ไมโครโฟน Microphone อุปกรณ์สำคัญ นักร้อง นักดนตรี
ไมโครโฟน Microphone หรือเรียกแบบย่อ ๆ ว่า ไมค์ (Mic) ทำหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียงที่เราพูดหรือร้องออกไปให้เป็นสัญญาไฟฟ้าครับ โดยภายในตัวไมโครโฟนนั้นจะประกอบไปด้วยแผ่นไดอะแฟรม (Diapheagm) ขดลวด (Coil) แม่เหล็ก (Magnet) โดยการทำงานของส่วนประกอบทั้ง 3 คือ เมื่อคุณส่งเสียงของคุณเข้าไป จะทำให้ขดลวดที่ติดกับแผ่นไดอะแฟรมนั้นเกิดการเคลื่อนที่สั่นสะเทือนส่งผลให้เกิดสนามแม่เหล็ก ทำให้มีกระแสไฟฟ้ากระแสสลับที่มีแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ต่ำมาก หลังจากนั้นจะส่งให้กับเครื่องขยายเสียงเพื่อให้มีสัญญาณที่แรงขึ้นนั่นเองและที่สำคัญทั้งนี้ ไมโครโฟนยังถูกแยกประเภทออกไปด้วยกันถึง 6 ชนิดครับ เอาละมีชนิดใดบ้างไปดูกันครับ
1.ไมโครโฟน ไดนามิค (Dynamic Microphone) โดยภายในนั้นจะประกอบไปด้วยแม่เหล็ก แผ่นไดอะแฟรม ขดลวดที่ประกอบติดกันเมื่อเราส่งเสียงมากระทบกับแผ่นไดอะแฟรม จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวไปมาทำให้เกิดเป็นสนามแม่เหล็กที่มีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ในวงจรนั้น ทำให้เกิดสัญญาณไฟฟ้าขึ้น ไมโครโฟนไดนามิคนั้นจะให้คุณภาพเสียงที่ค่อนข้างดี และมีความแข็งแรงและเหมาะที่จะเป็นไมค์สำหรับร้องเพลง ตัวอย่างไมค์ไดนามิค ดังนี้ Shure SM58 Sennheiser E835S เป็นต้น
2.ไมโครโฟน คอนเดนเซอร์ (Condensor Microphone) ไมค์ชนิดนี้จะใช้คอนเดนเซอร์เป็นตัวสร้างความถี่เพื่อทำให้เกิดสัญญาณไฟฟ้า โดยเมื่อเราส่งเสียงผ่านเข้าสู่ไมโครโฟนจะทำให้ไดอะแฟรมด้านในเคลื่อนที่ทำให้เกิดระยะห่างระหว่างแผ่นและโลหะเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามระดับความดังของเสียงที่เราปล่อยเข้าไปไมค์คอนเดนเซอร์ นี้จะเป็นไมโครโฟนที่ต้องอาศัยไฟในการเลี้ยงวรจรของแบตเตอรี่ โดยข้อดีของไมค์ชนิดนี้คือสามารถรับเสียงคลื่นความถี่ได้สูง มีค่าอิมพิแดนซ์ Impedance ที่ต่ำจึงตอบสนองต่อเสียงได้ไว โดยไมโครโฟนคอนเดอเซอร์ นี้จะเหมาะสำหรับงานที่ใช้ในสตูดิโอ และยังสามารถเป็นไมค์ที่นำไปใช้อัดเสียงเครื่องดนตรีด้วยได้ ยกตัวอย่างไมค์คอนเดนเซอร์ ดังนี้ MXL 770, Franken SM-1 Studio เป็นต้น
3.ไมโครโฟน ริบบอน (Ribbon Microphone) เป็นไมค์ไดนามิคชนิดหนึ่งที่มีความเปราะบางมากที่สุดในบรรดาไมค์ทุกชนิด โดยมีความแตกต่างจากไมค์ไดนามิคคือ ไมค์ไดนามิคนั้นจะใช่แผ่นไดอะแฟรม แต่ไมค์ริบบอนนั้นจะเป็นการใช้แผนริบบอน ที่ทำมาจากแผ่นอะลูมิเนียม ที่บางมาก ๆ การรับเสียงของไมโครโฟน ริบบอนนั้นจะเป็นการรับเสียงแบบด้านข้างได้เท่านั้นหรือเรียกกันกว่า Side Address ในปัจจุบันนั้นไมโครโฟน ริบบอนนั้นได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันก็คือ พาสซีฟ ไมโครโฟน ริบบอน Passive Ribbon Microphone และ แอคทีพ ริบบอน ไมโครโฟร Active Ribbon Microphone โดยทั้ง 2 แบบนั้นจะมีความแตกต่างกันตรงที่ ใช้/ไม่ใช้ External Pre-amp แต่ถ้าไม่ใช้นั้นจจะต้องใช้ Phantom Power ในการส่งกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยง Impedance Conversion Amplifier ซึ่งข้อดีคือจะได้กระแสไฟฟ้าที่มากกว่าแบบ Passive Ribbon Microphone นั่นเอง ยกตัวอย่างไมค์ริบบอน ดังนี้ MXL R77, MXL R144, MXL R144 HE เป็นต้น
4.ไมโครโฟน คาร์บอน (Carbon Microphone) ไมค์คาร์บอนนี้ถือเป็นไมโครโฟนยุคแรก ๆ โดยไมโครโฟน คาร์บอนนี้ได้ถูกพัฒนาหรือสร้างขึ้นภายในหลอด บรรจุภัณฑ์ ที่ประกอบด้วยแผ่นโลหะสองแผ่นด้วยกัน ที่มีชั้นของคาร์บอนขนาดเล็กอยู่ระหว่างแผ่นโลหะในแต่ละแผ่น มีเชื่อมต่อกับสายไฟ และสายไฟเชื่อมต่อไปกับตัวรับสัญญาณเสียงด้านบนของ ไมโครโฟนคาร์บอนนั้นจะปกคลุมไปด้วยโลหะ พลาสสติก ที่มีรูอยู่ด้านใน และก็เป็นตัวที่ปกป้องไม่ให้ไมค์เกิดความเสียหายอีกด้วย ไมโครโฟนคาร์บอนจะให้คุณภาพเสียงที่ไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากมีช่วงความถี่ที่แคบและจำกัด ยังมีระดับการรบกวนที่สูง ทำให้ในปัจจุบันไม่พบการใช้งานไมโครโฟนคาร์บอนแล้ว เนื่องจากปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยไมค์ไดนามิค ไมค์คอนเดนเซอร์ มากกว่า
5.ไมโครโฟน คริสตอล (Ctystal Microphone) ไมค์คริสตอล นั้นคือไมค์ที่มีแร่คริสตอลเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้า โดยสามารถรับแรงสั่นสะเทือนได้จากคลื่นเสียงผ่านทางไดอะแฟรม ได้แรงดันไฟฟ้าที่สูงกว่า ทำให้มีค่า Impedance ที่สูง ในด้านเสียงของไมค์ชนิดนี้คือจะได้คุณภาพที่อยู่ในช่วงความถี่อยู่ในระดับย่านความถี่กลาง ไม่กว้าง ทำให้ส่งสัญญาณเสียงได้ไม่ดี ควบคุมเสียงได้ยาก ไมค์ชนิดนี้จึงไม่เหมาะกับงานในระดับมืออาชีพ และในปัจจุบันก็ไม่มีการใช้ไมค์ชนิดนี้อีกด้วย
- ไมโครโฟน เซอร์รามิค (Ceramic Microphone) ไมค์ชนิดนี้ มีลักษณะการออกแบบที่คล้ายคลึงกับไมโครโฟน คริสตอล แต่แตกต่างกันที่วัสดุเซรามิคที่มีคุณภาพดีกว่าคริสตัล และข้อดีอีกอย่างของไมค์ชนิดนี้คือมีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของความชิ้นและอุณหภูมิมากกว่า แต่ในปัจจุบันพบการใช้งานของไมโครโฟน เซอร์รามิค เรื่องคุณภาพเสียงก็นั้นเหมือนกันกับไมโครโฟน คริสตอล เลยนั่นเอง
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับท่านผู้อ่านทุกท่านเกี่ยวกับเรื่องไมโครโฟน คือ และ ไมโครโฟนทั้ง 6 ชนิด ด้วยกัน อย่างข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นนะครับจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันการใช้งานของไมโครโฟนนั้น จะใช้งานหลัก ๆ เพียง 2 ชนิดเท่านั้นคือ ไมโครโฟน ไดนามิค Dynamic Microphone และ ไมโครโฟน คอนเดนเซอร์ Condensor Microphone ทั้งนี้คุณผู้อ่าน สามารถคลิ้กที่นี่ เพื่อชมไมค์ทั้ง 2 แบบได้จากทางร้าน Music Arms ได้เลยครับ ครั้งหน้า Music Arms จะมาเขียนบทความอะไรให้กับคุณผู้ชมได้อ่านกันอย่างลืมติดตามกันนะครับหรือท่านผู้อ่านอยากอ่านเรื่องอะไรสามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ตามช่องทางออนไลน์ของ Music Arms ได้เลยครับ Music Arms จะหาข้อมูลมาเล่า มาเขียนให้คุณผู้ชมได้อ่านกันครับ วันนี้ผมขอลาไปก่อนขอบคุณครับสวัสดี