การใช้โปรแกรม CISSCA speaker design software
CISSCA speaker design software เป็นโปรแกรมสำหรับการออกแบบลำโพงสำหรับงานไลฟ์ โดย CISSCA จะจำลองฮอลล์, จำนวนชั้นของฮอลล์, การวางลำโพงในองศาต่างๆ เป็นต้น สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็ป Yamahaproaudio.com ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรีแวร์ใช้ผ่าน Windows ง่ายต่อการใช้งาน สามารถกรอกข้อมูลลำโพงต่างๆ รวมถึงพาวเวอร์แอมป์ เพื่อคำนวนรายละเอียด กำลังไฟ และระดับเสียง สำหรับติดตั้งการวางลำโพงในรูปแบบต่างๆเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
CISSCA speaker design software รองรับลำโพงรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Ceiling Speak, Surface Mount Speaker หรือ Subwoofer ใช้งานง่ายสำหรับผู้ที่ไม่รู้เรื่องระบบเสียงมาก่อน เนื่องจากเข้าโปรแกรมจะโชว์หน้าตาและการใช้งานของลำโพงต่างๆไว้ในโปรแกรม สามารถคำนวน PGM เป็นตัวตั้ง และคำนวนการใช้พาวเวอร์ไฟฟ้าต่างๆ โดยโปรแกรมจะแนะนำข้อมูลเบื้องต้นของลำโพงนั้นๆ เช่นการส่งสัญญาณเสียงแบบ 120 องศา หรือ 90 องศา หากเป็นลำโพง 120 องศา (รูปแบบคว่ำ) เสียงขอบริมจะเบากว่า 90 องศาอยู่ 6 เดซิเบล เสียงที่ดังที่สุดจะอยู่ที่ 0 องศาใต้ลำโพง
Step 1 เมื่อดาวน์โหลด CISSCA speaker design software มาแล้ว ให้ตั้งค่าที่ option สามารถตั้งค่าภาษา, หน่วยเป็นเมตร และพิมพ์ชื่อบริษัทหรือชื่อแผนงานได้ หลังจากนั้นให้เข้าที่ New จะขึ้นหน้า Room Info เป็นการตั้งค่าห้องโถงที่จะทำการติดตั้งลำโพงที่ด้านซ้าย จากนั้นใส่ชื่อไฟล์งานลงใน Memo
- Room Width คือ ความกว้างของห้อง
- Room Dept คือ ความสูงของห้อง
- Ceiling Height คือ ระดับความสูงของลำโพง
- Listening Ear Height คือ ระดับของหูคนปกติ ซึ่งจะอยู่ที่ 1.20 ม.
Step 2 Speaker Select ทำการเลือกลำโพงที่ต้องการ โดยประเภทของลำโพงจะขึ้นมาให้เลือกที่ด้านซ้าย และจะมีระดับความดังเสียงมาให้อีกด้วย ส่วนนี้จะเรียกว่า Target SPL ซึ่งผู้ใช้ต้องไปคำนวนจากระดับเสียงที่ควรได้ยินของมนุษย์อีกเช่นกัน แบ่งเป็น BGM (Background Music) และ FGM (Floorground Music)
- FGM (Floorground Music) จะมีความดังมากกว่า 79 เดซิเบล และคุณภาพเสียงจะชัดเจนมากขึ้น
- BGM (Background Music) จะมีความดังน้อยกว่า 79 เดซิเบล และคุณภาพเสียงจะด้อยกว่า FGM
ระดับเสียงพูดปกติของมนุษย์จะอยู่ที่ 60 เดซิเบล โดยปกติแล้วการตั้งค่าลำโพงจะเน้นเสียงดังไว้ก่อนและค่อยลดมาทีหลัง
Step 3 Coverage Area เป็นการวางลำโพงในรูปแบบต่างๆและจำนวน ซึ่งจะมี 4 แบบ คือ
Maximum Overlap เป็นการวางลำโพงชิดกันเพื่อให้ได้ค่า Overlap หรือค่าเสียงซ้อน ซึ่งจะดังขึ้น
Minimum Overlap เป็นการวางลำโพงห่างกันเพื่อให้ได้ค่า Overlap หรือค่าเสียงซ้อน แต่จะเบากว่า Maximum Overlap
Edge to Edge เป็นการวางลำโพงไม่ให้เกิด Overlap ในระยะห่างกัน
1.4 x Edge to Edge เป็นการวางลำโพงแบบ Edge to Edge และเว้นระยะให้ห่างมากขึ้น เสียงรอบด้านจะเบาลง
2.0 x Edge to Edge เป็นการวางลำโพงแบบ Edge to Edge และเว้นระยะให้ห่างมากที่สุด เสียงรอบด้านจะเบาจนเกือบเงียบ
นอกจากนี้ยังสามารถปรับระดับความสูงของลำโพงและทิศทางการรับเสียงได้ที่ด้านล่าง
Step 4 Sound Presure ตัวโปรแกรมจะคำนวนระดับเสียงของทั้งห้อง โดยจะแสดงเป็นสี สีแดงจะดังสุดไปจนถึงสีเหลืองจะเป็นสีที่ระดับเสียงต่ำสุด ผู้ใช้สามารถรับรู้ว่าห้องที่จะติเตั้งลำโพงมีความดังระดับไหนก่อนที่จะลงมือปฏิบัติ สามารถเลือกดูย่านความถี่สูงและต่ำได้ หรือจะดูเป็นค่า Hz ก้ได้ จากนั้นกด Report เพื่อดูรายละเอียดของโปรแกรมทั้งหมดที่ได้ติดตั้งไป