10 หนังเกี่ยวกับดนตรีที่ต้องหามาดู !!!
ดนตรีเป็นสิ่งประกอบที่สำคัญในการทำหนังแต่ละเรื่องอยู่แล้ว เพราะดนตรีนั้นจะเป็นตัวกำกับจังหวะหรืออามาณ์ของเรื่องในขณะที่ดำเนินอยู่ อีกทั้งยังต้องมีเพลงประกอบภาพยนต์ซึ่งหลากหลายเพลงทำออกมาได้ดีและโด่งดังไม่แพ้ภาพยนต์เรื่องนั้นๆ ในประเทศไทยเองก็มีหนังที่เกี่ยวกับดนตรีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โหมโรง หรือ Succeed ห่วยขั้นเทพ ที่คอดนตรีทั้งหลายไม่น่าจะพลาดในการเข้าชม วันนี้ Musicarms ก็จะพาไปแนะนำภาพยนต์เกี่ยวกับดนตรี 10 เรื่องที่ต้องหามาดูเพราะทั้งบทหรือความประทับใจนั้นซึ่งจนต้องแบ่งปัน
School of Rock
หนังที่เข้าฉายเมื่อปี 2003 โดยมีดาวตลกชื่อดังอย่าง แจ็ค แบล็ค รับบทดารานำเรียกเสียงฮาเป็น ดูอี้ ฟินน์ ไอ้หนุ่มคลั่งดนตรีร็อคตกงานที่โดนวงไล่ออก บังเอิญต้องไปเข้าไปสวมรอยสอนหนังสือแทนเพื่อนร่วมห้องอพาร์ทเมนต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนลูกผู้ดีสุดเนี้ยบที่เล่นดนตรีคลาสสิคกับคุณครูใหญ่ผู้เจ้ากี้เจ้าการ สุดท้ายก็ทนความร็อคในตัวไม่ไหว ต้องไปตั้งวงกับเด็กๆหลังจากที่เห็นพวกเด็กๆซ้อมดนตรีกับวงออเคสตร้ากันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้บรรดาแก๊งค์เด็กที่แสดงต่างมีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดากันเลยเพราะคัดบทนักแสดงกันมาอย่างดี เจ้าหนุ่มดูอี้จะทำอย่างไรกับการปฏิวัติเด็กๆให้มาเป็นวงร็อครุ่นเยาว์สุดจี๊ด และจะฝ่าด่านพ่อแม่รวมไปถึงบรรดาคุณครูท่านอื่นอีกเช่นกัน หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมอย่างมากทั้งเรื่องการวางพล็อตและแง่ข้อคิดว่าพ่อแม่ไม่ควรบังคับลูกมากนัก บางครั้งเด็กๆก็ต้องการอิสระทางความคิด ทำให้เรื่องนี้ แจ็ค แบล็ค ได้รับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมจาก Golden Globe และหนังตลกยอดเยี่ยมจาก MTV Movie Award โดยโกยรายได้ไป 131.3 ล้านดอลลาร์
Raise your voice
หนังเรื่องนี้เข้าฉายเมื่อปี 2004 โดยก่อนเข้าฉายนั้นโดนค่อนแคะไม่น้อยว่าเป็นหนังที่ทำเพื่อ ฮิลารี่ ดัฟฟ์ ป็อปสตาร์สาวได้โชว์ตัวเท่านั้น แต่พอเข้าฉายจริงกลับเซอร์ไพร์สคนดูอย่างมาก เพราะนอกจากดัฟฟ์ที่โชว์ให้คนทั่วโลกเห็นว่าเธอไม่ได้มีดีแค่การร้องเพลงโดยตีบท เทอรี่ เฟล็ทเชอร์ นางเอกของเรื่องแตกกระจุยแล้ว พล็อตของเรื่องยังทำมาได้ซึ้งกินใจกับความฝันของสาวน้อยคนหนึ่งที่ต้องการจะเข้าเรียนโรงเรียนดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในลอสแองเจลิส เป้าหมายสุดท้ายคือการชิงทุนการศึกษาก้อนใหญ่ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น เรื่องนี้แฝงไปด้วยข้อคิดมากมายไม่ว่าจะเป็นการแก่งแย่งชิงดีในสังคม, เรื่องปัญหาครอบครัวกับการต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน หรือปัญหาสีผิวที่พ่อแม่ชาวผิวดำหวังให้ลูกคว้าทุนการศึกษาแต่สังคมจากคนผิวขาวไม่ยอมรับ ตอนจบของเรื่องนี้ให้บทสรุปที่ค่อนข้างดี โกยรายได้ไป 14.6 ล้านเหรียญ ส่งผลให้คนรับรู้ถึงพรสวรรค์ด้านการแสดงของ ฮิลลารี่ ดัฟฟ์ และเพลงประกอบภาพยนต์อย่าง Someone watching over me ที่เธอร้องก็ติดลมบนในชาร์ตเพลงทั่วโลก
Crossroads
ถ้าคุณเป็นมือกีต้าร์ต้องไม่พลาดเรื่องนี้อย่างแรง เพราะหนึ่งในดารานำในเรื่องนี้คือ สตีฟ วาย พ่อมดแห่งวงการกีต้าร์ โดยดารานำคือ ราล์ฟ มาคซิโอ้ จากเรื่องคาราเต้คิดส์ มารับบทเป็น ยูจีน เด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ทางกีต้าร์เป็นเลิศ พ่อแม่จึงส่งไปเรียนกีตาร์คลาสสิคยังโรงเรียนอันดับหนึ่งในนิวยอร์ค แต่เจ้าตัวหลงใหลในเพลงบลูส์จนหนีออกจากหอพักไปสู่ดินแดนต้นกำเนิดเพลงบลูส์ และหากินด้วยการเล่นกีต้าร์ร้องเพลงจนได้พบชายแก่เป็นเพื่อนนักดนตรีคู่ใจ ถึงทราบความจริงว่าจะเป็นสุดยอดมือกีต้าร์แห่งบลูส์ได้นั้นต้องขายวิญญาณให้กับซาตานเสียก่อน ชายแก่นั้นเคยขายวิญญาณมาแล้วและเบื่อชีวิตนักดนตรีอยากกลับไปเป็นคนธรรมดาจึงต้องดวลกีต้าร์เพื่อไถ่วิญญาณคืน โดยพระเอกขออาสาสู้แทนชายแก่เพื่อนของเขาซึ่งคู่ต่อกรก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ แจ็ค บัตเลอร์ ที่รับบทโดยสตีฟ วายนั่นเอง หนังเรื่องนี้อาจทำรายได้ไม่มากแค่ 5.8 ล้านเหรียญเพราะเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม แต่ฉากดวลกีต้าร์ในตอนจบรวมไปถึงเพลงบลูส์กว่า 30 เพลงที่ประกอบภาพยนต์เรื่องนี้กลับเป็นที่ฮือฮาจนถึงปัจจุบัน
Once
เข้าฉายเมื่อปี 2006 และโกยรายได้ไปถึง 23.3 ล้านเหรียญ สร้างความประทับใจไปทั่วโลกกับความรักของหนุ่มนักกีต้าร์ข้างถนนที่ไม่กล้าร้องเพลงที่ตัวเองแต่งจนมาพบกับนางเอกที่ชอบเล่นเปียโนแต่ไม่มีเป็นของตัวเองต้องไปขอเล่นที่ร้านดนตรี ทั้งคู่มาพบกันและได้รู้ถึงพรสวรรค์ทางด้านดนตรีของแต่ละฝ่าย จึงต่างพยายามผลักดันให้อีกฝั่งประสบความสำเร็จในชีวิต เรื่องนี้เป็นหนังรักแนวอบอุ่นแต่แฝงด้วยดราม่าลึกซึ้ง นักแสดงก็ได้ กล็น แฮนซาร์ด นักร้องนำและมือกีตาร์วงร็อคไอริชชื่อดัง The Frames และ มาร์เกตา เออร์โกลว่า นักดนตรีหญิงชาวเชคชื่อดังรับบทพระ-นางซึ่งทำได้ยอดเยี่ยมจนหลายคนต้องเสียน้ำตา ว่ากันว่าเรื่องนี้มีเค้าโครงมาจากชีวิตของ แฮนซาร์ด เอง นอกจากบทประพันธ์จะลงตัวแล้ว เพลงประกอบภาพยนตร์ “Falling Slowly” ที่ร้องโดยพระเอกและนางเอกของเรื่องยังคว้ารางวัลออสการ์สาขา Best Original Song รวมถึงรางวัลเอ็มไพร์ อวอร์ดกับซาวแทรคยอดเยี่ยมอีกเช่นเดียวกัน
8 Mile
หนังเอาใจขาแร๊พฮิพฮ็อพด้วยการนำ Eminem แร๊พเปอร์ชื่อดังของโลกมารับบทพระเอกหนุ่ม “จิมมี่” ที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องแร๊พชื่อก้องโลก แต่เจ้ากรรมจิมมี่ดันเป็นคนผิวขาวซึ่งดนตรีแร๊พนั้นเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของคนผิวดำไปแล้ว เจ้าหนุ่มจิมมี่เลยต้องพิสูจน์ตนเองว่าข้าก็ทำได้ คำว่า 8 Mile นั้นหมายถึงถนนที่ล้อมรอบเมืองดีทรอยท์โดยได้กลายเป็นเส้นแบ่งเขตแดนเมืองกับชานเมือง ระหว่างคนผิวดำและผิวขาว ซึ่งแน่นอนว่าปูมาขนาดนี้แล้วธีมของเรื่องก็ไม่พ้นการแบ่งแยกสีผิว แต่เรื่องนี้ยังสอดแทรกข้อคิดเรื่องการใช้ชีวิต, เพื่อน, และการไม่ย่อท้อต่อความฝันเข้ามา โดย Eminem นั้นแสดงได้สมบทบาทอย่างมากทั้งที่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาที่นอกจากจะฝากผลงานด้านการแสดงแล้ว ยังสามารถคว้าออสการ์รางวัลซาวด์แทร็คยอดเยี่ยมในเพลง “Lose Yourself” เพลงแร็พที่เขาเป็นผู้ขับร้องเองอีกเช่นกัน เรื่องเข้าฉายเมื่อปี 2002 เปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่ง Box Office ยอดรายได้สูงถึง 51.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ใน 3 วันแรกที่เข้าฉาย และโดยรายได้ทั้งหมด 242.9 ล้านเหรียญ
Nana
หนังญี่ปุ่นที่เข้าฉายเมื่อปี 2005 โดยมีเค้าโครงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อเดียวกันมาก่อนจะทำภาพยนตร์ตัวเรื่องนั้นจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของสองสาวที่มีนามว่า นานะ เหมือนกันแต่นิสัยแตกต่างกันสุดขั้ว ตัวนักแสดงได้ มิกะ นากาชิมะ ศิลปินป็อปร็อคชื่อดังของประเทศมารับบท นานะ โอซากิ นางเอกคนแรกซึ่งในเรื่องเป็นนักดนตรีที่ต้องการทำตามความฝันเป็นศิลปินจึงยอมลงทุนมาจากบ้านนอก และ อาโออิ มิยาซากิ รับบทนานะโคมัทสึ สาวซื่อๆทีมาจากต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ต้องมาพักที่อพาร์ทเมนต์เดียวกันจึงทำให้มิตรภาพระหว่างสองสาวเริ่มต้นขึ้นทั้งที่ไลฟ์สไตล์คนละแบบ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการประสบความสำเร็จด้านดนตรีเพราะนานะ โอซากิต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อจะเป็นนักร้องอาชีพและสอดแทรกเรื่องมิตรภาพระหว่างวงดนตรีรวมไปถึงความฝันของแต่ละคน ส่งผลให้โกยรายได้ไป 34.6 ล้านเหรียญและทำภาค 2 ออกมาอย่างต่อเนื่องในปี 2006 ตามกระแสเรียกร้อง
Amadeus
หนังอิงอัตชีวประวัติของ โมสาร์ท นักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ โดยใช้วิธีเล่าเรื่องผ่าน อันโตนิโอ ซาเลียรี่ (รับบทโดย เมอร์เรย์ อับบราฮัม) ที่ตามประวัติศาสตร์สนิทกับโมสาร์ท (รับบทโดย ทอม ฮัลซ์) แต่ในเรื่องนั้นวางบทซาเลียรี่เป็นตัวร้ายซึ่งอิจฉาพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานมาให้กับเพื่อนของเขา จึงต้องวางแผนขัดขวางไม่ให้โมสาร์ทรุ่งเรืองทางด้านดนตรี ซึ่งใครชอบดนตรีคลาสสิคหรือชื่นชอบโมสาร์ทรับรองว่าเต็มอิ่มไปกับเพลงของโมสาร์ทที่ใส่มาทั้งเรื่องรวมไปถึงประวัตินักดนตรีชื่อก้องโลกรายนี้ แม้ว่ารายได้จะค่อนข้างน้อยแค่ 52 ล้านเหรียญเมื่อเทียบกับการลงทุนด้านฉากหรือเครื่องแต่งกายที่อลังการเพราะเป็นหนังแนวเฉพาะกลุ่ม แต่เรื่องนี้กลับกวาดไปถึง 8 รางวัลออสการ์ทั้งภาพยอดเยี่ยม มิกซ์เสียงยอดเยี่ยม, ดารานำชายยอดเยี่ยม, คอสตูมยอดเยี่ยม และอื่นๆ จึงเป็นการการันตีคุณภาพของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีว่าเจ๋งแค่ไหน หนังค่อนข้างเก่าพอสมควรเพราะเข้าฉายเมื่อปี 1984 แต่หากใครจะหามาดูในปัจจุบันยังพอหาได้ ทั้งฉากและดนตรีแสนอลังการสมกับ 8 รางวัลออสการ์จริงๆ
The Phantom of the Opera
สุดยอดวรรณกรรมคลาสสิคที่นำมาฉายเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้งรวมไปถึงการนำมาทำเป็นละครเวที เนื้อเรื่องหลักคือการที่เจ้าแพนท่อมหลงรัก คริสทีน นักร้องโอเปร่าสาวและได้สอนเธอร้องเพลงจนคริสตินร้องเพลงเก่ง แต่คริสตินรักกับราอูลเจ้าของโรงละคร แพนท่อมรู้เข้าจึงไม่พอใจและลักพาตัวเธอมาเป็นของตนเอง ปีล่าสุดที่ทำเป็นภาพยนต์คือปี 2004 รับบทโดย เจอร์ราร์ด บัทเลอร์ แสดงเป็นแพนท่อม และ เอมมี่ รอสซัม นักร้องโอเปร่าสาวจากอเมริกาแสดงเป็นคริสตีน เนื่องจากเรื่องนี้เป็นแบบมิวสิคคัลคือต้องร้องเพลงเรื่อยๆแทบทุกฉากในการแสดงทำให้ผู้รับบทคริสทีนต้องคัดเอานักร้องโอเปร่าระดับแนวหน้ามาเล่น รวมไปถึงการใช้วงออเคสตร้าวงใหญ่มาเล่นเพลงประกอบ เรื่องนี้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Art Direction และ Best Original Song โดยภาคล่าสุดเมื่อปี 2004 นั้นสามารถโทำรายได้ถึง 154.6 ล้านเหรียญกันเลยทีเดียว
Begin Again
ภาพยนตร์ที่เข้าฉายไม่นานเมื่อปี 2013 โดยพล็อตเรื่องคือชีวิตของคนสองคนที่กำลังจะพังทลาย โดยฝ่ายชายเป็นโปรดิวเซอร์ที่ล้มเหลวในชีวิตรับบทโดย มาร์ค รัฟฟาโล ได้มาตกหลุมรักกับนักร้องสาวที่กำลังผิดหวังในความรักและจะล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักร้องรับบทโดย เคียร่า ไนท์ลี่ย์ เสียงดนตรีจึงเป็นเครื่องเยียวยาทั้งสองให้กัลบมาเริ่มต้นอีกครั้ง นอกจากนี้ยังได้ศิลปินดังอย่าง อดัม เลอวีน มาเล่นเป็น เดฟ โคห์ล นักดนตรีแฟนหนุ่มของนางเอกและยังรับจ็อบร้องเพลงประกอบภาพยนต์ Lost Star เรื่องนี้กล่าวถึงพลังแห่งดนตรีที่ช่วยชุบชีวิตคนสองคนที่กำลังหลงทางให้เข้ารูปเข้ารอย แฝงข้อคิดด้านการใช้ชีวิตและความฝันทำให้เรื่องนี้ติดลมบนในเมืองไทยภายในเวลาอันรวดเร็ว ดีกรีผลงานจากผู้กำกับเรื่อง Once ไม่ทำให้ผิดหวัง นอกจากนี้เพลง Lost Star ยังรางวัลออสการ์ในสาขา Best Original Song โดยตัวหนังสามารถทำรายได้ถึง 63.5 ล้านเหรียญ
Moulin Rouge
ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 8 สาขา และได้รับรางวัลสองสาขา จากการออกแบบเครื่องแต่งกาย และการออกแบบฉากเข้าฉายเมื่อปี 2001 โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงคริสเตียน (อีวาน แม็คเกรเกอร์) ชายหนุ่มนักเขียนที่เดินทางมายังกรุงปารีสจนเจอ มูแลง รูจ ไนท์คลับที่ชายหลายคนถวิลหา และพบรักกับ ซาทีน (นิโคล คิดแมน) นักเต้นของคลับแห่งนี้ แต่เธอนั้นเป็นเป้าหมายของท่านดุค ผู้มีพระคุณต่อผับมูแลง รูจ ความรักอันตรายจะจบลงอย่างไร เรื่องนี้โดดเด่นอย่างมากในด้านดนตรีประกอบเพราะใช้เพลงจากศิลปินดังๆไม่ว่าจะเป็น วงควีน, มาดอนน่า หรือ คริสติน่า อีกีเลร่า ซึ่งการที่ภาพยนตร์ใช้เพลงฮิตจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้เวลาเกือบสองปีในการติดต่อเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ผลตอบแทนถือว่าคุ้มค่าเพราะโกยรายได้ไปถึง 179.2 ล้านเหรียญ สองรางวัลออสการ์ และสามรางวัลลูกโลกทองคำ