ค่า Ohm ของหูฟังคืออะไร
เคยสงสัยกันมั้ยว่าทำไม เราซื้อหูฟังแพงๆมาบางรุ่น เมื่อลองเสียบเข้ากับมือถือแล้วเปิดเพลงฟัง เสียงถึงเบามากเบากว่าหูฟังทั่วไปที่ราคาถูกกว่าเสียอีก ทำให้หลายคนอาจคิดว่า หูฟังเสียหรือเปล่า
จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้ความดังของหูฟังนั้นต่างกันมีอยู่ 2 ปัจจัยคือ ขนาดของไดรเวอร์ และ ค่าความต้านทาน หรือ Ohm นั่นเอง ในวันนี้ Music Arms จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับค่า Ohm ของหูฟังว่า คืออะไรและ แต่ล่ะค่าเหมาะกับการใช้งานแบบไหน
Ohm Ω (โอมห์) คือหน่วยวัดค่า “ความต้านทาน” (Impedance) ของหูฟัง ยิ่งความต้านทานของหูฟังหรือโอมห์มาก กำลังขับกระแสไฟของตัวอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ร่วมกับหูฟัง จะต้องมีมากพอที่จะส่งผ่านไปที่ตัวหูฟังได้ ตรงข้ามกับความต้านทานของหูฟังหรือโอมห์น้อย ก็จะใช้กำลังขับกระแสไฟจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกับหูฟัง จ่ายไฟผ่านไปที่ตัวหูฟังน้อยลงไป นั่นทำให้เมื่อเรานำหูฟังที่มีค่า Ohm สูงไปใช้กับอุปกรณ์ที่ปล่อยกระแสไฟได้ไม่มากอย่าง มือถือ ,tablet ,computer จะมีเสียงที่เบามากสาเหตุก็เพราะว่า ตัวอุปกรณ์ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟให้หูฟังได้เพียงพอนั่นเอง ตรงข้ามกันถ้าหากนำหูฟังที่มีโอมห์น้อยไปใช้กับอุปกรณ์ที่มีกำลังขับกระแสไฟที่มีมากเกินจ่ายเข้าไป อาจจะทำให้หูฟังของท่านเสียหาย ก่อนอายุการใช้งานก็เป็นได้
เราจะแบ่งเป็นช่วงๆให้ทุกคนได้เห็นภาพกัน ว่าแต่ล่ะช่วงเหมาะกับการใช้งานแบบไหน
เท่ากับหรือต่ำกว่า 32 Ohm จะอยู่ในกลุ่มของหูฟังทั่วไป นิยมใช้สำหรับฟังเพลงบนมือถือ สมาร์ทโฟนหรือบนคอม PC
มากกว่า 32 – 100 Ohm จะเจอในกลุ่มของหูฟังมอนิเตอร์ นิยมใช้สำหรับ Home Studio หรือ Interface รุ่นเล็ก ๆ หรือ เครื่องดนตรีไฟฟ้าต่างๆ เช่นกลองไฟฟ้า คีย์บอร์ด ตู้แอมป์เป็นต้น
มากกว่า 100 Ohm ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กับ Studio ขนาดใหญ่ ที่ใช้อุปกรณ์ที่มีกำลังขับมาก อย่างเช่น Mixer ขนาดใหญ่ หรือ Audio Interface รุ่นสูง ๆ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องของ Ohm มากนัก เพื่อเป็นตัวช่วยในการเลือกซื้อหูฟังให้ตรงกับจุดประสงค์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้น