10 เรื่องน่ารู้ก่อนไปดูคอนเสิร์ต Foo Fighters

วันที่ 24 สิงหาคมนี้ เวลา 1 ทุ่มตรง เตรียมระเบิดความมันส์กับคอนเสิร์ตวงร็อคระดับโลกอย่าง Foo Fighters เจ้าของเพลงฮิต เช่น ‘Everlong’, ‘Best of You’, ‘The Pretender’ วงนี้ขึ้นชื่อเรื่องการแสดงสดได้มันส์สะใจคนดูจนถูกยกให้เป็นหนึ่งในวงร็อคที่ต้องชมซักครั้งในชีวิต วันนี้ทาง Musicarms ก็จะขอพาไปเรียกน้ำย่อยกับ 10 เรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับวงนี้ เพื่อให้คุณรู้จักกับ Foo Fighters มากขึ้น ก่อนจะไปมันส์กับพวกเขาที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

Taylor Hawkins เคยอยู่วง Super Group ร่วมกับ Flea และ Dave Navarro
ก่อนที่จะเข้ามาเป็นมือกลองวง Foo Fighters, เทย์เลอร์ ฮอว์กิ้นส์ (Taylor Hawkins) เคยเป็นแบ็คอัพให้กับศิลปินต่างๆไม่ว่าจะเป็น อเลนนิส โมริสเซ็ท (Alanis Morissette) และ แซส จอร์แดน (Sass Jordan) สองร็อคเกอร์หญิงชาวแคนาดา นอกจาก Hawkins ที่ตีกลองแล้ว ตำแหน่งมือเบสแบ็คอัพก็ยังเป็น ฟลี (Flea) และ มือกีต้าร์คือ เดฟ นาวาร์โร (Dave Navarro) สองตำนานคนดังจากวง Red Hot Chilly Pepper ถือเป็น Super Group ในฝันของคอเพลงร็อคหลายๆคน, วงแบ็คอัพระดับเทพนี้ปรากฏในมิวสิควีดีโอเพลง “You Oughta Know”, “All I Really Want” และ “You Learn” ของ Alanis Morissette ซึ่งยังหาดูได้ใน Youtube

อัลบั้ม Wasting Light ได้แรงบันดาลใจมาจากวง Abba และวง Bee Gees
อัลบั้มที่ 7 Wasting Light ของวงที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2011 มีกลิ่นอายของร็อคแอนด์โรลพอสมควร ซึ่ง เดฟ โกรห์ล (Dave Grohl) นักร้องนำ Foo Fighters ก็ออกมายอมรับว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Abba และ Bee Gees วงป็อปชื่อดังของโลก โดยตัวเขาเองนั้นฟังเพลงหลากหลายแนวไม่ว่าจะเป็นป็อปหรือดิสโก้เพื่อนำมาประยุกต์เข้ากับวง มีการนำมาปรับแก้ไขให้ซาวด์ดนตรีทันสมัยและปรับจังหวะให้มีความเป็นร็อคมากขึ้น อย่างไรก็ตามงานเพลงชุดนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม กวาดยอดขายเกิน 6 แสนชุดที่อเมริกา และที่อังกฤษอีก 4 แสนชุด ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงถึง 11 ประเทศ รวมไปถึงคว้ารางวัลแกรมมี่อวอร์ดในสาขา Best Rock Album

วง Foo Fighters มีความสัมพันธ์อันดีกับ Prince นักร้อง R&B ชาวอเมริกัน
แม้ว่าจะชื่นชอบดนตรีคนละแนวแต่ตัววง Foo Fighters กับ ปรินซ์ โรเจอร์ส เนลสัน (Prince Rogers Nelson) นั้นเคยร่วมงานกันมาแล้ว จุดเริ่มต้นนั้นมาจาก วง Foo Fighters คัฟเวอร์เพลง”Darling Nikki” ในคอนเสิร์ต Acoustic Christmas ปี 2006 ต่อด้วย Prince คัฟเวอร์เพลง “Best of You” ของวง Foo Fighters ในการแสดงโชว์งานพักครึ่งเกมซูเปอร์โบลว์เมื่อปี 2007 สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมอย่างมากเพราะตัว Prince นั้นไม่ชอบร่วมงานกับศิลปินร็อค แต่กับวง Foo Fighters ทาง Prince ถึงกับเชิญตัว Dave ไปร่วมกันคัฟเวอร์เพลงของ “Whole Lotta Love” ของวง Led Zeppelin กันเลย ซึ่งภายหลังตัว Prince ออกมากล่าวว่าตัวเขาชื่นชอบวง Foo Fighters ค่อนข้างมาก และเพลง “Darling Nikki” ก็ถูกวง Foo Fighters นำไปเล่นในอีกหลายๆคอนเสิร์ต

ไม้กลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกทำเพื่อ Dave Grohl
เมือง Warren รัฐ Ohio สถานที่ที่ Dave Grohl ถือกำเนิดเมื่อปี 1969 ได้จัดทำไม้กลองเพื่อเป็นเกียรติแก่อดีตมือกลอง Nirvana ผู้นี้ โดยผลิตออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2009 โดยใช้ไม้ป็อปลาร์ทั้งต้นมาเหลาให้เป็นรูปร่างไม้กลอง มีน้ำหนักกว่า 900 ปอนด์ จนถูกบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊คว่าเป็นไม้กลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าขนาดของมันจะเกินกว่าที่มนุษย์จะเอามาใช้งานได้ แต่ก็เปรียบสเมือนอนุสาวรีย์ของตัว Dave Grohl เอง ปัจจุบันตั้งอยู่ที่เมือง Warren ซึ่งเจ้าตัวภูมิอกภูมิใจกับการเป็นเจ้าของสถิติโลกในเรื่องนี้มาก โดยให้สัมภาษณ์ว่า แม้เขาจะย้ายออกจากเมือง Warren ไปอยู่ Virginia ตั้งแต่ยังเด็ก แต่เขาจะบอกกับทุกคนว่าเขาภูมิใจที่ได้เกิดในเมือง Warren

งานเพลงชุดแรกของ Foo Fighters นั้น Dave Grohl เป็นคนเล่นเครื่องดนตรีทั้งหมด
อัลบั้มชุดแรก Foo Fighters จะเรียกว่าเป็นงานเดี่ยวของ Dave Grohl ก็ว่าได้ เพราะจริงๆ แล้ว เขาเล่นเครื่องดนตรีทุกอย่างด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด ยกเว้นแค่ X-Static เพลงเดียวที่ได้ เกร็ก ดัลลี่ (Greg Dull)i จากวง ดิ อัฟแกรน วิกส์ (The Afghan Whigs) มาช่วยเล่นกีต้าร์ให้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มฟอร์มวงเต็มตัวในอัลบั้มที่ 2 ด้วยการชวน แพท สเมียร์ (Pat Smear) มาเล่นกีต้าร์ และ เนท เมนเดล (Nate Mendel) มาเล่นเบส ซึ่งผิดจากที่หลายๆคนคาดว่าจะชักชวน คริส โนโวเซลิค (Krist Novoselic) อดีตมือเบส Nirvana เข้าร่วมวง โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่าต้องการให้ผู้ชมลืมภาพลักษณ์วงเก่าของเขาออกให้หมด

“Let it Die” คือเพลงที่ Dave Grohl แต่งเพื่อ Kurt Cobain
เอ็คโค่ส์ ไซเลน พาเทียนซ์ แอนด์ เกรซ (Echoes, Silence, Patience & Grace) งานเพลงสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ของ Foo Fighters ที่ออกมาเมือ่ปี 2007 มีเพลง “Let it Die” ซึ่งเนื้อหาของเพลงนั้นกล่าวถึงความรู้สึกสิ้นหวัง ไร้กำลังใจจนต้องหันไปพึ่งยาเสพติด ทำให้ผู้ฟังเชื่อกันว่าเพลงนี้ถูกแต่งมาเพื่อ Kurt Cobain อดีตสมาชิกวงเก่าของเขา โดยเจ้าตัวก็ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจเพลงนี้มาจากชีวิตของ Kurt Cobain รวมถึงปัญหาที่ คอร์ตนี่ย์ เลิฟ (Courtney Love) ภรรยาของ Kurt มีข่าวลือว่าใช้ยาเสพติดระหว่างตั้งครรภ์จนโดนศาลสั่งยึดสิทธิ์การดูแลบุตรสาว ฟรานเซส บีน โคเบน (Frances Bean Cobain) ไปช่วงเวลาหนึ่ง เพลงนี้จึงเปรียบเสมือนภาคต่อของเพลง Rape Me ที่ Kurt แต่งขึ้นเพื่อบุตรสาวตนเองในอัลบั้มของ Nirvana

Demo อัลบั้มแรกของ Foo Fighters เริ่มทำตั้งแต่สมัย Grohl อยู่วง Nirvana
ความจริงแล้ว Dave Grohl ตั้งใจที่ออกอัลบั้ม Foo Fighters โดยเป็นแค่อัลบั้มพิเศษในช่วงที่เขาเป็นมือกลองวง Nirvana เท่านั้น ตัวเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะแยกวงเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะเคยทำอัลบั้มเดี่ยว Pocketwatch เมื่อปี 1992ซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อในวงการว่า Late เพราะตัว Dave Grohl นั้นนับถือฝีมือการแต่งเพลงของ Kurt เป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากเกิดเหตุเศร้ากับ Kurt ทำให้เขาต้องรื้อโปรเจ็กต์งานเพลงชุดนี้ออกมาอีกครั้ง ซึ่ง Grohl ให้สัมภาษณ์ว่าเขาแตงเพลงเหล่านี้ตั้งแต่สมัยเป็นมือกลองและเคยนำไปให้ Kurt Cobain ฟังและชอบมาก หลังจากยุบวง Nirvana แล้ว จึงนำหลายเพลงมาเรียบเรียงใหม่และพัฒนาต่อเป็นอัลบั้มชุดแรกของ Foo Fighters นั่นเอง

The Heartbreakers เป็นวงเดียวที่ Dave Grohl เข้าร่วมก่อนจะเป็น Foo Fighters
ด้วยความที่เป็นมือกลองวงร็อคอัลเทอร์เนทีฟเบอร์ 1 ของโลกในยุคนั้น ทำให้หลังจาก Kurt Cobain เสียชีวิต มีวงร็อคหลายวงได้ชักชวน Dave Grohl และก็เป็น ทอม เพ็ตตี้ (Tom Petty) and The Heartbreakers ที่ได้ตัว Grohl ไปเป็นมือกลอง แต่ออกงานรายการ Saturday Night Live แค่โชว์เดียว Grohl ก็ตัดสินใจขอออกจากวงด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยากเป็นแค่นักดนตรีที่เล่นแบ็คอัพให้คนอื่น อยากที่จะมีเพลงเป็นของตนเองด้วยวงตัวเอง และเชื่อกันว่า ณ เวลานั้นโปรเจ็กต์อัลบั้ม Foo Fighters ที่เขาแต่งเพลงตั้งแต่สมัยอยู่วง Nirvana ได้เริ่มกลับมารื้อฟื้นแล้ว และคลิปรายการ Saturday Night Live ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 1994 ก็กลายหนึ่งในรายการตำนานของ Dave Grohl

งานเพลงอัลบั้มที่ 2 Dave Grohl เป็นคนอัดไลน์กลองแทบทั้งหมด
อัลบั้ม The Colour and the Shape งานเพลงชุดที่ 2 ของ Foo Fighters นั้น Dave Grohl ได้ฟอร์มวงของเขาขึ้นมาอย่างเต็มตัว ในช่วงแรกได้ วิลเลี่ยม โกลด์สมิธ (William Goldsmith) เป็นมือกลองและเริ่มอัดเสียงกันตั้งแต่ปี 1996 แต่ด้วยปัญหาความไม่ลงรอยกันทำให้ William Goldsmith ออกจากวงไปเมื่อต้นปี 1997 ก่อนอัลบั้มนี้จะวางจำหน่ายไม่นาน ทางวงต้องอัดเสียงแก้ไขใหม่เกือบหมด โดยให้ Dave Grohl รับหน้าที่ตีแทน ซึ่งท้ายอัลบั้มนั้นมีเครดิตของ Goldsmith แค่ 2 เพลงคือ “Doll” และ “Up in Arms” ส่วนมือกลองคนใหม่ เทย์เลอร์ ฮอว์กิ้นส์ (Taylor Hawkins) รับหน้าที่ในการทัวร์คอนเสิร์ต

ชื่อวง Foo Fighters นั้นมาจากการคลั่งไคล้ UFO ของ Dave Grohl
ด้วยความที่ Dave Grohl เป็นคนที่คลั่งไคล้ UFO แบบเข้าเส้น ชื่อของวง Foo Fighters จึงมาจากคำที่นักบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้เรียก UFO นอกจากนี้ค่ายเพลงที่เขาตั้งขึ้นมาอย่าง  รอสเวลล์ เร็คคอร์ด ก็เตั้งตามชื่อเมือง Roswell ในรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งเคยมีข่าวว่า UFO บินไปตกที่นั่นเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 1947 โลโก้ของค่ายเพลง Roswell ยังเป็นรูปคล้ายมนุษย์ต่างดาวมีตาที่โปนออกมาและศีรษะนูนสูง เป็นการยืนยันความชื่นชอบในเรื่องลี้ลับของ Dave Grohl ได้เป็นอย่างดี

ที่มา www.fuse.tv, www.diffuser.fm และ www.whatculture.com