้อมาฟังเพลง Hotel California ขอบอกเลยว่าไม่มีในอัลบั้มนี้ เพราะเพลง Hotel California นั้นอยู่ในอัลบั้มชุดที่ 5 ที่ออกมาเมื่อปี 1976 แต่อัลบั้มนี้ก็ยังมีเพลงดังๆอย่าง Tequila Sunrise ที่อยู่ในชุด Desperado ชุดที่ 2 ของพวกเขา รวมไปถึงเพลง Take It Easy เพลงแรกในอัลบั้มแรกที่เปิดตัววง Eagles ก็ถูกใส่เข้ามาเป็นเพลงในอัลบั้มนี้เช่นเดียวกัน ยอดขายของอัลบั้มนี้ได้ถูกบันทึกโดย RIAA (Recording Industry Association of America) ติดอันดับ 2 ตลอดกาลรองจากอัลบั้ม Thriller ของ ไมเคิ่ล แจ็คสัน และเป็นอันดับที่ 1 ในหมวดหมู่เพลงร็อค