ถ้าจะเอ่ยถึงกีต้าร์ไฟฟ้า Gibson เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก นี่คือยี่ห้อที่มือกีต้าร์หลายคนทั่วโลกใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของซักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคาแรคเตอร์เสียงที่มีความชัดเจน ด้วยปิ๊กอัพแบบ Humbucking ที่ครองใจคนทั่วโลกมามากมาย หรือจะเป็นทรงต่างๆที่โดนใจนักดนตรีไม่ว่าจะแนวร็อค, แจ๊ส, บลูส์ หรือแนวไหนๆ วันนี้ Musicarms ก็จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับบอดี้กีต้าร์ไฟฟ้า Gibson ทรงต่างๆกัน โดยจะมีทรงหลักๆอยู่ทั้งหมด 6 ทรง เชื่อว่าน่าจะเคยผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่ามีทรงอะไรบ้าง วันนี้เราไปรู้จักกับ 6 ทรงกันดีกว่าว่ามีทรงอะไรกันบ้าง

ทรง Les Paul 

นี่คือทรงที่สร้างชื่อเสียงให้กับทาง Gibson มากที่สุด จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Gibson คือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทางเฟนเดอร์ออกรุ่น Stratocaster ทำให้ Gibson ซึ่งเริ่มซบเซาเพราะพิษเศรษฐกิจหลังสงครามต้องคิดรุ่นใหม่ออกมาสู้ นาย ออร์วิลล์ กิ๊บสัน เจ้าของกิจการในขณะนั้นจึงได้ไปปรึกษากับ นาย Les Paul (มีชื่อเต็มๆว่า Lester Willium Polsfuss) นักดนตรีและนักแต่งเพลงให้ช่วยออกไอเดียให้กับตัวกีต้าร์ นาย เลส พอล จึงคิดค้นกีต้าร์รูปแบบลำตัวตันขึ้นมาแต่งต่างจากรูปแบบดั้งเดิมของ Gibson ที่มักเจาะรูตรงบอดี้ (ทรง Semi-Hollow) รวมถึงใช้วงจรไฟฟ้าจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาติดที่บริดจ์ จึงกำเนิดกีต้าร์ทรงเลส พอลออกมาครั้งแรกเมื่อปี 1952 และเป็นทรงที่ยั่งยืนอยู่คู่กับ Gibson มาอย่างยาวนาน ทรงนี้ถูกใช้โดยคนดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Slash มือกีต้าร์วง Gun’ N Roses จนมีซิกเนเจอร์รุ่น Gibson Les Paul Slash Anaconda Burst ของตนเองออกมา

ทรง SG 

เป็นอีกทรงที่สวยงามจนยากจะลอกเลียนแบบและเป็นเอกลักษณ์ของกีต้าร์ Gibson อย่างแท้จริง ทรงนี้ออกมาในปี 1960 ถูกออกแบบโดยนาย เลส พอล เช่นเดียวกับทรง Les Paul โดยมีคอนเซ็ปต์ที่จะทำให้กีต้าร์มีลักษณะบางลง เพราะทรง Les Paul นักดนตรีหลายคนส่ายหน้ากับน้ำหนักของมัน และดีไซด์ให้มีลักษณะโฉบเฉี่ยวโดนใจคนชอบแนวดนตรีร็อคในสมัยนั้น ชื่อของ SG นั้นแต่แรกย่อมาจาก Solid Guitar แปลว่ากีต้าร์ลำตัวตัน เนื่องจากช่วงแรกของทาง Gibson เน้นเจาะบอดี้แบบ Semi-Hollow แต่จากดีไซด์ที่บอดี้มีลักษณะคล้ายเขาทั้งสองด้าน ทำให้หลายคนเข้าใจและขนานนามว่า Satan Guitar (SG) กีต้าร์ SG นี้มักจะทำซาวด์ออกมาให้เป็นแนวเพลงร็อคอย่างชัดเจน อย่างตัว Standard 2018 ก็ปรับมาเป็นรุ่น 61R และ 61T ซาวด์ดุ มือกีต้าร์ที่ชอบใช้ทรงนี้ในไทยก็ พล วงแคลช

ทรง Flying V

ทรงกีต้าร์ที่ออกแบบมาเมื่อปี 1958 พร้อมกับทรง Exploror โดย Flying มีคอนเซ็ปต์ว่า เป็นกีต้าร์ที่ดูทันสมัย (ในขณะนั้น) ด้วยรูปทรงที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร และมีลกษณะสำคัญในช่วงแรกคือการใช้ไม้โคริน่า ซึ่งเป็นไม้ที่ปลูกในอเมริกาเท่านั้น ให้เสียงหนาแบบไม้มะฮอกกานีแต่มีน้ำหนักเบากว่า ทำให้ทรงนี้เป็นที่นิยมของมือกีต้าร์ทั้งแนวบลูส์และแนวร็อคอย่างมาก คนดังๆที่ใช้ทรงนี้ก็คงไม่พ้น Rudolf Schenker มือกีต้าร์แห่งวง Scorpions แมงป่องผยองเดชนั่นเอง กีต้าร์ Flying V นั้นหยุดการผลิตไปในช่วงปี 19678-1972 เนื่องจากไม้โคริน่าที่เป็นคอนเซ็ปต์ของรุ่นนี้เริ่มกลายเป็นไม้หายาก ทำให้ Gibson ต้องไปดึงเอา Tim Shaw นักทำกีต้าร์คนดังมาช่วยออกแบบใหม่ ล็อตหลังๆของ Flying V นั้นจึงมีการปรับมาเป็นไม้มะฮอกกานีตามสมัยนิยม ปัจจุบันก็กลายเป็นหนึ่งในทรงกีต้าร์ที่ชาวร็อคต่างชื่นชอบและยกนิ้วให้

ทรง Exploror

ทรงนี้ออกมาพร้อมกับทรง Flying V เมื่อปี 1958 โดยมีความพิเศษที่ได้ Grover Jackson เจ้าของแบรนด์กีต้าร์ชื่อดัง Jackson มาร่วมออกแบบ ทำให้ทรงกีต้าร์นั้นมีความเป็นร็อคมากขึ้น และส่วนหัวกีต้าร์นั้นจะคล้ายคลึงกับกีต้าร์ Jackson ซาวด์ของรุ่นนี้จะเป็นแนวร็อคอย่างชัดเจน เช่นรุ่น Gibson Explorer 2017 T ที่ใช้ปิ๊กอัพ 495 Mini-Humbucker ซาวด์จะไม่หนามากแต่เสียงจะพุ่ง เล่นเพลงร็อคสบายๆ ทรงนี้ถือเป็นทรงพี่น้องกับ Flying V มาตลอดเพราะตอนที่หยุดผลิตก็พร้อมกันเนื่องจากปัญหาไม้ที่หายากขึ้น ทำให้หลังจากดึง Tim Shaw มาในปี 1972 ก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้ไม้มะฮอกกานีตามๆกัน ทรงนี้อาจไม่ค่อยเห็นมือกีต้าร์นำมาเล่นเท่าไหร่นัก แต่ก็มี Matt Heafy แห่งวง Trivium ที่ใช้ Exploror 7 สาย และมาร่วมออกแบบในปีหลังๆของทรงนี้อีกด้วย

ทรง Firebird

ถือเป็นทรงหลักๆรุ่นน้องเล็กเพราะออกมาเมื่อปี 1968 หลังเพื่อนๆ ได้ Ted McCarty และ Ray Dietrich มาร่วมออกแบบโดยดัดแปลงจากทรง Exploror เนื่องจากช่วงนั้นทาง Fender ได้ออกทรง Jaguar และ Jazzmaster มา ทำให้ทาง Gibson ต้องงัดบอดี้แบบใหม่มาสู้โดยเน้นตีตลาดนักดนตรีแนวอื่นๆที่แตกต่างจากร็อคไป เอกลักษณ์ของกีต้าร์ Firebird หรือเจ้านกไฟนี้คือจะมีลายรูปนกที่ปิ๊กการ์ด และเสียงของ Firebird จะไม่ดุเท่ากับทรงอื่น เช่นรุ่น Gibson Firebird Studio 2018 ที่แหวกแนวเอาปิ๊กอัพแบบ Single-Coil มาใช้งานกันเลย เพราะคอนเซ็ปต์ในการผลิตกีต้าร์ทรงนี้ตั้งแต่แรกเริ่มคืออยากให้เป็นกีต้าร์ที่เล่นได้หลากหลายแนวดนตรี ทรงนี้ก็อาจจะไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่ แต่ยังมี Slash มือกีต้าร์ Gun’N Roses ที่นำออกมาเล่นอยู่บางหลายครั้ง

ทรง ES

นี่คือบอดี้กีต้าร์ไฟฟ้าของ Gibson รุ่นแรกๆที่ออกมากันเลย โดยดัดแปลงมาจากเครื่องดนตรี mandolin ที่นิยมเล่นกันในช่วงปี 1900 เอกลักษณ์ของทรงนี้คือจะเจาะรูที่บอดี้กีต้าร์ หรือเรียกกันว่า F Hole ให้กีต้าร์มีซาวด์ที่นุ่มละมุนมากขึ้น Gibson ออกบอดี้รุ่นนี้มาในช่วงปี 1930 ได้รับความนิยมโดยนักดนตรีบลูส์และแจ๊สอย่างมาก จนกลายเป็นทรงหลักของนักดนตรีสายนี้ไปเลย ศิลปินดังที่เล่นทรงนี้อยู่บ่อยๆคงไม่พ้น B.B King เจ้าพ่อดนตรีบลูส์มือ 1 ของโลก ถึงขนาดที่ว่าหลายคนเรียกทรงนี้ว่าทรง B.B King ด้วยซ้ำ กับรุ่นซิกเนเจอร์อย่าง Gibson Lucille ที่มีความพิเศษตรงที่เป็นทรง ES แต่จะไม่มีการเจาะรูที่บอดี้กีต้าร์ รุ่นนี้ออกมาเมื่อปี 1985 และกลายเป็นหนึ่งในกีต้าร์รุ่นยอดนิยมหายากทันที แม่ว่าทรง ES จะไม่ค่อยโดนใจชาวร็อคเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือเป็นทรงยอดนิยมที่ขายดีอีกทรงของ Gibson เลยทีเดียว

และทั้ง 6 ทรงนี้ก็คือทรงหลักๆของทาง Gibson ที่ทำออกมาได้ตอบโจทย์มือกีต้าร์ทั่วโลกอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นแนว ร็อค, บลูส์ หรือ แจ๊ส ต่างก็สามารถเอามาเล่นออกงานกันได้สบายๆ โดยทั้ง 6 ทรงนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของทาง Gibson ที่แทบไม่มีค่ายไหนทำออกมาได้เหมือนอีกแล้ว หากใครกำลังเบื่อทรง Stat เดิม ต้องการหากีต้าร์ระดับโลกเสียงๆดีเล่นล่ะก็มาดูแบรนด์นี้กันได้เลย และแน่นอนว่าสามารถติดต่อเข้ามาที่ทาง Musicarms กันได้ทั้ง 4 สาขา เนื่องจากเราเป็นตัวแทนจำหน่ายกีต้าร์ Gibson อย่างถูกต้องและมีของหน้าร้านพร้อมให้เพื่อนๆทุกคนเป็นเจ้ากันอยู่นะครับ