ระดับเสียงร้องของมนุษย์
การขับร้องถือเป็นการสร้างสรรค์ดนตรีที่ง่ายและเป็นพื้นฐานที่สุดของมนุษยชาติ ซึ่งเสียงของนักร้องทั่วไปนั้นก็จะแตกต่างกันไปตาม เพศ ชาติพันธุ์ วัย รวมไปถึงการออกเสียงตามลักษณะภาษาอีกด้วย เสียงร้องเพลงของมนุษย์นั้นจะขึ้นอยู่กับลมหายใจ ดังนั้นการร้องเพลงที่ดีคือการหายใจที่ถูกจังหวะและดึงเสียงออกมาจากช่องลม ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินมา นอกจากนั้นยังมีประเภทเสียงแบบต่างๆซึ่งหากเรียนขับร้องแล้วจะต้องรู้ว่าระดับเสียงของตนเองนั้นอยู่ในช่วงใด จึงจะเลือกเพลงที่เหมาะสมกับตนหรือร้องประสานเสียงกับผู้อื่นได้อย่างกลมกลืน ดังนั้นเราจะมาดูวิธีการแยกประเภทลักษณะเสียงแต่ละประเภทกันก่อน เพื่อเพื่อนๆผู้อ่านจะได้แนวทางการร้องเพลงของตนเองที่ถูกต้อง
ปกติแล้วเสียงของมนุษย์จะแบ่งเป็น 6 ประเภท ได้แก่ ฝ่ายหญิง 3 ประเภท เรียงจากเสียงสูงไปหาต่ำ เช่น โซปราโน (Soprano) เมซโซโซปราโน (Mezzo-soprano) และอัลโต (Alto) สำหรับฝ่ายชาย 3 ประเภทเรียงจากเสียงสูงไปหาต่ำ เช่น เทเนอร์ (Tenor) บาริโทน (Baritone) และเบส (Bass) แต่ก็อาจมีข้ามระดับกันได้บ้างในกรณีที่ฝ่ายหญิงมีโทนเสียงต่ำหรือฝ่ายชายมีโทนเสียงที่สูงกว่าปกติ ในบางครั้งจึงอาจเห็นผู้ชายร้องเสียงโซปราโนได้ หรือผู้หญิงร้องเสียงเบสได้ ซึ่งวงขับร้องประสานเสียงคอรัสจะต้องการความกลมกลืนในระดับเสียงที่แตกต่างกันไป
โซปราโน (Soprano)
เป็นเสียงที่สูงที่สุดของผู้หญิง ซึ่งอยู่ในตัวโน๊ต A หรือ Bb ที่ออคเต็ป 3 โน๊ตที่ต่ำที่สุดของโซปราโนคือ F ที่ออคเต็ป 3 ในขณะที่โน๊ตสูงสุดอาจไปถึง G ออคเต็ป 6 เลยทีเดียวเหมือนที่ Jules Massenet เคยทำได้ในคอนเสิร์ตโมสาร์ท Popoli di Tessaglia! นักร้องเสียงโซปราโนจะมีการใช้ลูกเล่นที่ช่วงคอ ปกติแล้วเสียงโซปราโนมักจะเอาไว้ร้องเพลงดนตรีคลาสสิคเช่น โมสาร์ท หรือ เพลงของบีโธเฟ่น และมักจะเป็นการขับร้องประสานเสียงซะเป็นส่วนมาก เพราะลักษณะเสียงค่อนข้างสูงและกังวานนั่นเอง
เมซโซโซปราโน (Mezzo-soprano)
เป็นเสียงที่ระดับคีย์ต่ำลงกว่าโซปราโนเล็กน้อย ปกติแล้วเสียงประเภทนี้เราจะได้ยินในการร้องเพลงละครเวทีหรือจำพวกโอเปร่าของทางฝั่งยุโรป เสียงเมซโซโซปราโนจะมีคีย์ที่ค่อนข้างกว้างเพราะเป็นเสียงร้องได้หลายประเภทดนตรี ปกติแล้วเสียงเมซโซโซปราโนจะอยู่ที่ A ออคเต็ป 3 ไปจนถึง A ออคเต็ป 5 ซึ่งกว้างสุดในย่านคีย์ของนักร้องผู้หญิง โทนเสียงประเภทนี้จะมีความเข้มกว่าโซปราโนและมีมิติอารมณ์ จึงปรากฏในละครเวทีหลายเรื่อง เรื่องที่ดังที่สุดคงไม่พ้น โรมีโอ แอนด์ จูเลียต ของวิลเลี่ยม เช็คสเปียร์ ซึ่งถ้าใครอยากฟังเสียงเมซโซโซปราโนก็ไปหาฟังในละครเรื่องนี้ได้
อัลโต (Alto)
เป็นเสียงต่ำสุดของผู้หญิงซึ่งในเพลงสมัยใหม่เราจะได้ยินเสียงโทนนี้ค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะเป็นป็อป ร็อค บลูส์ แจ๊ส เพราะจะเป็นคีย์มาตรฐานที่นักร้องหญิงในปัจจุบันร้อง (ไม่นับพวกตัวแม่อย่างเช่น Mariah Carey หรือ Celine Dion ที่จะทำคีย์ได้สูงกว่านี้) คีย์ของอัลโตจะอยู่ที่ E ออคเต็ปที่ 3 จนถึง F ออคเต็ป 5 เสียงอัลโตนี้จะไม่ค่อยได้เห็นในวงประสานเสียงมากนักเพราะส่วนมากนิยมผสมเสียงระหว่างชายหญิงเองมากกว่า ทำให้เสียงอัลโตต้องไปหาฟังในเพลงสมัยใหม่ซะเป็นส่วนใหญ่
เทเนอร์ (Tenor)
เสียงคีย์สูงของเพศชายโทนนี้จะอยู่ในคีย์ C3- B4 เสียงเทเนอร์จะนิยมใช้มากในเพลงโอเปร่าที่เป็นเสียงผู้ชาย คีย์สูงที่สุดที่เคยบันทึกไว้คือ F5 โดย Bellini puritani นักร้องโอเปร่าชาวอิตาลีในคอนเสิร์ต “Credeasi misera” ชื่อเทเนอร์นั้นมาจากภาษาละตินมีความหมายว่า ควบคุม ดังนั้นเสียงเทเนอร์จึงมักจะเป็นเสียงหลักในดนตรีโอเปร่า โดยมักจะนำไปผสมกับเมซโซโซปราโนเพื่อให้ได้เสียงอัลโตนั่นเอง นอกจากนี้แล้วเสียงเทเนอร์ยังเป็นเสียงคีย์มาตรฐานในเพลงของโมสาร์ทอีกด้วย
บาริโทน (Baritone)
เป็นเสียงผู้ชายที่พบมากที่สุด โดยคำว่าบาริโทนมาจากภาษากรีก แปลว่าลึกหรือหนัก เสียงบาริโทนจะอยู่ในคีย์ G2 จนถึง G4 แม้ว่าเป็นเสียงผู้ชายทั่วไปแต่เสียงบาริโทนกลับได้รับการยอมรับในวงกว้างไม่เหมือนเสียงอัลโต เพราะตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 บาริโทนก้ได้เป็นเสียงหลักในการร้องเพลงโอเปร่าที่อิตาลีแล้ว จนมาถึงศตวรรษที่ 20 ก็ยังเป็นเสียงหลักในดนตรีสมัยใหม่ของทางอังกฤษและอเมริกาอีกด้วย เสียงบาริโทนจึงเป็นเสียงที่หาฟังได้ง่ายที่สุดตั้งแต่เพลงโอเปร่าจนมาถึงเพลงคลาสสิคปัจจุบันนั่นเอง
เบส (Bass)
ตามชื่อภาษาอังกฤษเลยเพราะเสียงนี้จะเป็นคีย์ของเครื่องดนตรีประเภทเบสหรือเสียงที่ต่ำกว่าออคเต็ปปกติ ปกติแล้วเสียงโทนนี้จะไม่เป็นเสียงหลักในการร้อง ดังนั้นเราจะไม่เห็นเสียงเบสในเพลงปกติเท่าไหร่นัก ยกเว้นการร้องประสานเสียงที่เสียงเบสเป็นกุญแจสำคัญในการประสานให้เข้ากับเสียงโทนอื่น ดังนั้นเราจะพบเสียงเบสในการร้องเป็นวงแทบทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นโอเปร่า เพลงคลาสสิคโบราณยุคโมสาร์ท บีโทเฟ่น จนมาถึงเพลงปัจจุบันที่ขาดเสียงเบสไม่ได้เลย เสียงเบสนั้นจะอยู่ในคีย์ D2- E4
หากนักร้องค้นพบว่าเสียงของตนเองอยู่ในระดับใด ก็จะง่ายต่อการหาคีย์ในการร้องเช่นเดียวกับการประสานเสียงกับผู้อื่น และนักดนตรีที่เป็นแบ็คอัพก็จะรู้สึกง่ายในการหาคีย์อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถฝึกร้องเพลงให้ถูกต้องกับโทนเสียงตนเอง เช่น โซปราโนก็จะเน้นการสั่นของลูกคอ ในขณะที่เสียงเบสจะเน้นช่องลมบริเวณท้องเป็นอย่างมาก พอรู้จักระดับเสียงของตนเองก็จะง่ายในการฝึกฝนเพื่อเป็นนักร้องคุณภาพในอนาคต
ขอบคุณบทความจาก choirly
ขอบคุณรูปภาพจาก choirly