Monthly Archives: ตุลาคม 2016
Schecter Omen Extreme-6 กีตาร์ไฟฟ้า
ขายเพียง  14,800฿ จาก  18,500฿Cort Artisan C4 Plus ZBMH เบสไฟฟ้า
ขายเพียง  9,775฿ จาก  11,500฿Cort SFX-CED กีตาร์โปร่งไฟฟ้า
ไวโอลิน Elman EL1500
ขายเพียง  2,490฿ จาก  3,200฿Kanet เมโลเดี้ยน 37 คีย์
ขายเพียง  790฿ จาก  1,000฿Kanet เมโลเดี้ยน 25 คีย์
ขายเพียง  399฿ จาก  650฿Cort Artisan C5 Plus ZBMH เบสไฟฟ้า
ขายเพียง  10,200฿ จาก  12,000฿Yamaha PSR-F51
Veelah Mini Camper R กีตาร์โปร่ง
ขายเพียง  8,775฿ จาก  9,750฿4 วิธี เล่นกีต้าร์ให้ออกสำเนียงฟังเป็นทำนองขึ้น
อยากเป็นสาย progressive rock แต่เล่นกีต้าร์ฟังยังไม่ขึ้น ทำนองยังไม่ไหลลื่น คอร์ดฟังไม่ถึงใจ มาดู 4 วิธีง่าย ๆ
ที่จะทำให้เล่นกีต้าร์ฟังออก ‘ทำนอง’ มากขึ้น
1. ใช้คอร์ดเจ๋ง ๆ
ไม่เชื่อก็ลองพิสูจน์ได้ จากคอร์ดทาบธรรมดา เติมโน้ต 9th เข้าไป แล้วแค่เกลาคอร์ด ก็ฟังออกทำนองแล้ว
2. เล่นบนจังหวะแปลก ๆ
บางครั้งเราอาจจะเล่นทำนองบ้าน ๆ เดิม ๆ แต่เล่นบนจังหวะแปลก ๆ อย่าง 5/4 หรือ 7/4 ก็เปลี่ยนทำนองธรรมดา ๆ เป้นผลงานขึ้นหิ้งได้เลย
3. ใช้ “โมทีฟ (Motif)”
โมทิฟ คือ ไอเดียทางดนตรี ซึ่งก็คือจังหวะสั้น ๆ ถ้าใครเคยฟังบทประพันธ์ของ Beethoven ที่ร้องว่า แท้นแท่นแทนนน…แท้นแท่นแทนน… จังหวะนี้จะถูกใช้ไปเรื่อย ๆ แต่เปลี่ยนโน้ตเอา
ดังนั้นคิดจากจังหวะสั้น ๆ แล้วต่อยอด ดัดแปลงจากตรงนั้น นั่นแหละวิธีคิดทำนองจากโมทีฟ
4. รู้จักที่จะ “เงียบ”
ดนตรี ก็คือภาษาอย่างหนึ่ง ความเงียบก็คือจังหวะหยุดพักบนประโยคเพลงนั่นเอง แทนที่จะเล่นไหลไปเรื่อย ๆ จงรู้จักที่จะแทรกความเงียบลงไปเพื่อเบรคทำนองบ้าง จะทำให้ฟังเป้นทำนองขึ้น
พบกับบทความของเรา ตั้งแต่พุธ – อาทิตย์ ทุกสัปดาห์
อ่านบทความอื่น ๆ ต่อที่ musicarms.net/category/ma/content/
====================================
ขอขอบคุณชาแนล Music is Win บน youtube และ เว็บไซต์ mrfastfinger.net
ทฤษฎีแห่งสาย: สายกีต้าร์ต่างกันยังไง?
ซองสายกีต้าร์ที่เรียกกันว่าเบอร์ 9 เบอร์ 10 เรียกจากความกว้างของสายที่เล็กที่สุดในซองนั้น เช่น ถ้าสายเล็กสุดในซอง มีความกว้าง 0.009 นิ้ว เราก็เรียกซองนั้นทั้งซองว่าเบอร์ 9
ซึ่งไอ้ขนาดของสาย นอกจากเส้นเล็กสุดแล้วจะค่อย ๆ ไล่ ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะไม่ทิ้งห่างกันมากนัก ทำให้ชุดสายเบอร์ 9 สายเล็กเหมือนกันทั้งชุด หรือเบอร์ 12 ก็ใหญ่เหมือนกันทั้งชุด
ทำให้เราจัดประเภทสาย จากขนาดเล็กใหญ่นั่นเอง
เป็นที่ลือชาในหมู่นักดนตรีอยู่แล้วว่าสายแต่ละประเภท ให้เสียงที่ไม่เหมือนกัน แต่การที่จะทดลองวิทยาศาสตร์เปลี่ยนสายไปเรื่อย ๆ ก็เป็นอะไรที่เปลืองไปหน่อย วันนี้เราสรุปข้อแตกต่างแต่ละสายมาให้ฟังกัน
จะได้ไม่ต้องเสียเงินไปลอง
– สายขนาดเล็ก (เบอร์ 9 ลงไป)
ให้เสียงที่แหลมใส เสียงเหล็กกระทบเฟร็ต เบนด์สายง่าย เล่นง่าย ความบางของสายทำให้สัมผัสเหมือนไม่มีความตึง แต่เสี่ยงขาด เพราะเบนด์หนักมือเกินได้ การดีดปิ้กหนัก ๆ เบนด์สายหนัก ๆ มีผลทำให้สายเสื่อมสภาพไว เสียงแย่ลง
– สายขนาดกลาง (10 – 11)
ให้ความทึมทึบ เน้นย่านกลาง เหมาะกับแนวบลูส์ หรือร็อค สายไม่กระพืบเวลาดีดหนักมือ เวลาเบนด์ สายมีแรงต้าน อยากจะเล่นให้เสียงดี ๆ ปรับ gain น้อยลงมาหน่อย
– สายขนาดใหญ่ (12 ขึ้นไป)
เสียโทนใส ๆ ไปหมด แต่แลกมากับการที่ยิ่งดีดแรง สายก็ยิ่งเปล่งย่านเสียงรุ่มรวยมากขึ้น ๆ อาจจะเบนด์สาย สั่นสายยากมาก แต่ตัวสายทำให้การโซโล่ ออกหมัดชัด ฟังเป็นทำนองมากขึ้น
สายกีต้าร์ขึ้นชื่อว่ามีผลต่อเสียงกีต้าร์ของเรามาก อ่านตรงนี้ ก็เอาไปตัดสินใจกันดู ว่าจะซื้อสายแบบไหน
พบกับบทความของเรา ตั้งแต่พุธ – อาทิตย์ ทุกสัปดาห์
อ่านบทความอื่น ๆ ต่อที่ musicarms.net/category/ma/content/
====================================
ขอขอบคุณ Tonereport.com