ประวัติ Eric Clapton
Eric Clapton เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 1945 ที่เมืองริปลี่ย์ (Ripley) ในประเทศอังกฤษ ชีวิตวัยเด็กนั้นอาศัยอยู่กับคุณตาคุณยายเนื่องจากพ่อเสียชีวิตและแม่แต่งงานใหม่ นามสกุล Clapton นั้นมาจากสามีคนแรกของคุณยายเขาซึ่งเป็นตาแท้ๆของเขาชื่อว่า เรจินัลด์ ซีซีล แคล็ปตัน (Reginald Cecil Clapton), เอริค แคล็ปตันเติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่รักในเสียงดนตรี กีต้าร์ตัวแรกในชีวิตเขาได้มาในวันเกิดครบรอบ 13 ปี เป็นกีต้าร์ผลิตที่เยอรมัน ยี่ห้อฮอยเออร์/Hoyer แคล็ปตันใช้ชีวิตวัยเด็กไปกับการหัดเล่นกีต้าร์แนวบลูส์เป็นสาเหตุให้เขาเรียนที่ คิงส์ตัน คอลเล็จ ออฟ อาร์ท (Kingston College of Art) ไม่จบ หลังจากโดนรีไทร์ ตัวแคล็ปตันในวัย 16 ปีได้เข้าสู่เส้นทางนักดนตรีเต็มตัวด้วยการเล่นตามผับในเมืองเซอร์เรย์ (Surrey) และมีวงแรกในชีวิตชื่อวงรูทส์เตอร์ (Roosters) ในวัย 17 ปี
ในเดือนตุลาคม ปี 1963 เอริค แคล็ปตันได้ย้ายมาอยู่วงยาร์ดเบิร์ด Yardbirds วงดนตรีแนวร็อคแอนด์โรลผสมผสานแนวบลูส์ ทำอัลบั้มแรก Five Live Yardbirds ในปี 1964 และขึ้นแสดงที่ รอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์ (Royal Albert Hall) ในปี เดียวกัน นับเป็นการขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรกของแคล็ปตัน เจ้าตัวมีผลงานกับวง Five Live Yardbirds 2 อัลบั้มก่อนจะอำลาวงไปในปี 1965 ขณะที่กำลังทำอัลบั้มที่ 3 แฮฟวิ่ง อะ เรฟ อัพ วิช เดอะ ยาร์ดเบิร์ด (Having a Rave Up with The Yardbirds) เอริค แคล็ปตัน ฝากฝังผลงานการโซโล่ในเพลง Side 2 ของอัลบั้มนี้ ก่อนจะเปลี่ยนมือมาเป็น Jeff Beck มือกีต้าร์ระดับตำนานอีกหนึ่งที่รับหน้าที่โซโล่เพลง Side 1 และเมื่อ Beck ออกจากวงก็ได้เปลี่ยนมือกีต้าร์มาเป็น Jimmy Page แทนในอัลบั้มชุดที่ 5
หลังออกจากวง Yardbirds, เอริค แคล็ปตัน ได้ย้ายมาร่วมวง จอห์น เมย์ออล แอนด์ เดอะ บลูเบรคเกอร์ส (John Mayall & the Bluesbreakers) ในช่วงนี้แคล็ปตันเดินสายอัดเพลงให้กับวงต่างๆเช่นวงแกลนส์ (Glands) ในประเทศกรีซ และร่วมแจมกับแจ็ค บรู๊ซ และ สตีฟ วินวู้ด (Jack Bruce and Steve Winwood) ในโปรเจ็คเล็กๆชื่อ Eric Clapton and the Powerhouse ช่วงเวลานี้แคล็ปตันถูกยกย่องในวงการกีต้าร์อย่างมาก ถึงขนาดมีมือกราฟิตี้พ่นสโลแกนว่า “Clapton is God” บนกำแพงเมืองอีสลิงตัน (Islington) ในปี 1967 โดยก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับฉายา Slowhand จากตอนที่เล่นให้วง Yardbirds โดยจอร์จิโอ้ โกเมลสกี้ (Giorgio Gomelsky) เป็นผู้ตั้งให้จากการที่ทำสายกีตาร์ขาดขณะเล่นคอนเสิร์ตบนเวที และยืนรอจนกว่าจะมีคนเอากีตาร์ตัวใหม่มาให้ โดยผู้ชมต่างปรบมือช้าๆรอไปด้วย มาจากคำว่า Slowhand Clap แปลว่าปรบมือ
ในปี 1966 เอริค แคล็ปตันย้ายจากวง the Bluesbreakers มาอยู่วง Cream ตามคำชักชวนของ กิงเกอร์ เบเกอร์ (Ginger Baker) มือกลองของวง เป็นจุดกำเนิดสุดยอดวงร็อคเครื่องดนตรี 3 ชิ้น ร่วมกับ แจ็ค บรู๊ซ มือเบสที่เคยร่วมงานในโปรเจ็ค Powerhouse กันมาแล้ว ออกอัลบั้มแรกชื่อชุด Fresh Cream ในปี 1966 ในแนวดนตรีบลูส์ร็อค มีเพลงฮิตอย่าง สปูนฟูล (Spoonful) และ ไอ ฟีล ฟรี (I Feel Free) โด่งดังไปทั่วโลกทันที สามารถทำยอดขายที่อเมริกาได้เกิน 5 แสนแผ่น ในช่วงนี้ผู้คนเริ่มนำเขาไปยกย่องร่วมกับ จิมมี่ เฮนดริกซ์ ว่าเป็นสองมือกีต้าร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค
เอริค แคล็ปตันอยู่กับวง Cream เพียงแค่ 4 ปีเท่านั้นตั้งแต่ 1966-1969 มีผลงาน 4 อัลบั้ม สร้างเพลงฮิตไปทั่วโลกมากมายเช่นเพลง Sunshine Of Your Love และเพลง White Room ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงหลายประเทศ โดยอัลบั้มที่ 2 ดิสเรลี่ เกียร์ส (Disraeli Gears) และอัลบั้มที่ 3 วีลส์ ออฟ ไฟร์ (Wheels of Fire) นั้นสามารถทำยอดขายที่อเมริกาได้เกิน 1 ล้านแผ่นอีกด้วย หลังอัลบั้มที่ 4 ทางวงให้เหตุผลว่าถึงจุดอิ่มตัว ปิดตำนานหนึ่งในวงร็อคที่ดีที่สุดของโลก ก่อนจะกลับมารวมตัวเฉพาะกิจในคอนเสิร์ต Royal Albert Hall เมื่อปี 2005
หลังจากยุบวง Cream เอริค แคล็ปตัน ได้เดินสายร่วมแจมวงต่างๆมากมาย ทำให้รู้จักกับ จอร์จ แฮริสัน (George Harrison) มือกีต้าร์แห่งวงบีทเทิ่ลส์ เป็นที่มาของเพลง Layla ที่โด่งดัง เนื่องจากแคล็ปตันมอบหนังสือชื่อเลย์ลา แอนด์ มาจนัน (Layla and Majnun) ให้กับ แพ็ทตี้ บอยด์ (Pattie Boyd) ภรรยาของจอร์จ สร้างตำนานรักจนแพ็ทตี้เลิกรากับจอร์จมาแต่งงานกับแคล็ปตันในปี 1979 แต่ทั้งแคล็ปตันและจอร์จยังคงเป็นเพื่อนรักกันเช่นเดิม โดยงานแต่งของแคล็ปตันนั้นทางวงบีทเทิ่ลยังมาเล่นมินิคอนเสิร์ตให้อีกด้วย เพลง Layla นี้อยู่ในอัลบั้ม เลย์ลา แอนด์ ดิ อาเทอร์ แอสซอทเต็ด เลิฟ ซอง (Layla and Other Assorted Love Songs) ของวง ดีเร็ค แอนด์ เดอะ โดมิโน่ส์ (Derek and the Dominos) ที่แคล็ปตันไปร่วมแจมในปี 1970
หลังจากร่วมแจมกับวงอื่นมายาวนาน ในที่สุด เอริค แคล็ปตันก็มีอัลบั้มเดี่ยวของตนเองในปี 1970 ชื่อชุด Eric Clapton งานชุดที่โด่งดังที่สุดคืออัลบั้ม Slowhand ชุดที่ 4 ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง Cocaine และ Wonderful Tonight ทำยอดขายที่อเมริกาได้เกิน 3 ล้านแผ่น อัลบั้มเป็นงานเพลงที่ทำยอดขายสูงสุดของแคล็ปตัน และส่งให้คอเพลงทั่วโลกรู้จักเขาในนามศิลปินเดียวเต็มตัว นอกจากชุดนี้แล้วก็มีอัลบั้มที่ 12 Rush กับเพลงฮิต Tears in Heaven ที่เอริคแต่งให้กับ คอเนอร์ แคล็ปตัน (Conor Clapton) บุตรชายซึ่งพลัดตกจาหน้าต่างอพาร์ทเมนท์ในนิวยอร์คเมื่อปี 1991 เพลงนี้คว้ารางวัล Song of the Year จากแกรมมี่ อวอร์ดในปี 1993 และเป็นหนึ่งในเพลงที่โด่งดังที่สุดของ เอริค แคล็ปตันอีกเช่นกัน
เอริค แคล็ปตัน มีผลงานเดี่ยวมาทั้งหมด 21 ชุด ตั้งแต่ปี 1970 – 2016 รับรางวัลส่วนตัวมากมายเช่นรางวัล CBE และ OBE จากสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2, คว้ารางวัลแกรมมี่อวอร์ดถึง 18 รางวัล รวมถึงเข้า Hall of Fream Top 100 Guitarist จากนิตยสาร Rolling Stones เป็นหนึ่งในมือกีต้าร์ที่ดีที่สุดตลอดกาล โดยตัวแคล็ปตันเปรยว่าอัลบั้ม I Still Do (2016) อาจเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของเขาเนื่องจากมีปัญหาเจ็บหลัง และเริ่มมีปัญหากับการได้ยินเสียง ภาพยนตร์ Eric Clapton: Life in 12 Bars จึงเป็นการนำประวัติและความสำเร็จของมือกีต้าร์ระดับโลกวัย 72 ปีรายนี้มาเผยแพร่ให้แฟนๆได้ชื่นชมและซึมซับความยอดเยี่ยมแห่งตำนานมือกีต้าร์บลูส์ที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้